logo-heading

คุณรู้หรือไม่ว่า 5 นัดหลังสุด ดาร์วิน นูนเญซ มีส่วนร่วมประตูกับ ลิเวอร์พูล ถึง 5 ลูก แบ่งเป็น 4 ประตู กับ 1 แอสซิสต์ และคุณรู้หรือไม่ว่า 10 นัดที่ ลิเวอร์พูล ไม่มี นูนเญซ ออกสตาร์ท พวกเขาชนะแค่เพียง 3 เกมเท่านั้น

และนั่นคือการอธิบายความสำคัญเพียงคร่าวๆ ของดาวเตะผู้เพิ่งจะได้รับการโหวต ให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมสโมสรประจำเดือนล่าสุด หลังจากเขาเริ่มได้คำชื่นชมจากเหล่าเดอะ ค็อป มากขึ้นเรื่อยๆ

แต่ถ้าหากมองย้อนกลับไปหน่อย ในช่วงต้นถึงกลางฤดูกาล กลับไม่ได้ใกล้เคียงปัจจุบันนี้เลย นูนเญซ ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ด้วยผลงานที่ไม่สม่ำเสมอ

ทว่า หลังจากนั้น เขาเริ่มดูดีมีแววขึ้นเรื่อยๆ จนกลายมาเป็นหนึ่งในแนวรุกที่ขาดไปแทบไม่ได้ในวินาทีนี้ของ หงส์แดง ดังนั้นว่าแล้ววันนี้ ขอบสนาม ของเรา จะขอพามาวิเคราะห์กันหน่อย ว่าจากนักเตะที่โดนติ-โดนล้อมายับๆ อย่าง นูนเญซ ทำไมกลับกลายมามีผลงานดี อะไรคือปัจจัยที่ทำให้เขาเริ่มฉายแสงในถิ่นแอนฟิลด์ครับ …

ตำแหน่งที่เปลี่ยนไป

เชื่อว่าหลายคนอาจจะลืมไปบ้างแล้ว ว่าก่อน นูนเญซ จะย้ายมา ลิเวอร์พูล ฤดูกาลล่าสุดของเขากับ เบนฟิก้า ที่ นูนเญซ ระเบิดฟอร์มดี ตำแหน่งหลักของดาวเตะอุรุกวัยในทีมดังแดนโปรตุเกส ไม่ใช่กองหน้าตัวเป้าจ้าๆ 

แต่เขาจะยืนในตำแหน่งเยื้องมาทางซ้ายหน่อย คู่กับกองหน้าอีกคนอย่าง กอนซาโล่ รามอส ซึ่งเขาก็ยืนตำแหน่งประมาณนี้เช่นกัน ในหลายๆ ครั้งกับทีมชาติ

แต่การย้ายมา ลิเวอร์พูล ในช่วงแรก นูนเญซ ถูกจับให้ยืนหน้าเป้าเดี่ยวๆ แบบอโลนๆ ทันที ด้วยแผนและรูปแบบตัวจริงดั้งเดิมของทีมที่เป็นมาแบบนี้ก่อนแล้ว ซึ่งช่วงแรกมันจึงดูไม่เวิร์คทั้งต่อเขาและต่อทีม

จน เจอร์เก้น คล็อปป์ เริ่มปรับให้ นูนเญซ ไปยืนในตำแหน่ง ‘กองหน้าตัวซ้าย’ และมันยิ่งลงตัวขึ้นหลังจากการมาของดาวเตะคนใหม่อย่าง โคดี้ กัคโป

คล็อปป์ ให้นักเตะอย่าง กัคโป ที่เคยเป็นปีกซ้ายธรรมชาติ แต่ฉายแสงในบอลโลกกับตำแหน่งกองหน้า ไปยืนเป็นหอกเป้าตัวหลักของทีม และให้ นูนเญซ ได้เล่นในตำแหน่งกองหน้าด้านซ้าย

และด้วยความที่ทั้งคู่มีตำแหน่งการเล่นหลัก และรองที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน เราจึงเริ่มได้เห็นการผสมผสานที่ลงตัว หาก นูนเญซ ได้บอลด้านซ้าย กัคโป จะมารอเชื่อม และหากเมื่อ กัคโป ลงมารับบอลเอง นูนเญซ จะพุ่งเข้าไปอยู่ในกรอบเขตโทษแทน

และยืนยันได้ด้วยสถิติ 7 เกมพรีเมียร์ลีกที่ นูนเญซ เล่นกองหน้าตัวซ้าย เขามีส่วนร่วมถึง 7 ประตู แบ่งเป็นยิง 5 และจ่าย 2 เทียบกับ 12 เกมพรีเมียร์ลีกที่เขาลงตำแหน่งกองหน้าตรงกลาง นูนเญซ ยิงได้เพียง 3 ประตูเท่านั้น

สิ่งที่ทำได้ดีอยู่แล้ว

แต่แค่เปลี่ยนตำแหน่งอย่างเดียวเดี่ยวๆ ไม่มีทางทำให้คุณจากฟอร์มห่วยๆ แล้วขึ้นมาดีได้ทันที แต่ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ นูนเญซ ก็มีคุณสมบัติที่ดีกับตัวอยู่แล้วด้วย และที่สำคัญเขายังคงสิ่งนั้นได้ตลอดตั้งแต่ย้ายมา

นั่นก็คือ ‘การหาช่อง’ นูนเญซ มักวิ่งเข้าไปในพิ้นที่และเวลาที่เหมาะสม ไม่ว่าจะในการสร้างสรรค์โอกาสหรือจบสกอร์ โดยเฉพาะการวิ่งตัดหลังแนวรับ ด้วยความเร็วที่โคตรสูงของเขา จนสร้างอันตรายให้แนวรับคู่แข่งได้หลายครั้ง และที่สำคัญอีกอย่าง คือมันช่วยให้ทั้ง กัคโป และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เล่นได้ง่ายขึ้น

อีกอย่างที่ นูนเญซ ยังทำได้ดีตลอด นับตั้งแต่ย้ายมา คือ ‘ลูกโขกที่หวังผลได้’ จาก 14 ประตูในทุกรายการที่ทำได้ในฤดูกาลนี้ มาจากลูกโขกถึง 5 ประตู หรือเกือบ 1 ใน 3 ถือว่าเขาใช้ประโยชน์จากร่างกายที่สูงใหญ่ได้

และอีกสิ่งที่หลายคนอาจมองข้ามไปบ้างคือ ‘ความดุดัน’ นูนเญซ เล่นเกมรุกด้วยการพยายาม สร้างความอันตรายให้กับแนวรับคู่แข่งแทบตลอด แม้ว่าบางครั้งอาจจะดี แต่บางครั้งก็อาจจะดูเร่งเกินไป แต่ต้องยอมรับว่าความดุดันในการเล่นของเขา ดูจะเป็นประโยชน์ต่อเกมรุก ลิเวอร์พูล มากกว่าเป็นโทษอย่างแน่นอน

และแน่นอนด้วยว่า ผู้เล่นที่มีคุณสมบัติแบบ นูนเญซ ที่ทั้งดุดุัน, แข็งแกร่ง, รวดเร็ว และชอบวิ่งหาช่อง เป็นอะไรที่แนวรับฝั่งตรงข้ามไม่ชอบจะเจอด้วยเลย


ยิ่งได้เล่น ยิ่งได้ปรับตัว

หนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุดที่ผู้เป็นนักเตะใหม่แทบทุกคนในโลกต้องการ ก็คือ ‘เวลา’ เวลาในการค่อยๆ ปรับตัวเข้ากับแท็คติก และสไตล์การเล่นของเพื่อนร่วมทีมใหม่ และก็เป็นเวลาที่เพื่อนร่วมทีมใหม่เอง จะเริ่มรู้จักเขาเองมากขึ้น เริ่มรู้ว่า นูนเญซ ชอบวิ่งแบบไหน ชอบยืนตรงไหน เขาจึงเริ่มมีส่วนร่วมและอิมแพคท์กับเกมมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะการได้เล่นด้วยกันเกมแล้วเกมเล่า ไม่สิเพิ่งจะ 6 เกมของสามประสานยุคใหม่ ลิเวอร์พูล อย่าง นูนเญซ, กัคโป และ ซาลาเห์ ที่เริ่มเข้าขากัน และที่สำคัญที่สุด ‘ความมั่นใจ’ ที่เริ่มมากขึ้น หลังจากผลัดกันผลิตสกอร์ได้ ซึ่งทั้งหมดจึงเริ่มตอบแทนมาด้วยผลงานที่เริ่มเข้ารูปเข้ารอยขึ้นของ ลิเวอร์พูล


