เมื่อโชคชะตาของ "โรเมลู ลูกากู" มาอยู่ในจุดที่ "ไม่มีใครเอา!"

อนาคตของ "โรเมลู ลูกากู" กับเส้นทางค้าแข้งที่ "อินเตอร์ มิลาน" ดูเหมือนว่าต้องสิ้นสุดลงแค่เพียงฤดูกาลนี้เท่านั้นพร้อมกับถูกส่งตัวกลับไปยังต้นสังกัดที่แท้จริงอย่าง "เชลซี"

"สัญญายืมตัว 1 ฤดูกาลที่จะหมดลงในวันที่ 30 มิถุนายน ไม่ว่าเขาจะเล่นได้ดีแค่ไหน เขาจะกลับไปที่ เชลซี นี่เป็นฤดูกาลที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แน่นอนว่าผมหมายถึง ฟุตบอลโลก ปัญหาที่เราเจอเหมือนกับสโมสรอื่น และผู้เล่นที่ได้ไปเล่น ฟุตบอลโลก"

"ลูกากู อยู่ในเคสนี้ มาร์เซโล่ โบรโซวิช ก็ไม่ใช่ โบรโซวิช ที่เรารู้จัก ส่วน ลูกากู ก็หาความฟิตอย่างที่เขาต้องการเพื่อเล่นฟุตบอลที่ดีที่สุดไม่ได้เลย เขายังไม่ได้อยู่ในจุดที่ดีที่สุดหรือเป็นผู้เล่นที่เราเคยเห็นมาก่อนหน้านี้"

นี่คือบทสัมภาษณ์ล่าสุดแบบเต็มของ จูเซ็ปเป้ มาร็อตต้า ผู้ที่เป็นซีอีโอของ อินเตอร์ มิลาน ที่ได้ยื่นยันชัดเจนว่า โรเมลู ลูกากู นั้นจะถูกส่งตัวกลับไปยัง เชลซี ต่อให้ช่วงเกมที่เหลือจะทำผลงานได้ดีแค่ไหนก็ตามมันก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการตัดสินใจ

ถ้าไปเจาะลึกดูทีละเหตุผล อันดับแรกเลยก็คือเรื่องของผลงาน แน่นอนว่าการกลับมายัง จูเซ็ปเป้ เมอัซซ่า ครั้งนี้ โรเมลู ลูกากู ไม่ใช่คนเดียวกับเมื่อ 2-3 ปีก่อนจริงๆ พี่แกยิงไปแค่ 3 ประตู ทำ 1 แอสซิสต์จาก 14 เกมที่ได้โอกาสในเวที กัลโช่ เซเรีย อา และอีก 2 ประตูจาก 3 เกมใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 

ไม่เหมือนเมื่อ 2-3 ปีก่อนที่ซัลโวไปกระจุยกระจายที่ 64 ประตูจากการลงเล่น 95 นัด และถือเป็นคีย์แมนสำคัญที่ช่วยเสก สคูเด็ตโต้ ครั้งแรกในรอบกว่า 10 ปี ไม่ใช่แค่สโมสรที่ต้องรู้สึกผิดหวัง แต่แฟนบอลเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน นี่ไม่ใช่นักเตะที่ได้ชื่อว่าเป็นกองหน้าระดับเวิลด์คลาสอีกต่อไปแล้ว

ปัญหาส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเรื่องความฟิตที่ทำยังไงก็ไม่สมบูรณ์เต็มร้อยสักที มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนก็บ่อยจนพลาดการลงสนามช่วยทีมไปมากถึง 21 นัด เรียกได้ว่าเกินกว่าครึ่งจากโปรแกรมทั้งหมดในตอนนี้ ไม่รู้ว่ามันเกี่ยวกับการไม่ใส่ใจในเรื่องสุขภาพหรือปล่อยเนื้อปล่อยตัวเกินไปรึเปล่าซึ่งทำให้โดนวิพากษ์วิจารณ์เรื่องรูปร่างสรีระอยู่บ่อยๆ

เมื่อโชคชะตาของ "พี่ตู้" มีอันต้องเก็บข้าวของกลับไปยัง "เชลซี" ก็ไม่รู้ว่าจะได้รับการต้อนรับแบบไหน ? แต่ดูแล้วไม่น่าจะอบอุ่นแน่ๆ เพราะในอดีตที่ผ่านมาพี่แกก็หางานเข้าตัวบ่อยๆ โดยเฉพาะในเรื่องของ "ปาก"

ทุกๆ คนทราบดีว่า ลูกากู โดนวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ่อยๆ เรื่องไม่ให้ความเคารพสโมสรและความเป็นมืออาชีพช่วงที่เปิดใจถึงความรู้สึกและชีวิตที่ไม่แฮปปี้ที่กลับมาอยู่กับ เชลซี อีกครั้ง และประกาศจุดยืนถึงความอยากกลับไปที่ อินเตอร์ มิลาน ถาวร ความสัมพันธ์กับกุนซืออย่าง โธมัส ทูเคิ่ล ก็แตกหัก ถึงจะมีการกล่าวขอโทษขอโพยออกสื่อ แต่นั่นก็ไม่สามารถเรียกความรักความเอ็นดูจากแฟนๆ และบุคลากรหลายๆ คนที่ เชลซี กลับมาได้เลย

