ขอบสนามส่งตัวแทนอย่าง เปี๊ยกบางใหญ่ ไปตะลุยเดี่ยวในครั้งนี้ และเก็บภาพบรรยากาศต่าง ๆ มาฝากชาวขอบสนาม
เริ่มตะลุย เอสปันญ่อล
เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ตื่นเต้นมาก เนื่องจากการเดินทางคนเดียว ซึ่งการไป สเปน ครั้งนี้เป็นหนที่สอง แต่เป็นครั้งแรกของการไปเมือง บาร์เซโลน่า หลังจากได้รับการยืนยันจากทาง เอสปันญ่อล ซึ่งมีคุณ เมอริตเซลล์ บากาเรีย เป็นผู้ประสานงาน ได้ทำการยืนยันสถานที่และนัดแนะเวลา พร้อมกับตั๋วการเข้าสนามแบบอีทิคเก็ตมาให้เพื่อโหลดเก็บในโทรศัพท์มือถือ
ออกเดินทาง
ไฟลท์บิน โดยสายการบิน เอมิเรตส์ มุ่งหน้าจาก กรุงเทพมหานคร ไปทรานสิต เปลี่ยนเครื่องที่ ดูไบ ก่อนต่อไปที่สนามบินบาร์เซโลน่าเอลแปรต สนามบินนานาชาติประจำเมือง ใช้เวลารวมทรานสิต 18 ชั่วโมงด้วยกัน
ถึง บาร์เซโลน่า
เมื่อถึง บาร์เซโลน่า ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อย โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ถามอะไร รับกระเป๋า และเดินลงไปเพื่อซื้อตั๋วรถไฟและขึ้นรถใต้ดิน ถึงตรงนี้ก็พูดว่า โอล่า บาร์เซโลน่า มาถึงสักที
การซื้อตั๋วรถไฟ ก็ซื้อเป็นแบบสัปดาห์ เพื่อสามารถขึ้นรถไฟกี่รอบก็ได้ คุ้มค่าคุ้มราคา หลังจากนั้นก็ขึ้นรถไฟจากสนามบินมาที่พัก โดยการเดินทางก็จะอาศัย Google Map ซึ่งจะมีบอกสายรถไฟ สีของสายนั้น ที่ต้องนั่ง สถานีต้นทางปลายทางไปลงที่พัก แบบสะดวกสบาย
ลุยสนาม RCDE Stadium
วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ตื่นแต่เช้าเตรียมตัวเดินทางไปสนาม เอสปันญ่อล ซึ่งอยู่ห่างออกจากในเมืองไปประมาณ 40 นาที จากที่พักต้องนั่งรถไฟ 2 ต่อ โดยใช้ กูเกิ้ล แมป ดูทางเช่นเดิม จากที่พักก็เดินมาขึ้นรถไฟสายสีเขียว และไปต่อสายสีชมพู ซึ่งเห็นคนใส่เสื้อ เอสปันญ่อล ที่ขึ้นรถไฟสายเดียวกันเดินทางไปสนาม ดังนั้นไม่หลงแน่นอน
เมื่อถึงสถานีปลายทาง Cornellà-Riera ก็ต้องเดินอีกประมาณ 7 นาที ถึงสนาม ก็ถือว่าไกลมากจากที่พัก แต่บรรยากาศ 2 ข้างทางระหว่างเดินจากสถานีไปสนามค่อนข้างสงบ เพราะเป็นชานเมือง
ถึงสนาม โอล่า เอสปันญ่อล
