ซึ่งในเกมตลอด 90 นาทีมีหลากหลายเหตุการณ์ที่น่าสนใจให้หยิบจับมาพูดถึงกัน จะมีประเด็นอะไรน่าสนใจบ้าง ขอบสนาม ของเราได้รวบรวมมาเสิร์ฟให้กับแฟนบอลทุกท่านแล้ว
การจัดทัพ
เริ่มต้นที่การจัดทัพต้องบอกว่า เอริค เทน ฮาก เลือก 11 ตัวจริงตามผลงานที่ปรากฎออกมาอย่างแท้จริง ตัวอย่างชัดเจนคือในตำแหน่งแบ็คซ้ายที่เกมล่าสุดในบอลถ้วยยูโรปาลีก ไทเรลล์ ลามาเซีย แสดงความผิดพลาดออกมาให้เห็น ส่งผลให้เกมนี้หน้าที่ตกเป็นของ ลุค ชอว์ ในการได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทัน เช่นเดียวกับ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ ที่ได้จับคู่ปราการหลังกับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ แม้ ราฟาเอล วาราน จะสลัดอาการบาดเจ็บกลับมาได้แล้วก็ตาม
เช่นเดียวกับในรายของ เจดอน ซานโช่ ที่เกมนี้ถูกดร็อปเป็นตัวสำรอง พร้อมปล่อยให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ลงสนามเป็นตัวจริงเกมแรกในซีซั่นนี้ นอกจากนั้น กาเซมิโร่ ก็ได้รับโอกาสลงเป็น 11 ตัวจริงเกมแรกในพรีเมียร์ลีกเช่นกัน โดยจับคู่แดนกลางกับ คริสเตียน อิริคเซ่น ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวต้องตกเป็นตัวสำรองของ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ มาตลอด
ส่วนฝั่งเจ้าบ้าน เอฟเวอร์ตัน ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนขุมกำลังแข้งตัวหลักๆ ยังคงอยู่กันพร้อมหน้าไม่ว่าจะเป็น คอเนอร์ โคดี้, อเล็กซ์ อิโวบี้, เดมาไร เกรย์ หรือ นีล โมเปย์
ผีแดง ตามก่อน แต่ไม่ใช่ปัญหา
เรียกได้ว่าเพียง 5 นาทีเจ้าถิ่นก็ทำเอาแฟนบอลทัพ "ปีศาจแดง" ตาค้างกันแล้วเมื่อมาเจาะประตูได้แต่ต้นเกม แถมมาจากการยิงนอกกรอบสุดสวยของ อล็กซ์ อิโวอี้ ซึ่งจังหวะนี้มาจากการผิดพลาดในแดนกลางของ กาเซมิโร่ ก่อนโดนลงโทษแบบเจ็บแสบ ทว่าหลังจากนั้นเกมทุกอย่างกลับเหวี่ยงไปอยู่ในการครอบครองของผู้มาเยือนทั้งหมด
แมนฯ ยูไนเต็ด พยายามครองบอลบีบนวดไปเรื่อยๆ ใช้จังหวะการต่อบอลตามช่อง เช็ตเกมจากแดนหลัง และมาออกดอกจากจังหวะการตะบันของ อันโตนี ซึ่งก็เท่ากับว่าเจ้าหมอนี้ลงเล่นพรีเมียร์ลีก 3 เกมแรก ทำประตูได้ทั้งหมด ซึ่งแต่ละดอกต้องยอมรับเลยว่าสวยๆ ทั้งนั้น
ทว่าอีกจุดเปลี่ยนคืออาการบาดเจ็บของ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล ที่ผลงานทำประตูถือว่ายอดเยี่ยมดันมาเจ็บช่วงกลางครึ่งแรก เล่นต่อไม่ไหวจนกลายเป็นโอกาสของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลงสนามมาแทน ก่อนตอบแทนทุกอย่างด้วยประตูแห่งชัยชนะ
ซึ่งช็อตดังกล่าวต้องยกนิ้วให้กับ กาเซมิโร่ ที่แก้ไขความผิดพลาดของตัวเองแย่งบอลจากคู่แข่งได้อย่างเนียนกริบ ก่อนจ่ายให้ "พี่โด้" อย่างแนบเนียน ก่อนปิดบัญชีไปแบบเลือดเย็น เป็นการนับหนึ่งของดาวยิงโปรตุเกสในเกมลีกซีซั่นนี้
ส่วนครึ่งหลังแม้ เอฟเวอร์ตัน จะครองบอลได้มากกว่า บวกกับความผิดพลาดที่ แมนยูฯ เองก็ยังพอมีการแสดงออกมาให้เห็นบ้าง ทว่าพวกเขาฉวยโอกาสไม่ได้ทำให้จบเกม ทำให้ทัพ "ทอฟฟี่" หยุดสถิติไร้พ่ายติดต่อกันในทุกรายการไว้ที่ 7 เกม
กาเซมิโร่ เฉิดฉาย
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจคือการได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงเกมแรกในพรีเมียร์ลีกของ กาเซมิโร เพราะอย่างที่เรียนไปว่าก่อนหน้านี้เขาต้องนั่งอยู่ข้างสนามเป็นตัวสำรองของ แม็คโทมิเนย์ ที่ยกระดับกลายร่างใส่เกราะทองจนยึดตัวจริงถาวร ทว่าพอเปลี่ยนมาเป็นมิดฟิลด์ชาวบราซิลเราจึงได้เห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเกมที่เขาเองก็มีความผิดพลาดให้ได้เห็นอยู่บ้าง แต่กับฟุตบอลใหม่ๆ ที่ต้องเจอ บวกกับการได้ลงเล่นแบบเพียงหยิบมือในช่วงที่ผ่านมาทำให้การปรับตัวอาจจะยังไม่ได้แนบเนียนมากนัก
แต่สิ่งที่สัมผัสได้จาก 90 นาทีในเกมนี้คือคลาสฟุตบอลที่สูงมากขึ้น พลางยกระดับแดนกลางของทีมให้มีสมดุลมากกว่าเดิม คุมจังหวะของเกม แถมแก้เพลสซิ่งของฝั่งเจ้าบ้านได้อย่างยอดเยี่ยม บวกกับการดักจังหวะเอาบอลคืนหลักฐานชัดเจนช็อตดักตัด และใช้ความเฉียบขาดจ่ายทะลุช่องให้ โรนัลโด้ ยิงเข้าไปซัดประตูชัย
ซึ่งต่อจากนี้คือเรื่องของการปรับตัวกับฟุตบอลอังกฤษให้คุ้นชินมากกว่านี้ เกมเมื่อคืนน่าจะเป็นบทเรียนกองโตให้เขารับรู้กับมัน ว่าแล้วแม้จะมีจังหวะผิดพลาดโดนตัดบอลจนโดนคู่แข่งลงโทษ ทว่าเขาได้รับเลือกเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ จากสื่อหลายๆ สำนักที่ลงความเห็นตรงกัน
700 ตุงของ พี่โด้
ย้อนไปเมื่อเกมกลางสัปดาห์ โรนัลโด้ คือคนที่พยายามแล้วพยายามอีกที่จะพาบอลไปซุกก้นตาข่ายให้ได้อย่า แต่ทว่าก็ต้องผิดหวังทั้งที่มีโอกาสหลายครั้ง ส่วนเกมนี้เจ้าตัวได้รับโอกาสลงสนามมากหน่อยจากอาการบาดเจ็บของ มาร์กซิยาล พร้อมตอบแทนด้วยประตูปลดล็อค และเรียกความมั่นใจได้มากโข
นอกจากนั้นยังเป็นการซัดประตูที่ 700 ตลอดอาชีพการค้าแข้งในระดับสโมสรอีกด้วยแบ่งเป็นกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน 5 ประตู, เรอัล มาดริด 450 ประตู, ยูเวนตุส 101 ประตู และ แมนฯ ยูไนเต็ด 144 ประตู
แน่นอนนี่คือช่วงเวลาที่แฟนบอลเองไม่คุ้นชินกับความเป็น โรนัลโด้ เท่าไหร่นัก ทั้งบทบาทการเป็นตัวสำรอง หรือสภาพร่างกายที่ไม่เป็นเหมือนเดิม แต่หนึ่งสิ่งที่ยังคงไว้คือความกระหาย และชัยชนะที่เขาต้องการ
เชื่อว่าประตูที่ทำได้จะเป็นตัวส่งเสริมชั้นยอดถึงความมั่นใจที่จะกลับมาอีกครั้ง และน่าจะปลดล็อคอะไรบางอย่างในตัวเขาให้กลับมามีความเฉียบขาดเหมือนเดิมอีกครั้ง
มาร์กซิยาล น่าเป็นห่วง
"เล่น 1 นัด เจ็บ 3 อาทิตย์" น่าจะเป็นวลีที่เปรียบได้กับผลงานของ มาร์กซิยาล มากที่สุดแล้วในห้วงเวลาที่ผ่านมา ในเกมล่าสุดเป็นครั้งแรกที่เขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในฤดูกาลนี้ ภายหลังโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานนับตั้งแต่ม่านซีซั่น 2022-23 เปิดฉากขึ้น
ซึ่งก่อนหน้านี้ 3 เกมเจ้าตัวถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรองทั้งหมด ทว่าผลงานถือว่าจับต้องการทำไปได้ถึง 3 ตุง แต่พลันที่ถูกส่งเป็นตัวจริงกลับโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานอีกครั้ง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคราวนี้จะต้องพักยาวมากขนาดไหน
เรื่องผลงานในสนามยอดเยี่ยมไม่กล้าปฏิเสธ แต่การที่นักเตะต้องบาดเจ็บและห่างสนามบ่อยๆ แบบนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ ซึ่งมันคงต้องเป็นการบ้านของ เอริค เทน ฮาก ว่าจะจัดการกับปัญหาตรงนี้อย่างไร เพราะทรัพยากรแดนหน้าที่มีตอนนี้มันอาจไม่เพียงพอในการหมุนเวียนเท่าไหร่นัก
- Paolinho -