ลูกากู พูดออกสื่ออยู่บ่อยๆ ถึงชีวิตที่ อินเตอร์ มิลาน และหวังที่จะได้อยู่กับทีมต่อไปยาวๆ ในอนาคต อยู่ที่นี่แล้วมีความรู้สึกได้รับความรักความเอ็นดูจากสโมสรและแฟนๆ ไม่มีที่ไหนที่แฮปปี้ไปกว่านี้อีกแล้ว ไม่รู้ว่าพี่แกคิดอะไรอยู่ เขาไม่ได้รู้สึกละอายแก่ใจหรือย้อนมองดูตัวเองเลยว่า ณ ฤดูกาลนี้ เวลานี้เขาได้มอบสิ่งที่สโมสรคาดหวังได้อย่างที่ตั้งไว้หรือไม่ ?

นี่ยังไม่รวมเรื่องความล้มเหลวกับ ทีมชาติเบลเยี่ยม ในศึก ฟุตบอลโลก 2022 ด้วยนะโดยเฉพาะในเกมกับ โครเอเชีย ที่มีโอกาสเป็นร้อย มีจังหวะได้ยิงเน้นๆ แต่ยังไงก็ไม่เข้าเป้าสักทีและสุดท้ายก็มีอันต้องตกรอบและเก็บข้าวของกลับบ้านไปตามระเบียบ เล่นทำเอาแฟนๆ ในประเทศทิ้งบอมบ์สาดคำด่ากันระนาว

เมื่อรวมเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมาที่เกิดขึ้นกับตัว "พี่ตู้" ลูกากู จนมาถึงบทสัมภาษณ์ล่าสุดของซีอีโอของสโมสร มันกลายเป็นว่าตอนนี้พี่แกได้กลายเป็นตัวตลกในสายตาของทุกคนไปแล้วไม่เหลือเค้าของความเป็นสุดยอดนักเตะอยู่เลย

การตอบสนองของแฟนๆ ในโลกโซเชี่ยลโดยเฉพาะสาวก เชลซี ก็แทบไม่เห็นคอมเมนต์ไหนที่รู้สึกเห็นใจหรือเชียร์ให้กลับมามีผลงานที่ดีอีกครั้ง มีแต่คำดูถูก ซ้ำเติม สมน้ำหน้า สาปส่ง ไปไกลๆ อย่ากลับมาไม่ต้อนรับ ในช่วงเวลาที่ทีมกำลังตกต่ำ ขาดประสิทธิภาพในการผลิตสกอร์ ไม่มีใครคนไหนที่โหยหาหรือคิดถึงอยากให้พี่แกกลับมา เชลซี เลยแม้แต่คนเดียว กลายเป็นนักเตะที่ไม่มีใครเอาโดยสมบูรณ์แบบ

อย่างไรก็ตามมันก็ต้องเป็นไปตามกระบวนการของโลกฟุตบอล เมื่อ อินเตอร์ บอกว่าไม่เอา ยังไง ลูกากู ก็ต้องกลับมาอยู่กับ เชลซี จากนั้นก็เป็นเรื่องของบอร์ดบริหารและตัวของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ หรืออาจจะเป็นกุนซือคนใหม่ที่ต้องไปตกลงหารือกันว่าจะเอายังไงกับไอ้หมอนี่ดี

จะเก็บไว้ก็มีเปอร์เซนต์สูงที่จะไม่ได้ลงเล่นถ้ามองจากสถานการณ์ในตอนนี้ เต็มที่ก็น่าจะเป็นแค่อะไหล่คอยเปลี่ยนลงมาเป็นสำรองเท่านั้น การขายเขาออกไปน่าจะเป็นสิ่งที่ เชลซี ต้องการมากที่สุด แต่คำถามคือใครจะยอมซื้อหรือกล้าเสี่ยงกับนักเตะค่าตัวแพงๆ ที่อายุย่าง 30 ผลงานก็เห่ยไม่เป็นชิ้นเป็นอัน สภาพร่างกายความฟิตนับวันเหมือนไม่ใช่นักฟุตบอลเข้าไปทุกที รวมไปถึงวินัยแย่ๆ ในอดีตที่ผ่านๆ มาอีกต่างหาก 

จริงอยู่ที่มันก็เป็นเรื่องและเป็นประเด็นที่ต้องติดตามกันต่อไป เมื่อตลาดซื้อขายช่วงซัมเมอร์เปิดฉากขึ้นก็น่าจะได้ทราบความคืบหน้ามากขึ้น แต่ที่แน่ๆ คือชั่วโมงนี้ภาพมันใหญ่และชัดเจนมากๆ ว่า ผู้ชายที่ชื่อ โรเมลู ลูกากู มันเป็นตัวตลกและอยู่ในจุดที่ไม่มีใครเอาแบบสมบูรณ์แบบจริงๆ 

HaMu Dos Santos