ถึงสนามก็ติดต่อคุณ เมอริตเซลล์ บากาเรีย ทีมงานของ เอสปันญ่อล ซึ่งยังมีเวลาเลยเดินบริเวณรอบ ๆ และในแฟนโซน ที่มีกิจกรรมบนเวที สนุกสนาน แล้วท้ายที่สุด คุณ เมอริตเซลล์ บากาเรีย ก็แจ้งให้ไปที่ประตูไหน เพื่อเจอทีมงาน จากนั้นก็ได้บัตรสำหรับเข้าสนาม และก็เดินผ่านประตูเพื่อเข้าไปในสนาม
หลังจากผ่านประตูเข้าสนาม เราก็จะได้ไปรวมกับทีมงาน และคนอื่น ๆ เพื่อทัวร์สนามแบบ เอ็กซ์คลูซีฟ โดยมีทีมงานเป็นไกด์พาชม ได้ชมห้องพิพิธภัณฑ์ ประวัติศาสตร์ของ เอสปันญ่อล ที่เต็มไปด้วยบันทึกและถ้วยแชมป์ความสำเร็จแบบใกล้ชิด ต่อด้วยห้อง เพรส คอนเฟอเรนซ์ หรือห้องแถลงข่าว
ลงสัมผัสสนามหญ้า
หลังจากเดินชมพิพิธภัณฑ์เสร็จ ก็ได้โอกาสไปสัมผัสบรรยากาศภายในสนามแบบใกล้ชิด ช่วงที่นักเตะกำลังวอร์มอัพ แต่ห้ามเหยียบลงไปในเส้นสนามที่ใช้แข่ง อยู่บริเวณรอบ ๆ ได้ ซึ่งช่วงนั้นแฟนบอลกำลังทยอยเข้าสนามสนามเลยยังโล่งอยู่
ใกล้ชิดนักเตะ แบบเอ็กซ์คลูซีฟ
หลังจากที่ดื่มด่ำถ่ายรูปกับสนามแบบเต็มอิ่ม เจ้าหน้าที่ก็พามาเข้าห้องตรงอุโมงค์ทางออกลงสนามของนักเตะ ได้ใกล้ชิดกับนักเตะทั้ง 2 ทีมแบบใกล้ชิดขณะเดินลงสนาม จากนั้นก็ขึ้นไปโซนที่นั่งของตัวเอง ซึ่งเป็นห้องที่ทาง ลาลีกา และ เอสปันญ่อล จัดไว้ให้ ระหว่างเกมก็สามารถมาตักอาหารรวมถึงน้ำดื่ม
ช่วงระหว่างเกมมีเรื่องน่าประทับใจ ได้พบกับ โจน กัปเดบีล่า ชุดแชมป์ยูโร 2008 และแชมป์โลก 2010 มามอบเสื้อแข่งของ เอสปันญ่อล พร้อมสกรีนชื่อให้แบบฟูลออปชั่น
จบการแข่งขัน
การแข่งขันจบลงด้วยผลเสมอ 1-1 เกมเดือดมีใบแดงทั้ง 2 ฝั่งช่วงทดเจ็บท้ายครึ่งแรก ทั้งนี้ โอซาซูน่า ขึ้นนำไปก่อนจาก อันเต้ บูดีเมียร์ นาทีที่ 45 และ เอสปันญ่อล เจ้าบ้านมาตามตีเสมอได้ในนาทีที่ 59 จาก มาร์ติน เบรธเวต
หลังจากจบเกม เจ้าหน้าที่ก็พาลงมาที่ห้องรับรอง ก่อนจะได้พบกับบรรดานักเตะ เอสปันญ่อล ชุดปัจจุบัน 6 คน แบบใกล้ชิดโดยเฉพาะได้พบกับ มาร์ติน เบรธเวต ผู้ทำประตูในเกมนี้ด้วย
เสร็จภารกิจตะลุย เอสปันญ่อล
หลังจากพบกับ นักเตะ เอสปันญ่อล แบบเต็มอิ่ม ก็เป็นอันเสร็จภารกิจ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ เอสปันญ่อล ผู้ประสานงานทุกคน และ ลาลีกา สเปน ที่มอบโอกาสให้ขอบสนามได้สัมผัสบรรยากาศ ประสบการณ์สุดล้ำค่าที่สนาม เอสปันญ่อล สุดเอ็กซ์คลูซีฟ มีโอกาสจะกลับไม่ RCDE สเตเดี้ยมอย่างแน่นอน
