อนาคตของ "คริสเตียโน่ โรนัลโด้" ดูเหมือนจะมีความคืบหน้ามากขึ้นแล้ว หลังเพิ่งแยกทางกับ "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" เมื่อไม่นานมานี้ มันมีความเป็นไปได้สโมสรต่อไปของพี่ท่านนั้นอาจเป็น "อัล-นาสเซอร์" ใน "ซาอุดิอาระเบีย"
ตามรายงานที่ระบุออกมาจากสื่อดังอย่าง มาร์ก้า ได้ระบุว่าเรื่องของสัญญานั้นจะอยู่ที่ 2 ปี แต่ที่เด็ดสุดๆ เลยก็คือค่าจ้างที่เจ้าตัวจะได้รับที่หลัก 200 ล้านยูโรต่อปี
ไม่รู้ว่าเรื่องดังกล่าวจะจริงแท้แค่ไหน ? แต่วันนี้สิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอก็คือการพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับสโมสร อัล นาสเซอร์ แห่งนี้กันครับ
ประวัติ
สโมสร อัล-นาสเซอร์ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสโมสรที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดใน ซาอุดิอาระเบีย พวกเขาคว้าความสำเร็จมาได้ทั้งหมด 27 โทรฟี่นับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 1955 หรือในช่วง 67 ปีที่ผ่านมา
โดยในระดับการแข่งขันแบบลีกภูมิภาค อัล-นาสเซอร์ คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ของ ซาอุดิอาระเบีย มา 9 สมัย, คิงส์ คัพ อีก 6 สมัย, คราวน์ พรินซ์ คัพ 3 สมัย, เฟเดอเรชั่นส์ คัพ 3 สมัย และ ซาอุดิ ซูเปอร์ คัพ อีก 2 สมัย
ส่วนในระดับนานาชาตินั้นมีแชมป์ จีซีซี แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย, เอเชี่ยน คัพ วินเนอร์ส คัพ 1 สมัย และ เอเชี่ยน ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย
ความหมาย
คำว่า อัล-นาสเซอร์ ในภาษาอาราบิกแปลว่า "ชัยชนะ" และในขณะเดียวกันก็มีอีกหลายๆ ประเทศที่มีทีมฟุตบอลชื่อว่า อัล-นาสเซอร์ ไม่ว่าจะเป็น โอมาน, คูเวต, บาห์เรน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และ ไลบีเรีย แต่สำหรับที่ ซาอุดิอาระเบีย นี่คือที่แรกที่มีการตั้งชื่อสโมสรว่า อัล-นาสเซอร์
ถัดมาที่เรื่องของโลโก้สโมสรกันบ้าง ที่เราเห็นลวดลายแปลกๆ นั้นที่มาของมันก็คือแผนที่ภูมิประเทศของ ซาอุดิอาระเบีย ที่เป็นสีเหลืองกับน้ำเงิน ส่วนที่มาและความหมายของ "สีเหลือง" นั้นหมายถึง สีของผืนทรายที่งดงามของทะเลทรายอาหรับ เช่นเดียวกับ "สีน้ำเงิน" ที่หมายถึงผืนน้ำที่งดงามของทะเลอ่าวอาหรับ
สนามเหย้า
คิง ซาอุด ยูนิเวอร์ซิตี้ สเตเดี้ยม หรือที่รู้จักกันในชื่อ เมอร์ซูล พาร์ค (MRSOOL Park) ตั้งอยู่เมือง ริยาดห์ โดยถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2011 มีความจุ 25,000 ที่นั่ง แต่ถึงกระนั้นสนามแห่งนี้ได้กลายมาเป็นสนามเหย้าของ อัล-นาสเซอร์ เมื่อเร็วๆ นี้เอง หลังมีการตกลงเซ็นสัญญากันเมื่อปี 2020
เจ้าของทีม
อัล-นาสเซอร์ อยู่ภายใต้การปกครองโดย มูซัลลี่ อัลมูอัมมาร์ ที่ควบทั้งตำแหน่งผู้เทคโอเวอร์และหน้าที่ประธานสโมสรตั้งแต่ช่วงปี 2018 ถึง ปัจจุบัน แถมยังมีบทบาทเป็นที่ปรึกษาที่ General Entertainment Authority ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านอุตสาหกรรมบันเทิงใน ซาอุดิอาระเบีย
เรื่องของความร่ำรวยนั้นอาจยังไม่ได้มีการเปิดเผยเป็นที่แน่ชัดแต่ที่แน่ๆ การวางแผนจะให้ค่าจ้าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในระดับ 200 ล้านยูโรต่อปีมันต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
ผู้จัดการทีม
ชื่อของ รูดี้ การ์เซีย เชื่อว่าหลายๆ คนก็น่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว เพราะในอดีตที่ผ่านมา ก่อนจะมาอยู่กับ อัล-นาสเซอร์ ก็เคยผ่านการบัญชาทัพให้ทีมดังๆ มาไม่น้อยไม่ว่าจะเป็น ลีลล์, โรม่า, โอลิมปิก มาร์กเซย และ โอลิมปิก ลียง ส่วนผลงานที่แจ่มๆ ในระดับ มาสเตอร์ พีซ เลยก็คือการพา ลีลล์ คว้าแชมป์ ลีก เอิง และ เฟร้นช์ คัพ ในฤดูกาล 2010-11 และพา มาร์กเซย ไปถึงรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ฤดูกาล 2017-18
ส่วนปัจจุบันกับ อัล-นาสเซอร์ ที่เพิ่งย้ายมาคุมทีมเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาก็คุมทีมไปแล้ว 8 นัด แบ่งเป็นชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 1 พาทีมรั้งอยู่อันดับ 2 ในเวที โปร ลีก ของ ซาอุดิอาระเบีย และมีเปอร์เซนต์การพา
ทีมชนะอยู่ที่ 75 เปอร์เซนต์ จัดว่าเป็นสถิติที่ไม่เลวเลย
ผู้เล่นชื่อดัง
ผู้เล่นส่วนใหญ่ของ อัล-นาสเซอร์ เกินกว่า 70 เปอร์เซนต์ล้วนแล้วเป็นผู้เล่นในบ้านเกิดที่ ซาอุดิอาระเบีย แต่ในขณะเดียวกันก็มีนักเตะต่างชาติอยู่หลายคนที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดีไม่ว่าจะเป็น อันแดร์ซอน ทาลิสก้า ที่เคย เบนฟิก้า กับ เบซิคตัส ซึ่งตอนนี้กำลังนำเป็นดาวซัลโวของทีมด้วย
ผู้รักษาประตูอย่าง ดาวิด ออสปิน่า ก็มีดีกรีเคยเป็นมือดีของ อาร์เซน่อล, นาโปลี และ ทีมชาติโคลอมเบีย กองหลังอย่าง อัลบาโร่ กอนซาเลซ ก็เคยอยู่กับ บียาร์เรอัล และ โอลิมปิก มาร์กเซย และ ชิสแล็ง โกน็อง ที่ก็เคยอยู่กับ แร็งส์ ใน ลีก เอิง ฝรั่งเศส
ส่วนในแผงแดนกลางนอกจาก อันแดร์ซอน ทาลิสก้า แล้วก็ยังมีจอมเก๋าอย่าง ลุยซ์ กุสตาโว่ ที่เคยสัมผัสประสบการณ์กับทีมดังๆ อย่าง บาเยิร์น มิวนิค, โวล์ฟสบวร์ก, มาร์กเซย และ เฟเนร์บาห์เช่ แถมยังมีดีกรีถึงระดับการเล่นให้ ทีมชาติ บราซิล ด้วย
ตลอดจนกองหน้าตัวแกร่งอย่าง แว็งซ็องต์ อาบูบาการ์ ที่เพิ่งซัลโวในศึก ฟุตบอลโลก 2022 นัดที่ แคเมอรูน พลิกล็อคเอาชนะ บราซิล 1-0 ก็คือหนึ่งในขุนพลสำคัญของ อัล นาสเซอร์ ด้วยเช่นกัน
HaMu Dos Santos
