พอล มิทเชล (ว่าที่) ผอ.กีฬา แมนยูฯ คือใคร เคยมีผลงานอะไรบ้าง ?

การเข้ามาของ เซอร์ จิม คงเปลี่ยนแปลงทัพ “ปีศาจแดง” ในหลายๆ แง่มุม และที่ถูกพูดถึงเป็นลำดับต้นๆ คือการหาผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่ ซึ่งคนที่เป็นตัวเต็งลำดับต้นๆ ในตอนนี้ก็คือ พอล มิทเชล จากผลงานในอดีตที่โดดเด่นเหลือเกิน

ซึ่ง ขอบสนาม วันนี้จะพาไปรู้จักกับตัวของชายผู้นี้ให้มากขึ้นว่าที่ผ่านมาดำรงตำแหน่งอะไร และมีผลงานไหนที่ได้รับการยกย่องบ้าง

ชื่อของ พอล มิทเชล สมัยเป็นนักเตะอาจจะไม่ได้ชื่อเสียงโด่งดังมากนัก แต่หลังแขวนสตั๊ดเขาก็เริ่มหันมาเอาดีเรื่องของการจัดการฟุตบอลกับสโมสรระดับล่างของอังกฤษอย่าง เอ็มเค ดอนส์ ในฐานะหัวหน้าของฝ่ายจัดหานักเตะให้สโมสร 

แน่นอนเพชรเม็ดงามที่ที่ มิทเชล ได้รับเครดิตมากพอสมควรคือการค้นพบ เดเล่ อัลลี ที่เขาอยู่เบื้องหลังของการปลุกปั้นดาวเตะรายนี้ ก่อนขายออกไปทำรายได้เข้าคลังสโมสรได้มากถึง 5 ล้านปอนด์ 

ส่วนอีกดีลที่เซอร์ไพรส์จนต้องชื่นชมคือการดึง อลัน สมิธ อดีตดาวเตะของ แมนฯ ยูไนเต็ด หรือ นิวคาสเซิ่ล ลงมาเล่นกับ เอ็มเค ดอนส์ ในลีกล่าง ซึ่งด้วยงานที่ออกมาสมบูรณ์แบบกับทีมระดับเล็ก ทำให้ไปเตะตา เซาแธมป์ตัน ในการดึงตัวไปร่วมทีมในช่วงปี 2012

กับทัพ “นักบุญ” ในตอนนั้นยังคงสถานะเป็นทีมในระดับ แชมเปี้ยนส์ชิพ ซึ่ง มิทเชล ในบทบาทการสรรหานักเตะก็เลือกนักเตะคุณภาพดี และเปี่ยมไปด้วยคุณภาพมากมายเข้ามาสู่ทีม จนกระทั่งไต่เต้าขึ้นมายังลีกสูงสุด  จนเป็นที่มาของนักเตะหลายๆ คนที่กลายเป็นบิ๊กเนมทั้ง ซาดิโอ มาเน่, ดูซาน ทาดิซ, กราเซียโน่ เปลเล่ หรือ นาธาเนียล ไคลน์

นี่คือการประสานงานร่วมกันระหว่าง มิทเชล กับ โปเช็ตติโน่ จนได้รับคำชื่นชมเป็นวงกว้าง จนกระทั่ง “พอช” ย้ายไปทำงานกับ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เจ้าตัวก็ได้ย้ายงานตามไปด้วย เป็นเหมือนคู่หูดูโอ้คอยทำงานร่วมกัน

การย้ายไปสวมหัวโขนกับ สเปอร์ส เกิดดีลเด่นๆ มากมายที่มาจากการรังสรรค์ของ มิทเชล ทั้ง คีแรน ทริปเปียร์, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, เดเล่ อัลลี และอีกสุดยอดดีลคือการพาตัว ซน ฮึง-มิน ดาวเตะซุปเปอร์สตาร์ชาวเกาหลีใต้มายังถิ่น “ไก่เดือยทอง”

โดย มิทเชล ยอมรับว่าตอนนั้นโดนกระแสวิจารณ์มากพอสมควร แต่กระนั้นเมื่อให้เวลากับนักเตะทุกอย่างจะสามารถตอบมันได้เองด้วยผลงานในสนาม ซึ่งกับ ซน ฮึง-มิน ในตอนนี้กลายเป็นดาวยิงระดับท็อปของพรีเมียร์ลีกไปแล้ว

แน่นอนการวางรากฐานตรงนี้ของ มิทเชล ให้กับ สเปอร์ส เป็นส่วนสำคัญในการพาทีมไปถึงรอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก แม้เขาจะทำงานไม่ได้ยืดยาวกับทีม เพราะปัญหาไม่ลงรอยกับเจ้าของทีมอย่าง ดาเนียล เลวี่

หลังจากนั้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2018 มิทเชล ได้ออกมาไปหาความท้าทายนอกอังกฤษเป็นครั้งแรกด้วยการทำหน้าที่ซึ่งเขารับผิดชอบในการพัฒนาทีมเยาวชน และดูแลโครงการทั้งหมดของ แอลเบ ไลป์ซิก 

หลังจากอยู่กับ ไลป์ซิก ได้ 1 ปีครึ่ง เขาก็ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และกลายเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคของ เรดบูลส์ บทบาทใหม่ของเขาทำให้เขาต้องดูแลการปฏิบัติงานประสานงานให้กับสโมสรในเครือทั้งหมด เช่น นิวยอร์ก เรดบูลส์, เรดบูลส์ ซัลซ์บวร์ก หรือ เรดบูลส์ บรากันติโน่

แม้ท้ายที่สุดเขาจะลาออกจากการทำงานให้ เรดบลูส์ แต่เขาก็เป็นหนึ่งในคนสำคัญที่ค้นพบนักเตะชื่อดังทั้ง ติโม แวร์เนอร์, คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู, ดานี่ อัลโม่ หรือ อเดโมล่า ลุคแมน

หลังจากนั้น มิทเชล ได้รับงานที่ท้าทาย และเหมือนเป็นรางวัลต่อการทำงานหนักมาตลอดอย่างการนั่งแท่นเป็นผู้อำนวยการด้านกีฬาของ โมนาโก ในช่วงปี 2020 ซึ่งเขาจะมีหน้าที่ควบคุมนโยบายทางฟุตบอลในทุกๆ อย่างของสโมสร ทั้งในระดับอคาเดมี่ หรือ ทีมชุดใหญ่

แน่นอนว่ากุลยุทธ์ของ มิทเชล คือการปรับทีมให้สมดุลมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่เพียงซื้อนักเตะเข้ามาสู่ทีม แต่รวมไปถึงให้โอกาสเด็กจากอคาเดมี่ของสโมสร เราจึงได้เห็น โมนาโก มีผู้เล่นจากศูนย์ฝึกของตัวเองกล่าวขึ้นมาหลายคนในช่วงที่ผ่านมา

การทำงานในฝรั่งเศสของ มิทเชล ประสบความสำเร็จในแง่ของการวางโครงสร้าง การพัฒนานักเตะ และจัดหานักเตะเข้ามาสู่ทีม 

ซึ่งด้วยประสบการณ์ในการจัดหานักเตะในอดีต รวมไปถึงบทบาทการบริหารงานกับ โมนาโก จึงกลายเป็นโปรไฟล์ที่ยอดเยี่ยมสำหรับ มิทเชล และไม่แปลกเลยที่เขาจะกลายเป็นเต็ง 1  ณ ขณะนี้ในการเข้ามานั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการกีฬาคนใหม่คนใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด

ครั้งหนึ่งนี่คือคนที่ ราล์ฟ รังนิค ต้องการนำเข้ามาช่วยวางระบบให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด และเคยเข้ามาชมเกมชุดเล็กของทีมด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ลงมาเอยทำงานร่วมกัน ก่อนที่ข่าวจะวกกลับมาเชื่อมโยงอีกครั้ง

วิธีการทำงานของ มิทเชล ชัดเจนคือการมีวิสัยทัศน์ชัดเจน ครั้งหนึ่งเขาเคยให้สัมภาษณ์ถึง แมนฯ ยูไนเต็ด ไว้ว่าสโมสรแห่งนี้ต้องมีพิมพ์เขียวสำหรับการทำงานในระยะยาวอย่างน้อยๆ ก็ 5 ปี และต้องทำมันอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ เพื่อความสำเร็จในระยะยาว

วางระบบเยาวชน สไตล์การเล่นที่ชัดเจน รวมไปถึงเรื่องนอกสนามที่ต้องเป็นวัฒนธรรมปฏิบัติเพื่อส่งผลต่อความสัมพันธ์ และให้ทุกอย่างในทีมไปในทิศทางเดียวกัน

ถามว่า มิทเชล เหมาะสมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไหม ? ว่ากันตามโปรไฟล์ถือว่าน่าสนใจ เป็นคนที่รู้ และเข้าใจกับฟุตบอลเป็นอย่างมาก ทัพ “ปีศาจแดง” ในตอนนี้เหมือนต้องรื้อระบบการจัดการใหม่ โดยเฉพาะเรื่องของการซื้อตัวผู้เล่น และโครงสร้างต่างๆ

อีกทั้งตัวของ มิทเชล ก็เคยทำงานในอังกฤษมาแล้ว แม้อาจจะไม่ใช่คนที่เข้าเปลี่ยนแปลงในทุกอย่างได้ทันที แต่อย่างน้อยการค่อยๆ วางรากฐาน และปรับกลยุทธ์บางอย่างน่าจะช่วยยกระดับทีมไปได้มากกว่าเดิม

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแฟน แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังคงต้องรอข้อสรุปการซื้อหุ้น 25% ของ เซอร์จิม ให้มันลุล่วงไปด้วยดีก่อน จากนั้นค่อยมาว่ากันต่อว่า มิทเชล จะได้เข้ามานั่งแท่นทำงานในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ตามที่มีการคาดการณ์หรือไม่

- Paolinho -