logo-heading

11 ตัวจริงให้โอกาสเด็ก/สำรองทั้งคู่

สำหรับผู้เล่นออกสตาร์ท ทั้ง 2 ทีมมีความคล้ายกัน คือพร้อมที่จะปรับเปลี่ยน ให้โอกาสดาวรุ่งหรือสำรอง โดยฝั่งเจ้าบ้าน หงส์แดง หลังจากนัดแพ้ ไบรท์ตัน เละเทะ พวกเขารู้แน่ชัดว่ากลางชุดเดิมดูไม่เวิร์คอีกต่อไป

จึงเลือกจัดแผงมิดฟิลด์ 3 คนชุดเดียวกับที่เล่นดีและชนะ วูล์ฟส์ ในศึก เอฟเอ คัพ นัดก่อน สเตฟาน บายเซติช ยืนกลางรับ, นาบี เกอิต้า ยืนตัวกลางคู่ ติอาโก้ อัลคันทาร่า ที่เป็นตัวแบกของทีมอยู่แล้ว

ส่วนกองหลัง เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกไม่ใช่งาน โจเอล มาติป และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ โดยให้เหตุผลอ้อม ๆ ว่า ถ้าคุณเล่นเกมรับไม่ได้ คุณก็ลงเล่นไม่ได้ จึงเป็น โจ โกเมซ และ เจมส์ มิลเนอร์ ที่ได้โอกาสแทน

ส่วนฝั่ง เชลซี ให้โอกาสดาวรุ่งหลายคนเช่นกัน ทั้ง เทรเวอร์ ชาโลบาห์, เบอนัวต์ บาเดียชิล, ลูอิส ฮอลล์ ซึ่งไม่แปลกเพราะนัดก่อนพวกเขาเหล่านี้เล่นได้ดี แม้จะยังประสบการณ์ไม่สูงแต่ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ก็พร้อมเชื่อใจ

 

รูปเกม ไม่มีใครเด่นกว่ากัน

บางช่วงก็พาง่วงแบบสุด ๆ บางช่วงก็พอจะทำให้ได้เสียวและกลับไปง่วงต่อบ้าง โดยจบ 90 นาทีเกมนี้ ทั้งสองทีมครองบอลพอ ๆ กัน หาโอกาสยิงได้พอ ๆ กัน

แต่ถ้าดูทรงบอลต้องยอมรับว่า สิงห์บลูส์ ทีมเยือนดูจะมีอนาคต มีทรวดทรงเป็นรูปเป็นร่างมากกว่าหน่อย ขณะที่ ลิเวอร์พูล มีจังหวะเล่นดีบ้าง แต่ก็แค่แปปเดียว รวม ๆ แล้ว รูปเกมทั้งหมดไม่มีใครเล่นดีกว่าใครอย่างชัดเจน ผลเสมอจึงถือว่าคู่ควรแล้ว

แนวรุก ลิเวอร์พูล ยังไม่ลงตัว

หงส์แดง มีอีกหลายสิ่งที่ต้องปรับให้เข้าที่ รวมถึงเรื่องแผงเกมรุกเช่นกัน นัดนี้พวกเขาส่ง โคดี้ กัคโป ที่ถนัดปีกซ้ายเล่นกองหน้า, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ที่นัดก่อนเล่นปีกขวาได้ดี มาเกมนี้ต้องมายืนซ้าย ส่วน โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ยืนขวาที่ถนัด แต่กลับรีดฟอร์มไม่ออกเลย

ขณะที่ ดาร์วิน นูนเญซ หน้าเป้าธรรมชาติ แต่กลับถูกส่งสำรองมายืนซ้าย อะไร ๆ มันดูสลับกันไปหมด เพราะฉะนั้นนัดหน้า เราคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องดีกว่า หากส่ง นูนเญซ เป็นกองหน้า, กัคโป ยืนปีกซ้าย และ ซาลาห์ ยืนขวา ตามที่ 3 คนถนัด เพื่อจะจูนกันให้ติดสักทีครับ

 

มูดริค ทรงดีเลย

ตัวรุก เชลซี วันนี้ นอกจาก เมสัน เมาท์ แล้วก็ไม่ได้มีใครถึงขั้นย่ำแย่หนัก ไค ฮาแวร์ตซ์ ก็พอทำหน้าที่ตัวเองได้ดี และเกือบทำประตูได้

แต่สปอตไลท์ส่วนใหญ่ เชลซี ต้องส่องมาอยู่ที่ปีกป้ายแดงอย่าง มิไคโล มูดริค ที่ลงสำรองมาในนาทีที่ 55 แม้จะมีจังพลาดแป๊กเล็กน้อย แต่ที่เหลือคือดีเลย เล่นได้โคตรอันตราย ไม่แปลกใจทำไมมีราคาหลายล้าน และดู ๆ แล้ว หากจูนกับเพื่อนร่วมทีมอีกสักนัด น่าจะติดปีกได้เลย

จะว่าไป ตัวรุก สิงห์บลูส์ ฤดูกาลนี้ หากฟิตพร้อมครบ ๆ อาจจะพอพึ่งพาได้ ตัวจริงถ้าเป็น มูดริค, ฮาแวร์ตซ์ และ เจา เฟลิกซ์ เราคิดว่าน่าจะมีโอกาสเวิร์คเลยละครับ

ฟาบินโญ่ คือหมดแล้ว

พูดถึงดี ๆ ไปแล้ว มาดูอะไรที่มืดมนที่สุดในเกมนี้ นั่นก็คือฟอร์มของ ฟาบินโญ่ ที่ถูกลงมาสำรองในช่วง 10 นาทีท้ายพร้อมกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน

คือทาง เฮนโด้ ยังพอดูมีประโยชน์ วิ่งได้ จ่ายได้ แต่กับ ฟาบินโญ่ เกือบลงมาสร้างโทษซะงั้น เขามีทั้งจังหวะจ่ายพลาด และลงแทบจะหายไปกับหญ้าสนาม พอวิ่งเล่นเกมรับก็เหมือนมาวิ่งจ็อกชิว ๆ

น่าจใหาย และไม่น่าเชื่อเหมือนกันนะครับ ว่านี่คือนักเตะที่เคยถูกยกให้เป็นหนึ่งในกลางรับที่ดีที่สุดของลีก อายุยังไม่ถึง 30 แต่เล่นเหมือน 35 เลย

 

ไม่มีใครคู่ควรท็อปโฟร์

แม้ในทางทฤษฎี ด้วยความที่ พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้พึ่งแข่งมาแค่ประมาณครึ่งเดียว ลิเวอร์พูล ที่อยู่อันดับ 8 และ เชลซี ที่อยู่อันดับ 10 อาจยังมีโอกาสลุ้นที่ 4

แต่ ๆ ในทางปฏิบัติเราต้องยอมรับว่าคงเป็นไปได้แล้ว ด้วยฟอร์มการเล่นนัดนี้ที่ยิ่งยืนยันว่าพวกเขาคือเล่นได้แบบทีมกลางตาราง และต้องยอมรับว่ามาตรฐานปัจจุบันยังห่างจาก นิวคาสเซิ่ล และ แมนฯ ยูไนเต็ด ครับ

แต่อย่างไรก็ตาม ผลเสมออาจยังพอมองแง่ดีได้สำหรับทั้งสองฝ่าย ด้าน ลิเวอร์พูล เก็บคลีนชีตเกมลีกได้เป็นนัดแรกในรอบ 8 เกม ซึ่ง คล็อปป์ และ มิลเนอร์ ก็บอกอย่างน้อยก็ยังเป็นก้าวเล็ก ๆ

ส่วนฝั่ง เชลซี แม้จะไม่สามคะแนน แต่ พ็อตเตอร์ ก็ชื่นชมว่าลูกทีมถือว่าเล่นกันใช้ได้ และอย่างน้อย ๆ ก็เป็นการเก็บคลีนชีตนัดที่ 2 ติดต่อกัน

จากนี้แฟนทั้งสองทีมก็คงต้องมาลุ้นกัน ว่าทีมใครจะสามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ก่อนกันครับ.

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline