แม้ว่าเกมฟุตบอลไทยลีกคู่ที่ใหญ่ที่สุดที่ทุกคนต่างยกให้เป็น "ซูเปอร์บิ๊กแมตช์" จะถูกโยกมาเตะกันในคืนวันศุกร์ (4 พ.ค.) แต่ความน่าสนใจของคู่นี้ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลย
โดยคู่ที่พูดถึงนั้นก็คือเกมที่สนาม "ช้าง อารีนา" ระหว่าง
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่จะพบกับ เอสซีจี เมืองทอง ในเกมนัดที่ 14 ของไทยลีก 2018
เกมนี้เป็นการเจอกันหนที่ 27 (ทุกรายการ) ของ 2 มหาอำนาจลูกหนังไทย และแม้ว่าจะต้องเล่นกันในวันธรรมดา แต่เราเชื่อว่าในความคลาสสิคของคู่นี้เจอกันเมื่อไหร่ก็คู่ควรต่อการดูเมื่อนั้น
ดังนั้นวันนี้เราขอเสนอ 5 เหตุผลที่แฟนฟุตบอลไทยควรชมฟุตบอลซูเปอร์บิ๊กแมตช์ในวันนี้
1. นี่คือนัดชี้ชะตาแชมป์ของ เอสซีจี เมืองทอง
ด้วยคะแนนที่
เอสซีจี เมืองทอง ตามหลัง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่อยู่บนสุดของตารางคะแนนไทยลีกถึง 8 แต้ม ทำให้เกมในค่ำนี้ที่ "กิเลนผยอง" จะบุกพลไปเล่นที่ "ช้าง อารีนา" เหมือนเป็นการตัดสินแชมป์กลายๆ ของพวกเขาด้วย
เพราะถ้าหาก เมืองทอง ไม่มีแต้มกลับนนทบุรีจะทำให้ความห่างเพิ่มเป็น 11 คะแนน และหากตีคะแนนเป็นเกมเท่ากับว่า บุรีรัมย์ มีโอกาสพลาดได้มากถึง 4 และมีข้อแม้ว่า เมืองทอง ต้องไม่พลาดอีกเป็นอันขาด ซึ่งถือว่าเป็น "ข้อแม้" ที่ยากมากๆ
ดังนั้นถ้าเกมนี้ เมืองทอง อยากมีชื่อลุ้นแชมป์ต่อต้อง 3 แต้มถึงจะดีที่สุด
2. นี่คือเกมแรกของ ราโดวาน เคอร์ซิช เฮดโค้ชใหม่เมืองทอง
เกมนี้หลายคนยกให้เป็นเกม
"เซิร์บชนเซิร์บ" เพราะนี่คือเกมแรกในการคุมทัพ เอสซีจี เมืองทอง ของ
ราโดวาน เคอร์ซิช เฮดโค้ชคนใหม่ของทีม โดยทำให้กุนซือทั้งสองทีมเป็นชางเซอร์เบียเหมือนกันพอดิบพอดี ซึ่งมีสถิติที่น่าสนใจคือเมื่อไหร่ก็ตามที่ กิเลน ใช้โค้ชต่างชาติมักพบกับความพ่ายแพ้เมื่อเล่นกับ สายฟ้า ส่วน กุนซือใหม่ของเมืองทองรายนี้ก็มีสถิติที่ดีในการคุมทีมเกมแรกที่มักจะลงเอยด้วย 3 แต้มแทบทุกนัด
3. นี่คือเกมฟุตบอลลีกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบ้านเรา
26 เกมที่ผ่านมาถือเป็นเครื่องการันตีความมันส์ของคู่นี้ว่าเจอกันทีไรสนุกทุกครั้ง แม้ว่าผลงานโดยรวมจะเป็น บุรีรัมย์ ที่มีสถิติดีกว่าด้วยการชนะ 12 นัดด้วยกัน และเสมอกัน 10 นัด ส่วน เมืองทอง ก็เพิ่งจะมาขู่ได้ในยุคของ "โค้ชแบน" ด้วยการชนะ 4 นัดด้วยกัน แต่ความยิ่งใหญ่ของทั้งสองทีมที่สร้างขึ้นมานั้นคับเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็นแชมป์มากมายก่ายกอง, ทั้งนักเตะดีกรีทีมชาติในทีมเพียบ, เงินลงทุนที่เป็นเบอร์ต้นๆ ของลีก
ทำให้เมื่อไหร่ก็ตามที่ "บุรีรัมย์ เจอกับ เมืองทอง" หลายคนจึงยกให้เป็นบิ๊กเกมระดับประเทศที่ควรค่าแก่การรับชมเป็นอย่างยิ่ง
4. นี่คือครั้งแรกที่สองทีมเจอกันในช่วงที่ฟอร์มไม่พีค
ข้อนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แต่มันคือความจริงที่ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีนักของทั้ง บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ เอสซีจี เมืองทอง เพราะผลงานในสนามคือคำตอบ อย่างเช่น บุรีรัมย์ แพ้เกมเยือน 2 นัดติด และเริ่มดร็อปลงไป ส่วน เมืองทอง ผลงานทรงๆ มาตลอดตั้งแต่ที่ "โค้ชแบน" ถึงจะไม่แพ้แต่ส่วนใหญ่กาาคุมทีมของ "โค้ชใหม่" ที่ขัดตาทัพก็หนักไปทางเสมอ
ดังนั้นนี่จึงเป็นครั้งแรกที่เราจะได้ดูทั้งคู่เจอกันแบบที่ไม่มีทีมหนึ่งทีมใดฟอร์มพีค เรื่องนี้ก็น่าจะทำให้เกมคู่นี้สนุกไปอีกแบบ
5. นี่คือการวัดคมกันของ 2 กองหน้าที่ดีที่สุดในลีก
โชคดีที่เกมนี้ยังมีอะไรดีๆ ให้ดูอยู่บ้าง กับการได้ดูการดวลกันของ 2 กองหน้าที่เที่สุดในไทยลีกเวลานี้อย่าง
ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ ดาวซัลโวไทยลีกในขณะนี้ที่ 12 ประตู และ เฮแบร์ตี้ เฟอร์นานเดส รองดาวซัลโวที่ซัดไปแล้ว 9 ตุงด้วยกัน ซึ่งถือว่าทั้งคู่อยู่ในช่วงทีาฟอร์มกำลังพีคพอดี ทำให้งานนี้น่าจะสนุกที่ได้เห็น
"เทพเจ้าสายฟ้า" สู้กับกองหลังกิเลน และ
"เดอะแบกแห่งเมืองทอง" ดวลกับกองหลังสายฟ้า ดังนั้นมาดูกันว่า "ใคร" จะมีชื่อยิงประตูในเกมนี้
บทความโดย : บอลกูรู (เจษดาพร ศรีสรง)
ภาพจาก : บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ เอสซีจี เมืองทอง