ฟรานซิส อูโซโฮ จากโกล์โนเนม ! สู่จุดเปลี่ยนในชีวิตหลังได้ดวล แมนฯ ยู ทีมรัก

กลายเป็นผู้เล่นที่แจ้งเกิดจนโด่งดังในชั่วข้ามคืนเลยจริงๆ สำหรับเจ้า ฟรานซิส อูโซโฮ นายทวารจากสโมสร โอโมเนีย นิโคเซีย หลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ถึงแม้ท้ายที่สุดจะต้องแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ไปก็ตาม

ผู้คนในวงต่างก็ชื่นชมและยกย่องในฝีไม้ลายมือและสิ่งที่เขาได้แสดงให้เห็นในเกมดังกล่าวโดยเฉพาะการเซฟลูกยิงที่กระจุยกระจาย และในเมื่อเป็นแบบนั้นแล้ววันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือการพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับเจ้า ฟรานซิส อูโซโฮ กันครับ

ฟรานซิส อูโซโฮ ชื่อเต็มๆ คือ ฟรานซิส โอดินาก้า อูโซโฮ เกิดวันที่ 28 ตุลาคม ปี 1998 ที่ เอ็นวานเจเล่, ไอโม สเตท ประเทศไนจีเรีย ปัจจุบันอายุ 23 ปี มีส่วนสูง 198 เซนติเมตร หรือ 6 ฟุต 6 นิ้ว เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู ปัจจุบันสังกัดอยู่กับ โอโมเนีย นิโคเซีย ในลีกประเทศไซปรัส และได้สวมเสื้อหมายเลข 23

ถึงตัวจะเกิดที่ ไนจีเรีย ใน เอ็นวานเจเล่ แต่เส้นทางตามฝันในการก้าวสู่นักฟุตบอลอาชีพนั้นเริ่มขึ้นที่ แอสไปร์ อคาเดมี่ เป็นอคาเดมี่ที่ได้ฝึกปรือและปลุกปั้นนักกีฬา กาตาร์ ทว่าที่ๆ เจ้า ฟรานซิส อูโซโฮ ไปอยู่นั้นเป็นสาขาที่ เซเนกัล ตอนอายุได้ราวๆ 14 ขวบในปี 2013 

จริงๆ ก่อนหน้านั้นเดิมทีเจ้า อูโซโฮ นั้นเป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้า แต่ด้วยส่วนสูงที่ความคล่องตัวพี่แกถูกมองไว้ว่าการเป็นผู้รักษาประตูน่าจะเป็นทางที่เวิร์คกว่า และหลังจากที่โชว์ฟอร์มและฉายแววได้ดีในทัวร์นาเมนต์ที่ บาร์เซโลน่า นั่นก็ได้ทำให้เขาได้โอกาสย้ายมาใช้ชีวิตใน สเปน ที่ ศูนย์ฝึกเยาวชนของ เดปอร์ติโบ ลา คอรุนญ่า ในปี 2016

แต่ด้วยกฏเกณฑ์เรื่องอายุที่ถูกตั้งไว้ทำให้เขาสามารถเซ็นสัญญากับ "ซูเปอร์เดปอร์" ได้ก็ตอน มกราคม ปี 2017 หลังจากนั้นไม่นาน อูโซโฮ ก็ได้โอกาสซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ได้เลื่อนจากทีมเยาวชนขึ้นมาเล่นให้ทีมรองสำรองในฤดูกาล 2017-18 ก่อนจะได้ประเดิมสนามในทีมชุดใหญ่ในวันที่ 10 กันยายน ที่ต้นสังกัดเอาชนะ เรอัล มาดริด กาสติย่า ไปได้ 3-0 พร้อมกับเก็บคลีนชีทได้สำเร็จ

15 ตุลาคม ปี 2017 อูโซโฮ ได้ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ และได้ประเดิมสนามบนสังเวียนใหญ่อย่าง ลา ลีกา สเปน เป็นครั้งแรก โดยในเกมที่บุกไปเสมอกับ เออิบาร์ พี่แกได้สร้างสถิติเป็นผู้เล่นผู้รักษาประตูชาวต่างชาติอายุน้อยที่สุดที่ประเดิมสนามบนเวที ลา ลีกา ที่ตัวเลข 18 ปี กับอีก 352 วัน

ฟรานซิส อูโซโฮ ต่อสัญญาใหม่ออกไปอีก 3 ปี แต่ด้วยความที่อายุยังน้อยเกินกว่าจะก้าวขึ้นไปเป็นตัวหลักโชคชะตาส่วนใหญ่ก็คือการถูกปล่อยตัวไปเก็บเลเวลกับทีมอื่นๆ เริ่มที่ เอลเช่ ก่อนจะโยกไปลีก ไซปรัส กับ อนอร์โธซิส 

อย่างไรก็ตามเมื่อหลังจากได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการกับก็ดันเจอปัญหาเกี่ยวกับใบรับรองสุขภาพซึ่งส่งผลให้ อนอร์โธซิส โดนตัดไป 9 แต้ม ถึงแม้หลังจากนั้นจะมีการยื่นอุทธรณ์เพื่อขอยกเลิกโทษดังกล่าว แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ ส่วนทาง อูโซโฮ ได้ลดโทษเหลือแบน 1 นัด และปรับเงิน 1,000 ยูโร

ต่อมา ฟรานซิส อูโซโฮ ก็ได้ย้ายไปเก็บเลเวลกับ โอโมเนีย นิโคเซีย อีกหนึ่งทีมในลีก ไซปรัส ในรูปแบบการยืมตัว แต่ชีวิตก็ไม่ได้ดูไปได้สวยกว่าที่ผ่านๆ มาเลยสักนิด เพราะต้องเจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงาน หลังจากนั้นก็ได้เซ็นสัญญา 3 ปีย้ายไปอยู่กับ อาโปเอล นิโคเซีย และแน่นอนชะตากรรมของเขาก็ยังเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนกับการได้เป็นแค่ตัวสำรองเท่านั้น

ปี 2019 เจ้า ฟรานซิส อูโซโฮ ก็ได้ตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่กับ โอโมเนีย นิโคเซีย อีกครั้งซึ่งคราวนี้เป็นการเซ็นสัญญาถาวร 3 ปีแต่ก็ยังมีสถานะเป็นตัวเลือกสำรองของ ฟาเบียโน่ เช่นเคย

ส่วนเส้นทางกับ ทีมชาติไนจีเรีย พี่แกได้โอกาสเป็นตัวแทนของชาติตั้งแต่ชุด ยู-17 ที่ไปลุยศึก ฟุตบอลโลก ในปี 2013 ก่อนที่หลังจากนั้นอีก 4 ปี อูโซโฮ จะถูกเรียกตัวติดทัพ "อินทรีมรกต" เป็นครั้งแรก และได้เปิดตัวในเกมอุ่นเครื่องที่ ไนจีเรีย สามารถเอาชนะ อาร์เจนติน่า ไปได้ 4-2

ทุกอย่างมันเหมือนจะกำลังไปได้สวยเลย เขากำลังได้รับการพิจารณาให้ขึ้นมาเป็น โกล์มือ 1 ของชาติ ในการสู้ศึก ฟุตบอลโลก 2018 ที่ รัสเซีย แต่สุดท้ายก็ดันเจอปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงาน และก็ต้องถอนตัวไป ล่าสุดในเกม ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือกที่เจอกับ กาน่า พี่แกก็โดนวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ ไนจีเรีย ชวดตั๋วไปผจญภัยที่ กาตาร์

ประสบการณ์บนเส้นทางอาชีพของ ฟรานซิส อูโซโฮ แทบไม่มีอะไรที่ดูสวยหรูเลย ไปอยู่ที่ไหนก็มีสถานะเป็นแค่ตัวสำรองเท่านั้น อย่างไรก็ตามการได้เผชิญหน้ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นัดล่าสุดในศึก ยูฟ่า ยูโรปา ลีก มันอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญสำหรับชีวิตของเขาก็เป็นได้

ฟรานซิส อูโซโฮ ได้โอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมๆ นี้ เพราะนายทวารมือหนึ่งอย่าง ฟาเบียโน่ มีปัญหาอาการบาดเจ็บพอดี และนั่นก็ได้สร้างความตกตะลึงให้กับคอบอลทั่วทั่งโลก เพราะในรูปเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด มีโอกาสมากมาย และได้ลุ้นประตูจากโอกาสยิงถึง 34 ครั้ง ใครเห็นก็ว่าตาย ยังไงก็โดนยิงเละเทะแน่นอน

แต่ไปๆ มาๆ ด้วยผลงานที่โดดเด่นจากการเซฟไปพัลวันถึง 12 ครั้งของ ฟรานซิส อูโซโฮ ทำให้ โอโมเนีย นิโคเซีย เกือบบุกไปแชร์แต้มกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ถึง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายดันมาเสียประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเสียอย่างนั้น

ถึงผลการแข่งขันจะชวดให้รู้สึกเซ็งและผิดหวังแต่สำหรับเจ้า ฟรานซิส อูโซโฮ นี่น่าจะเป็นเกมการแข่งขันที่ดีและน่าจดจำที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะนี่คือวันที่เขาน่าจะโชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในอาชีพผู้รักษาประตู ได้รับคำชื่นชมมากมายจากผู้คนในวงการ และที่สำคัญคือนี่คือเกมที่พี่แกได้เจอกับสโมสรที่คลั่งไคล้และตามเชียร์มาตั้งแต่เด็กนั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

"ผมไม่ผิดหวังเลย เพราะเรามีเกมที่ดี มันคงจะเพอร์เฟคกว่านี้ถ้าเกิดเราเก็บได้สักแต้ม แต่ผมแฮปปี้นะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายในการลงเล่นสนามแห่งนี้ที่เต็มไปด้วยผู้เล่นระดับบิ๊กเนม แต่ผมมีความสุขมากๆ "

"ฝันของผมเป็นจริงแล้ว ผมฝันมาตลอดว่าได้โอกาสลงเล่นที่นี่ ตอนที่ผมเห็นผลการจับสลากแบ่งกลุ่ม ผมอยากเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มากๆ และขอขอบคุณพระเจ้าที่ได้มอบโอกาสนี้ให้ผมได้ลงเล่น"

อดีตผู้เล่นของ แมน ฯ ยูไนเต็ด อย่าง โอเว่น ฮาร์กรีฟฟส์ รวมไปถึง นีล เลนน่อน กุนซือของ โอโมเนีย นิโคเซีย เองต่างก็เชื่อมั่นว่านี่ชีวิตของ ฟรานซิส อูโซโฮ หลังจากนี้จะมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาอย่างแน่นอน 

โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ บอกว่า "เขาได้เจอกับเกมแห่งชีวิตแล้ว เขาน่าทึ่งมาก หลังจากนี้เอเยนต์ของเขาจะได้รับโทรศัพท์และมีข้อเสนอเข้ามามากมายแน่นอน เราทุกคนต่างก็มีช่วงเวลา มีเกมที่เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของคุณ และตอนนี้ทุกๆ คน รู้จักชื่อของเขาแล้ว"

นีล เลนน่อน กล่าวว่า "เขามีแรงบันดาลใจ ผมประทับใจในตัวเขาจริงๆ เมื่อคุณได้เล่นกับทีมแบบนี้ผู้รักษาประตูของคุณจำเป็นต้องเล่นให้ดีมากๆ และเขาก็เล่นได้ เวิลด์ คลาส สุดๆ ผมมีความสุขกับเขามากๆ จริงๆ เขาต้องอดทนจนกว่าโอกาสจะมาถึง และผมได้คุยกับเขาแล้วถึงสิ่งที่ต้องการ เขาได้ฉายแสงสปอร์ตไลท์ ผมดีใจมากเพราะการทำงานหนักของเขามันส่งผลแล้ว"

จากผู้รักษาประตูโนเนมๆ ไม่มีใครสนใจ และก็เป็นได้แค่อะไหล่สำรองเท่านั้นตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชีวิตของ ฟรานซิส อูโซโฮ เจอกับชะตากรรมที่ยากลำบากมาไม่น้อย แต่หลายๆ คนเชื่อว่านี่คือเกมที่เป็นจุดพลิกผันแห่งชีวิต และบางทีอีกไม่นานหลังจากนี้เราอาจจะได้เห็นเขาได้ตบเท้าเข้ามาสู่ลีกชั้นนำของยุโรปก็เป็นได้

HaMu Dos Santos