แต่ยังมีอีกหลายสิ่งต้องพัฒนา

แน่นอนจุดเด่นของ นูนเญซ ฟังกี่ทีก็ดูว้าว ทั้งแข็ง ทั้งเร็ว ทั้งหาช่องดี แต่ๆ ยังมีอีกหลายสิ่งเลยที่เขาจำเป็นจะต้องพัฒนา โดยเฉพาะเรื่อง ‘การจบสกอร์’ ที่เขาเคยคมมากกว่านี้ ซึ่ง นูนเญซ ก็ยอมรับว่าเขาต้องเน้นปรับปรุงในเรื่องดังกล่าว

ส่วนความเห็นเราแล้ว จากที่ดูที่สังเกตุมา นูนเญซ ดูจะชอบจบสกอร์ในจังหวะแรก มากกว่าที่จับแล้วใช้เวลาแต่งในการยิง ฉะนั้นหากเขาปรับปรุงเรื่องความ ใจเย็น หรือ ‘นิ่ง’ ในการจบสกอร์มากกว่านี้สักหน่อย น่าจะช่วยได้เยอะครับ

และหากเขาจะเล่นเป็นกองหน้าตัวซ้าย ที่หลายครั้งยืนเสมือนริมเส้นดีๆ เขาก็จะต้องพัฒนาการคอนโทรลบอล-เลี้ยงบอลให้ดีขึ้นไปกว่านี้


เกร็ดอื่นเล็กน้อยที่น่าสนใจ

อันนี้เป็นประเด็นอื่นๆ เล็กน้อยเกี่ยวกับ นูนเญซ ที่น่าสนใจ ซึ่งการวนเวียนอยู่กับข่าวสารฟุตบอลมาตลอด เราจะพบว่าแม้กระแสวิจารณ์ของ นูนเญซ จากแฟนบอล หลายครั้งโดยเฉพาะก่อนหน้านี้ดูจะเสียงแตก เรื่องที่ว่า นูนเญซ นั้นจะยังมีของ หรือเป็นของจริงหรือไม่ ?

แต่กลับกันทางด้าน อดีตนักเตะเก่งๆ ที่เป็นกูรูนักวิจารณ์ กลับคอยออกมาปกป้อง นูนเญซ มาเสมอตั้งแต่ช่วงแรก ทั้ง เธียร์รี่ อองรี, อลัน เชียร์เรอร์, ไมเคิ่ล โอเว่น รวมถึง ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่พูดในทำนองเดียวกันว่าต้องให้เวลา นูนเญซ และเชื่อว่านักเตะรายนี้มีของ โดยเน้นเรื่องความดุดัน, ความแข็งแกร่ง และการหาช่อง ที่เป็นคุณสมบัติที่ดีสำหรับผู้เล่นแดนหน้า

และอีกจุดที่ใช้ได้ของ นูนเญซ คือเขาทำประตูใส่ทีมใหญ่ไปหลายทีมเหมือนกัน ตั้งแต่ฤดูกาลแรกกับทีม ทั้งยิงใส่ แมน.ยูไนเต็ด, แมน.ซิตี้, อาร์เซนอล, นาโปลี และ เรอัล มาดริด


สรุปๆ

โดยสรุปแล้ว ปัจจัยที่ทำให้ นูนเญซ ฟอร์มดีขึ้นคือการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง ที่ทำให้เขาดูทะมัดทะแมงและอันตรายขึ้น, การได้ปรับตัว ได้เล่นประสานงานกับแนวรุกในทีมจนเริ่มเข้าขากันมากขึ้นเรื่อยๆ และการที่ นูนเญซ ยังคงรักษาไว้ซึ่งจุดเด่นที่เขาทำได้ดีมาเสมอ

นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจากกองหน้าที่ใช้โอกาสฟุ่มเฟือยในช่วงต้นฤดูกาล กลับถูกแทนที่ด้วยผลงานที่สม่ำเสมอขึ้นเรื่อยๆ แต่! ก็ยังมีอีกหลายสิ่งที่นักเตะวัย 23 รายนี้ต้องพัฒนา แต่เรื่องที่แน่นอนที่สุดในตอนนี้ คือดูเหมือนว่าเขากำลังมาถูกทางแล้วครับ.

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline