logo-heading

อย่างที่ทราบกันดีว่านี่คือฤดูกาลสุดท้ายของ อาร์แซน เวนเกอร์ ชายแก่หนังเหี่ยววัย 68 ปี ที่ใช้ช่วงเวลา 1 ใน 3 ของชีวิต อุทิศให้กับสโมสร อาร์เซน่อล

  และค่ำคืนนี้เราก็จะได้รู้กันแล้วว่า ฤดูกาลสุดท้ายของ "เจ๊เหี่ยว" กับ "ไอ้ปืนใหญ่" จะจบลงด้วยมือเปล่า หรือจะได้ลุ้นมีถ้วยยูโรปาลีก ติดไม้ติดมือก่อนอำลาจากไป แต่ก่อนเกมรอบรองชนะเลิศระหว่าง แอตเลติโก มาดริด กับ อาร์เซน่อล จะหวดกัน เรามาทบทวนกันหน่อยดีกว่าว่าตลอด 22 ปี ของ เวนเกอร์ มีโมเม้นท์ไหนในระดับสโมสรยุโรปที่เด่นๆ และน่าจดจำบ้าง วันนี้หยิบมาฝากสัก 5 เหตุการณ์  

1.เข้าชิง ชปล. ในปี 2006

https://www.youtube.com/watch?v=Uf-6aRJk8q0 ฤดูกาล 2005/06 เป็นฤดูกาลที่ขุมกำลังของทัพ "ไอ้ปืนใหญ่" นั้นแข็งแกร่งและลงตัวมาก เรียกได้ว่าผ่านมาได้ถึงรอบชิง าไม่ได้แชมป์ปีนี้ ก็ไม่รู้ว่าต้องรอไปอีกกี่สิบปี ในรอบแบ่งกลุ่มพวกเขาจบด้วยการเป็นแชมป์ ชนะ 5 เสมอ 1 รอบ 16 ทีมสุดท้ายก็เชือด เรอัล มาดริด มาได้ด้วยสกอร์รวม 1-0 รอบ 8 ทีมตบ ยูเวนตุส สกอร์รวม 2-0 รอบรองชนะเลิศก็เฉือน บียาร์เรอัล ได้ 1-0 จะเห็นได้ว่าตั้งแต่เข้ารอบน็อคเอ้าท์มาลูกทีมของ เวนเกอร์ เตะไป 6 นัด ยังไม่เสียประตูเลย และหากรวมกับรอบแบ่งกลุ่มด้วย "เดอะ กันเนอร์ส" ที่ตอนนั้นมี เยนส์ เลห์มันน์ เฝ้าเสา โคโล่ ตูเร่ กับ โซล แคมป์เบลล์ เป็นแนวรับ ไม่เสียประตูมาแล้ว 10 เกมติด!   ด้วยฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม แนวรับแข็งแกร่ง เกมรุกดุดัน ทำให้การเจอกับยักษ์ใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า ก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวสำหรับสาวก "เดอะ กันเนอร์ส" และ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะขอสัมผัสถ้วยบิ๊กเอียร์นี้ให้ได้ ทว่าแผนการที่ "เจ๊เหี่ยว" วางไว้ ต้องเปลี่ยนฉับพลันตั้งแต่ 18 นาทีแรก เมื่อ เลห์มันน์ ออกมาตัดจังหวะหลุดเดี่ยวของ ซามูเอล เอโต้ นอกกรอบเขตโทษจนโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป ทำให้ เวนเกอร์ ต้องปรับแผนถอด โรแบร์ ปิแรส ออกแล้วส่ง มานูเอล อัลมูเนีย ลงมาเฝ้าเสาแทน   แต่ 10 คนของ อาร์เซน่อล ก็สร้างเซอร์ไพร้ส์ด้วยการขึ้นนำจากลูกโขกของ โซล แคมป์เบลล์ ในนาทีที่ 37 จากนั้น "ปืนใหญ่" ก็กลายสภาพเป็นรถบัส ตั้งรับแหลก และเกือบจะสำเร็จ จนกระทั่งมาโดน 2 ลูกรวดท้ายเกมในนาทีที่ 76 และ 80 พอโดนนำก็ถอดใจ และชวดแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย จนถึงทุกวันนี้ยังถกเถียงกันอยู่เลยว่าหาก 11 คนเท่ากัน ป่านนี้ "เจ๊เหี่ยว" คงมีแชมป์ยุโรปมาประดับบารมีไปแล้ว      

2.เขี่ย เอซี มิลาน ตกรอบในฤดูกาล 2007/08

https://www.youtube.com/watch?v=yeI3kAILV8A ในรอบแบ่งกลุ่ม อาร์เซน่อล ทำได้แค่จบเป็นรองแชมป์ ทำให้มีโอกาสจับเจองานหิน นั่นคือแชมป์ของกลุ่มอื่นๆ ซึ่งก็หินจริงๆ เพราะต้องปะทะกับ เอซี มิลาน ซึ่งมีดีกรีเป็นแชมป์เก่าที่อัดแน่นไปด้วยยอดแข้งอย่าง เปาโล มัลดินี่, อเลสซานโดร เนสต้า, อันเดรีย ปีร์โล่ และ ริคาร์โด้ กาก้า เป็นต้น ตอนนั้นใครๆ ก็คิดว่าเส้นทางฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลนั้นของ "ปืนใหญ่" และ เวนเกอร์ คงหยุดที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายนี่แหละ   ทว่าเกมแรกที่บ้านของ อาร์เซน่อล แม้จะจบ 0-0 แต่เจ้าถิ่นเป็นฝ่ายครองบอล ครองเกม เปิดหน้าบุกใส่ได้น้ำได้เนื้อ เรียกว่าสู้ได้ดีจนตะลึง ทำให้แฟนๆ เริ่มมีความหวังเล็กๆ ที่จะโค่นยักษ์ให้ล้มคาบ้าน ในเลกที่ 2 ซึ่งลูกทีมของอีเจ๊แม่งทำได้จริงๆ หวะ รูปเกมอาจไม่ได้ดีกว่าเหมือนเลกแรก แต่ก็ได้กองหลังที่เหนียวแน่น บวกกับโชคชะตาที่เข้าข้างทำให้รอดพ้นจากการเสียประตูไปหลายต่อหลายหน หนำซ้ำช่วงท้ายเกมมาโดนทีเด็ดลูกยิงไกลของ เชส ฟาเบรกาส ซัดหายเป็นประตูให้ทีมเยือนขึ้นนำ แถมเป็นอเวย์โกลด้วย นั่นหมายความว่า มิลาน ต้องยิงถึง 2 ลูกในอีก 6 นาทีที่เหลือ ซึ่งทำไม่ได้ไม่เท่าไหร่ โดนประตูย้ำชัยช่วงทดเจ็บจาก เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ด้วย กลายเป็น "ปีศาจแดง-ดำ" สิ้นท่าพ่ายคารังร่วงตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายสิ้นลายแชมป์เก่า   อย่างไรก็ตาม อาร์เซน่อล ก็ไปได้ไม่ถึงไหน จอดแค่ป้ายหน้าในรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือของทีมคุ้นเคยอย่าง ลิเวอร์พูล ด้วยสกอร์รวม 3-5 ประตู ท้ายสุดแล้วปีนั้นแชมป์คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เอาชนะจุดโทษ เชลซี ไปได้อย่างสุดมันส์  

3.ถล่ม อินเตอร์ มิลาน 5-1 ในฤดูกาล 2003/04

แม้จะเป็นแค่เกมรอบแบ่งกลุ่ม แต่ก็ถือเป็นโมเม้นต์นึงที่น่าจดจำบนเวทียุโรปของ อาร์แซน เวนเกอร์ เพราะหลังจากเตะมา 3 เกมแรก ไม่ชนะใครเลย แถมแพ้ อินเตอร์ เละเทะคาบ้าน 3-0 นัดที่ 4 ต้องออกไปเยือน "ไอ้งูใหญ่" ที่ จูเซปเป้ เมอัซซ่า โจทย์เดียวของพวกเขาหากยังหวังเข้ารอบต่อไปคือต้องชนะให้ได้เท่านั้น   เธียร์รี่ อองรี กองหน้าตัวความหวังของ อาร์เซน่อล ซัลโวนอกกรอบเขตโทษบอลพุ่งเลียบเสียบเสาเข้าไปอย่างสวยงาม ทว่า คริสเตียน วิเอรี่ หัวหอก อินเตอร์ ก็มายิงบอลแฉลบผู้เล่น ปืนใหญ่ บอลเปลี่ยนทางเสียบคานเข้าประตูไป จบครึ่งแรกเสมอกัน 1-1 ตอนนั้นใครๆ ก็คิดว่า อินเตอร์ กลับมาได้แน่ เพราะสภาพทีมพร้อมกว่า แถมได้เล่นในบ้าน ทว่าครึ่งหลังกลายเป็น ลูกทีมของอีเจ๊ที่ไม่รู้ไปกินอะไรมาตอนพักครึ่งรัวยิง 4 เม็ด ใน 45 นาทีหลัง เฟรดดี้ ลุงเบิร์ก, อองรี บวกเม็ดที่ 2 ของตนเอง, เอดู และ โรแบร์ ปิแรส ต่อชะตาลุ้นเข้ารอบน็อคเอ้าท์ได้สำเร็จ ซึ่งท้ายสุดแล้ว อาร์เซน่อล ก็พลิกสถานการณ์ผ่านเข้ารอบได้จริงๆ ด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม ต่างกับ "งูใหญ่" ที่ฟอร์มหล่นหายจบอันดับ 3 อดเข้ารอบซะงั้น   ฤดูกาลนั้น อาร์เซน่อล ไปจอดป้ายที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือของ เชลซี ด้วยสกอร์รวม 3-2 ทั้งที่ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายอุตส่าห์ถล่ม เซลต้า บีโก มาได้ 5-2 แล้วแท้ๆ  

4.เข้าชิง ยูฟ่า คัพ ในปี 2000

https://www.youtube.com/watch?v=0fqrRlTfxmc ฤดูกาล 1999/00 อาร์เซน่อล ต้องร่วงจาก แชมเปี้ยนส์ ลีก ลงมาเล่นใน ยูฟ่า คัพ (ยูโรปา ลีก ปัจจุบัน) เพราะจบเป็นที่ 3 ในรอบแบ่งกลุ่ม แน่นอนหล่ะว่ามาตราฐานของ "ไอ้ปืนใหญ่" ถือว่าสูง หากเทียบกะถ้วยใบเล็กของยุโรป เรียกได้ว่าเป็นเต็งแชมป์เลยทีเดียว ซึ่งก็เป็นไปตามที่ใครหลายคนคาดเพราะไล่เก็บทั้ง น็องต์ส, เดปอร์ติโว ลา คอรุนญ่า, แวร์เดอร์ เบรเมน และ ลีลล์ จนกรุยทางสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ   คู่ชิงของ อาร์เซน่อล ได้แก่ กาลาตาซาราย ทีมยักษ์ใหญ่จากตุรกี ที่ตอนนั้นนำทัพมาโดย ฮาคาน ซูเคอร์ กับ จอร์จี้ ฮาร์จี้ และมี ฟาห์ติ เตริม คุมทีม แต่หากย้อนมาดูขุมกำลังของ อาร์เซน่อล นั้นเหนือกว่ามาก 11 ตัวจริงวันนั้น มีแต่ตัวเป้งๆ ทั้งนั้นไล่ตั้งแต่ ดาวิด ซีแมน ผู้รักษาประตู แผงหลังอย่าง โทนี่ อดัมส์ กับ มาร์ติน คีโอห์น กองกลางมี ปาทริค วิเอร่า, เอ็มมานูเอล เปอร์ตี และ เรย์ พาเลอร์ เป็นต้น คู่หัวหอกเขย่าโลกันต์ เดนนิส เบิร์กแคมป์ และ เธียร์รี่ อองรี   ดูชื่อชั้นแล้วยังไงๆ ก็แชมป์แน่นอน ทว่า 90 นาทีผ่านไป ทั้ง 2 ทีมยังไม่มีปัญญายิงกัน ต้องต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที นาทีที่ 94 "ไอ้ปืนใหญ่" ได้เปรียบยิ่งขึ้นเมื่อ จอร์จี้ ฮาร์จี้ แข้งคนสำคัญของ กาลาฯ โดนไล่ออก ทว่าท้ายสุดแล้ว อาร์เซน่อล ก็ยิงไม่ได้จบ 120 นาทีไปแบบจืดชืด 0-0 ต้องดวลจุดโทษ และเป็นทีมดังจากแดนไก่งวงที่แม่นกว่าซัด 4 คนไม่พลาดเลย ลูกทีมอีเจ๊เพิ่งได้ยิง 3 คน พลาดไป 2 คือ ดาวอร์ ซูเคอร์ และ พาทริค วิเอร่า คนเดียวที่เข้าคือ เรย์ พาเลอร์ ชวดแชมป์ไป   แม้จะเป็นนัดชิงที่ไม่น่าจดจำ แต่ก็ถือว่าเป็นการเข้าใกล้คำว่าแชมป์ยุโรปมากที่สุดอีกก้าวนึงในชีวิตการคุมทัพ "เดอะ กันเนอร์ส" ตลอด 22 ปี ของชายที่ชื่อว่า อาร์แซน เวนเกอร์ ผมเชื่อว่าเจ๊แกก็ยังคงไม่ลืมเกมนี้เช่นกัน  

5.ยูโรปา ลีก 2017/18

https://www.youtube.com/watch?v=lKL5waRrEhQ คืนนี้แหละจะได้รู้กันว่า อาร์แซน เวนเกอร์ จะพา อาร์เซน่อล เข้าชิงได้สำเร็จหรือไม่ แต่ไม่ว่าจะได้หรือไม่ได้ ผมก็เชื่อว่าฤดูกาลนี้ก็จะเป็นโมเม้นท์ที่น่าจดจำไปตลอดชีวิตของ เวนเกอร์ เพราะนี่คือการพา "ไอ้ปืนใหญ่" ที่เขาปลุกปั้นมาตลอด 22 ปี ลงเล่นเกมยุโรปเป็นฤดูกาลสุดท้าย ก่อนจะอำลาจากกันไป

ชิน ชินพัฒน์

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline