ใครคือ "ฮาเหม็ด ตราโอเร่" ? แนวรุกเลือดช้างดำของ "บอร์นมัธ"

"ฮาเหม็ด ตราโอเร่" ได้กลายเป็นสมาชิกของ "บอร์นมัธ" อย่างเป็นทางการเมื่อสโมสรได้ตัดสินใจเซ็นสัญญาซื้อขาดมาร่วมทีมแบบถาวรด้วยค่าตัวที่ติดท็อปแพงที่สุดของสโมสรที่ 30 ล้านยูโร

ในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมาเราอาจได้เห็นค่าตา ฮาเหม็ด ตราโอเร่ ไปบ้างแล้วแต่เชื่อว่าแฟนๆ อาจจะยังไม่รู้จักเขาเท่าไหร่นัก ดังนั้นสิ่งที่ "ขอบสนาม" อยากนำเสนอในวันนี้ก็คือการพาทุกท่านไปทำความรู้จักเขากันครับ

ประวัติพอสังเขป

ฮาเหม็ด ตราโอเร่ ชื่อเต็มๆ คือ ฮาเหม็ด จูเนียร์ ตราโอเร่ เกิดวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ปี 2000 ที่ อาบิดจาน ประเทศไอโวรี่โคสต์ ปัจจุบันอายุ 23 ปี ส่วนสูง 6 ฟุต หรือ 184 เซนติเมตร ถนัดเท้าข้างขวา ประจำการในตำแหน่งมิดฟิลด์ โดยตอนนี้สังกัดอยู่กับสโมสร บอร์นมัธ และได้สวมเสื้อหมายเลข 22 

เส้นทางค้าแข้ง

ถึงตัวจะลืมตาดูโลกที่บ้านเกิด ไอโวรี่โคสต์ แต่ ฮาเหม็ด ตราโอเร่ กับครอบครัวก็เดินทางมาใช้ชีวิตที่อิตาลีตั้งแต่ที่เขาอายุยังน้อย ก่อนจะเริ่มสานฝันบนเส้นทางนักฟุตบอลในระดับเยาวชนกับสโมสรเล็กๆ อย่าง โบค่า บาร์โก้ จากนั้นก็ได้โอกาสย้ายไปปลุกปั้นและฝึกปรือฝีเท้ากับทีมใน กัลโช่ เซเรีย บี อย่าง เอ็มโปลี ตอนปี 2015

อีก 2 ปีต่อมา ฮาเหม็ด ตราโอเร่ ได้โอกาสประเดิมสนามบนเส้นทางอาชีพครั้งแรกบนเวที เซเรีย บี ในวันที่ เอ็มโปลี เจอกับ ฟอจจา โดยลงมาเป็นตัวสำรองช่วงท้ายเกม ถึงแม้ว่านั่นคือปีที่ เอ็มโปลี สามารถตีตั๋วเลื่อนชั้นสู่เวที กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ได้สำเร็จ แต่ตัวของ ฮาเหม็ด ก็ไม่ได้มีส่วนร่วมมากนักเพราะได้โอกาสลงเล่นไปแค่ 10 นัดในช่วงที่อายุราวๆ 16-17 ปีเท่านั้น

แต่ถึงกระนั้นในปีต่อมาพี่แกก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีม ได้ลงเล่นไป 32 นัด ทำได้ 2 ประตู และ 2 แอสซิสต์ซึ่งประตูแรกที่เปิดซิงให้กับ เอ็มโปลี นั้นเกิดขึ้นในแมตช์เดย์ที่ 33 ที่แพ้ให้กับ สปัล ไป 2-4 แต่ก็น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วมิอาจช่วยให้ทีมรอดตกชั้นได้สำเร็จ

ซาสซูโอโล่

ถึงแม้ เอ็มโปลี ต้องตกชั้นไปแก้ตัวใหม่ในลีก เซเรีย บี แต่ด้วยผลงานและแววที่ฉายออกมาได้ดีนั่นก็ทำให้ตัวของ ฮาเหม็ด ตราโอเร่ ยังคงได้โอกาสโลดแล่นบนเวที กัลโช่ เซเรีย อา ต่อไปเมื่อทาง ซาสซูโอโล่ ได้จัดการพรากตัวเขามาร่วมทีมในรูปแบบสัญญายืมตัว 2 ปีพ่วงออปชั่นซื้อขาด

การย้ายมาอยู่กับทีมที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมนั่นไม่ได้สร้างปัญหาอะไรให้กับตัวของ ฮาเหม็ด ตราโอเร่ เลยสักนิด เพราะเขาปรับตัวได้ดี และเล่นเข้ากับแท็คติกของโค้ชรวมไปถึงเพื่อนก๊วนใหม่ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังมีวิวัฒนาการที่เด่นชัดในทักษะหลายๆ ด้าน รวมไปถึงบทบาทใหม่ๆ ที่ต่างไปจากตอนที่อยู่กับ เอ็มโปลี

ฮาเหม็ด ตราโอเร่ ยึดตำแหน่งผู้เล่นตัวจริงที่ ซาสซูโอโล่ ได้ตลอด 2 ปีที่มีสัญญายืมตัว โดยปีแรกลงเล่น 33 นัด ยิงได้ 5 ประตู ทำ 1 แอสซิสต์ และปีต่อมาได้ลงเล่นไป 35 นัด ยิงได้ 5 ประตู ทำ 3 แอสซิสต์ และมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ ซาสซูโอโล่ จะไม่ใช้ออปชั่นซื้อขาดคว้าตัวเขามาร่วมทีมแบบถาวรในเมื่อผลงานเข้าตาสุดๆ แบบนี้

ฮาเหม็ด ตราโอเร่ ตอบแทนความไว้ใจนั้นได้เป็นอย่างดีด้วยการยกระดับตัวเองและมีผลงานที่ดีขึ้นไปอีกในซีซั่น 2021-22 ที่กดไป 8 ประตู ทำ 4 แอสซิสต์จากการลงเล่น 32 นัด ช่วยให้ทีมจบอันดับ 11 ของตาราง

บอร์นมัธ

การผจญภัยครั้งใหม่ของ ฮาเหม็ด ตราโอเร่ เกิดขึ้นอีกครั้งในฤดูกาล 2022-23 หลังจากครึ่งซีซั่นแรกลงเล่นให้ ซาสซูโอโล่ 11 นัด ทำได้ 3 แอสซิสต์ พอเข้าสู่ปีใหม่พี่แกก็ได้ตัดสินใจย้ายมาโลดแล่นบนสังเวียน พรีเมียร์ลีก จากการที่ บอร์นมัธ เซ็นสัญญายืมตัวมาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวพ่วงออปชั่นซื้อขาด

เรื่องผลงานของ ฮาเหม็ด ตราโอเร่ อาจไม่ได้อยู่ในจุดที่ดีหรือโดดเด่นเหมือนสมัยค้าแข้งในอิตาลี โดยได้ลงเล่นไปเพียงแค่ 7 นัดนับตั้งแต่ย้ายมา และยังยิงประตูหรือทำแอสซิสต์ไม่ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียวซึ่งเหตุผลหนึ่งก็คือเรื่องการปรับตัว แต่ที่เป็นเหตุผลหลักๆ เลยก็คือเรื่องอาการบาดเจ็บ

ทางฝั่ง บอร์นมัธ ตัดสินใจซื้อขาดเซ็นสัญญาคว้าตัว ฮาเหม็ด ตราโอเร่ มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 26 ล้านยูโร นับเป็นสถิติค่าตัวที่แพงที่สุดอันดับ 2 ของสโมสรรองจาก เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา ที่ 28 ล้านยูโร เพราะมองว่านี่คือนักเตะที่ฉายแววได้ดี และจะมีอนาคตที่สดใสกับสโมสร

นีลล์ เบลค ผู้บริหารของ บอร์นมัธ กล่าวว่า "เราประทับใจในตัว ฮาเหม็ด ตั้งแต่เขาย้ายมาตอนเดือนมกราคม และเราก็ดีใจที่เขาจะอยู่กับเราในระยะยาว เขาแสดงให้เราเห็นว่าเขาทำผลงานได้ดีในเกมระดับสูง และเราเองก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นพัฒนาการของเขา การเซ็นสัญญาถาวรกับเขาถือเป็นหนึ่งในความทะเยอทะยานของเราสำหรับปีต่อๆ ไป เพื่อสร้างความสำเร็จในเวที พรีเมียร์ลีก"

ทางฝั่งของตัว ฮาเหม็ด ตราโอเร่ เองก็ได้เปิดปากเซ็นสัญญาถาวรกับ บอร์นมัธ ว่า "ทุกๆ คนให้การต้อนรับกับผมเป็นอย่างดี ทุกๆ สิ่งอย่างที่นี่เป็นไปได้ด้วดี ผมมีความสุขมากๆ กับที่นี่ ผมได้รับบาดเจ็บ 2-3 ครั้งดังนั้นผมกำลังตั้งตารอสำหรับฤดูกาลใหม่ แต่ตอนนี้ผมกำลังทำงานอย่างหนักและหวังที่จะกลับมาช่วยทีมให้ได้อีกครั้งก่อนจบซีซั่น"

ครอบครัว

หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า ฮาเหม็ด ตราโอเร่ มีสายเลือดเดียวกับ อาหมัด ดิอัลโล่ ใช่เลยครับ 2 ทั้งคนนี้เป็นพี่น้องกัน โดยตัวของ ฮาเหม็ด นั้นเป็นคนพี่อายุ 23 ปี ส่วน อาหมัด เป็นน้องอายุ 20 ปีซึ่งเป็นนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และตอนนี้ถูกปล่อยตัวไปอยู่กับ ซันเดอร์แลนด์ แบบยืมตัว และกำลังโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม

ทั้ง 2 คนย้ายจากบ้านเกิดไอโวรี่โคสต์มาใช้ชีวิตที่ อิตาลี ด้วยกันตั้งแต่ยังเด็ก และก็ผ่านประสบการณ์ที่ โบค่า บาร์โก้ มาด้วยกัน ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำตามฝันโดยตัวของ ฮาเหม็ด ไป เอ็มโปลี ส่วน อาหมัด ไปอยู่กับ อตาลันต้า

สไตล์การเล่น

ฮาเหม็ด ตราโอเร่ เป็นผู้เล่นในตำแหน่งกองกลางแต่ก็มีความยืดหยุ่นสูง เพราะแรกๆ บทบาทจะหนักไปทางตัวรับและตัวคุมจังหวะเมื่อสมัยอยู่กับ เอ็มโปลี แต่พอย้ายมา ซาสซูโอโล่ ด้วยความที่ทักษะด้านเกมรุกโดดเด่นแบบชัดเจนมากกว่าก็เลยถูกจับไปยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกหรือตำแหน่งหน้าต่ำ จนกระทั่งย้ายมาอยู่กับ บอร์นมัธ ก็มีอยู่หลายครั้งที่ได้โอกาสไปยืนเป็นตัวริมเส้นในระบบ 4-4-2 หรือ 4-2-3-1 และก็ทำผลงานได้ดี นับเป็นนักเตะสารพัดประโยชน์มากๆ คนหนึ่ง 

แต่ถ้าจะถามถึงตำแหน่งที่เวิร์คที่สุดก็ดูจะเป็นตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกถ้าวัดจากโปร์ไฟล์ที่สร้างไว้กับ ซาสซูโอโล่ เพราะนั่นคือบทบาทที่เขาได้โชว์ศักยภาพเต็มที่ทั้งเรื่องการเดินเกม มูฟเมนต์ที่ดี แต่ที่ บอร์นมัธ บทบาทดังกล่าวนั้นเป็นของ ฟิลิป บิลลิ่ง เดี๋ยวต้องมาติดตามดูกันในระยะยาวว่า ฮาเหม็ด ตราโอเร่ นั้นจะเฉิดฉายได้มากน้อยแค่ไหนกับตำแหน่งริมเส้นเมื่อหายจากอาการบาดเจ็บ

เรื่องของบอดี้สรีระก็จัดว่าอยู่ในระดับตามมาตรฐานไม่ตัวเล็กหรือใหญ่จนเกินไป มีพละกำลังสูง ไม่เสียเปรียบยามเบียดปะทะไหล่ต่อไหล่ หรือเวลาต้องรับแรงกระแทก แต่ในขณะเดียวกันเรื่องของความรวดเร็วและความคล่องตัวก็อยู่ในระดับที่ดีด้วยเช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นนักเตะที่สามารถพาบอลฝ่าด่านของคู่แข่งก็ได้ หรือจะบวกเอาตัวไปชนไปปะทะก็พร้อมเช่นกัน

ทีมชาติ

ในระดับนานาชาติ ฮาเหม็ด ตราโอเร่ ได้โอกาสเป็นตัวแทนของ ทีมชาติไอโวรี่โคสต์ ครั้งแรกก็เริ่มที่ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีเลย และก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมในรายการ แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ ยู-23 เมื่อปี 2019 ด้วย ส่วนกับทัพ "ช้างดำ" ชุดใหญ่พี่แกได้ประเดิมสนามครั้งแรกในเกม ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก นัดที่เปิดบ้านเอาชนะ แคเมอรูน 2-1 โดยได้ลงมาเป็นตัวสำรองนาที 70 แทนที่ เฌเรมี โบก้า และเบ็ดเสร็จตอนนี้ได้โอกาสติดธงไปทั้งหมด 4 นัดด้วยกัน

HaMu Dos Santos