logo-heading

การประกาศรางวัล บัลลงดอร์ 2023 จบลงไปเป็นที่เรียบร้อย ท้ายที่สุด ลิโอเนล เมสซี่ คว้า บัลลงดอร์ สมัย ที่ 8 แบบไม่พลิกโผ ตามรายงานข่าวที่หลุดออกมาก่อนหน้านี้ว่าเขาจะได้อย่างแน่นอน ซึ่งหลายคนบอกว่า เมสซี่ คว้าบัลลงดอร์ไปตั้งแต่พาทีมชาติอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์โลกแล้ว

แม้จะมีหลากหลายความเห็นเรื่องผู้ท้าชิงอันดับ 2 อย่าง เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ แต่สุดท้ายเป็น ลิโอเนล เมสซี่ สามารถคว้า บัลลงดอร์ ไปครอง แม้จะคว้าแชมป์ โทรเฟ่ เดส์ ช็องปิยงส์ แชมป์เดียวกับสโมสร ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แต่ด้วยผลงานส่วนตัวอันโดดเด่น ความเป็นผู้นำ สร้างอิทธิพลให้ทีม ก่อนมีส่วนสำคัญพาทีมชาติคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกที่ทีมชาติอาร์เจนติน่ารอคอย ทำประตูรวม 42 ประตู กับอีก 26 แอสซิสต์ เป็นคุณค่าที่เขาคู่ควรจะได้รับ

เมื่อเจาะลึกผลงานในทีมชาติ เมสซี่ คว้าแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปถึง 5 ครั้งจากการลงเล่นทั้งหมด 7 เกมในทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกที่ กาตาร์ แบบไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก สร้างชื่อบนสกอร์บอร์ด ทั้งใน รอบแบ่งกลุ่ม, รอบ 16 ทีมสุดท้าย, รอบก่อนรองชนะเลิศ, รอบรองชนะเลิศ ตลอดจนรอบชิงชนะเลิศศึกฟุตบอลโลก สร้างประวัติศาสตร์มากกมายบนหน้าสถิติ เขียนบทเทพนิยายให้ อาร์เจนติน่า ความสุดยอดของเขาส่งเขาถึงบัลลงดอร์ในปีนี้ เป็นสมัยที่ 8 แบบไม่น่าแปลกใจ

ใครจะไปคาดคิดว่า เด็กชายคนหนึ่งที่มีปัญหาร่างกายตัวเล็ก จะสามารถกลายเป็นนักเตะผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของโลกไปนี้ ย้อนกลับไปวัยเด็ก ลิโอเนล เมสซี่ ป่วยเป็นโรคขาดฮอร์โมนเจริญเติบโต ก่อนที่ บาร์เซโลน่า เห็นพรสวรรค์ของเขา รับเขามาร่วมทีมเยาวชน และช่วนดูแลเรื่องการรักษาจนหายในวัย 14 ปี พร้อมทั้งปลุกปั้นจนเขากลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เก่งมากพรสวรรค์ และทรงอิทธิพลในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก

เมสซี่ จากเด็กชายตัวเล็ก สู่ยอดนักเตะ บัลลงดอร์ 8 สมัย อันเป็นนิรันดร์

สมัยแรก

จนกระทั่งในปี 2009 เมื่อ 14 ปีที่แล้ว เมสซี่ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะอาชีพทีมชุดใหญ่ได้เพียง 5 ปี สามารถคว้าบัลลงดอร์สมัยแรกไปครองได้สำเร็จ เมสซี่ ได้คะแนนชนะขาดลอย ด้วยคะแนน 473 คะแนน ทำให้ เมสซี่ ในวัย 22 ปีกลายเป็นนักเตะที่เกิดใน อาร์เจนติน่า ที่ได้รับรางวัลที่ชื่อว่า บัลลงดอร์

สมัยที่ 2

ปี 2010 เป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการโหวต หลังจาก ฟร้องซ์ ฟุตบอล ผู้จัดบัลลงดอร์ จับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับฟีฟ่า เป็นยุคสมัยของ ฟีฟ่า บัลลงดอร์ โดยโค้ช, กัปตันทีมชาติ และ นักข่าวชาติต่าง ๆ มีส่วนร่วมในการโหวตครั้งนี้ แม้จะมีหลากหลายความเห็นที่แตกต่างออกไปในปีนี้ แต่ท้ายที่สุดเป็น ลิโอเนล เมสซี ที่ คว้าบัลลงดอร์ สมัยที่ 2 ติดต่อกัน ด้วยผลงานทำประตูถึง 60 ประตู

สมัยที่ 3

ปี 2011 ลิโอเนล เมสซี่ คว้ารางวัล บัลลงดอร์ ได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน แบบไม่พลิกโผเป็นไปตามคาด ได้คะแนนโหวตชนะขาดลอย สร้างประวัติศาสตร์ เป็นผู้เล่นคนที่ 2 ที่สามารถคว้ารางวัลบัลลงดอร์ไปครองถึง 3 สมัยติดต่อกัน จากผลงานทำประตู 53 ประตู กับอีก 37 แอสซิสต์ มีส่วนสำคัญพา บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ลาลีกา, แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, แชมป์ ซูเปอร์โกปา, แชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และแชมป์สโมสรโลก

สมัยที่ 4

ปี 2012 เมสซี่ ยังคงเดินทางสะสม บัลลงดอร์ เป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ซึ่งก็เป็นไปตามคาดในปีนั้น จากผลงาน 91 ประตูกับ สโมสร บาร์เซโลน่า และ ทีมชาติอาร์เจนติน่า ส่งให้เขาคว้า บัลลงดอร์ ในปีนั้นด้วยคะแนนขาดอีกเช่นเดิม

สมัยที่ 5

เว้นช่วงไปเพียง 3 ปี ลิโอเนล เมสซี่ กลับมาคว้า บัลลงดอร์ ได้อีกครั้ง ในปี 2015 เป็นสมัยที่ 5 ของเขา ได้รับคะแนนโหวตขาดลอย หลังโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในการลงสนามให้กับ บาร์เซโลน่า ทำประตูได้รวม 52 ประตู แอสซิสต์อีก 26 แอสซิสต์ มีส่วนสำคัญที่ช่วย บาร์เซโลน่า กวาดแชมป์ได้มากถึง 5 รายการ ได้แก่ แชมป์ลาลีก, แชมป์โกปา เดล เรย์, แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, แชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และแชมป์สโมสรโลก

สมัยที่ 6

ปี 2019 ปีที่บัลลงดอร์ กลับมาอยู่กับ ฟร้องซ์ ฟุตบอล โดยเปลี่ยนกลับไปให้มีแต่นักข่าวแต่ละชาติได้โหวตเช่นเดิม เป็นอีกครั้งที่มีความเห็นแตกต่างกันมากมาย ว่าใครจะได้บัลลงดอร์ ก่อนท้ายที่สุด ลิโอเนล เมสซี่ คว้าบัลลงดอร์สมัยที่ 6 ในปีที่คะแนนสูสี จากการชนะคะแนนไปเพียง 7 คะแนน จากผลงาน รวม 51 ประตู กับอีก 22 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 50 เกม มีส่วนสำคัญพา บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ ลาลีกา มาครอง 

สมัยที่ 7 

หลังจาก บัลลงดอร์ งดจัดแจกรางวัลในปี 2020 เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด การกลับมาแจกในปี 2021 ลิโอเนล เมสซี่ ได้เป็นตัวเต็งอีกครั้ง จากผลงานสุดยอดไม่ว่าจะเป็น การมีส่วนสำคัญพา อาร์เจนติน่า คว้าแชมป์ โคปา อเมริกา แชมป์ใหญ่ที่สุดระดับทวีปแบบยิ่งใหญ่ และช่วย บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ โกปา เดล เรย์ รวมถึงเป็นนักเตะที่ได้แมน ออฟ เดอะ แมตช์ มากที่สุดถึง 22 ครั้งในปีนั้น รวมผลงาน ทำประตู 38 ประตู และ 15 แอสซิสต์ ส่งเขาเป็นอันดับหนึ่งในปีนั้น 

สมัยที่ 8 

ปี 2023 ดังที่กล่าวมาทั้งหมด เป็นคุณค่าที่คู่ควรอีกครั้งแบบไม่พลิกโผ เหมือนที่หลายคนบอกว่า เมสซี่ คว้าบัลลงดอร์ไปตั้งแต่พาทีมชาติอาร์เจนติน่าคว้าแชมป์โลกแล้ว ซึ่งเจาะลึกผลงานส่วนตัวก็เป็นรางวัลที่เขาคู่ควรจะได้รับ รางวัล บัลลงดอร์ 8 สมัย

จะมีใครอีกไหมที่ทำได้ แต่ซูเปอร์บัลลงดอร์ครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้าย เป็นสัญญาณเข้าสู่ยุคใหม่อย่างแท้จริง โอกาสของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์, จู๊ด เบลลิงแฮม และ คีเลียน เอ็มบัปเป้ มาถึงแล้ว แต่ก็ไม่แน่หาก ลิโอเนล เมสซี่ จะยังคงเป็นยอดมนุษย์ต่อไปบนฟลอร์หญ้า ยอดดาวรุ่งหลาย ๆ คน ก็คงต้องรอโอกาสต่อไป 

ไม่มีทางรู้เลยอนาคตเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตามเชื่อว่า สถิติ บัลลงดอร์ 8 สมัย ของ ลิโอเนล เมสซี่ จะเป็นที่จดจำบนหน้าประวัติศาสตร์ฟุตบอลไปตลอดกาล สถิติอาจจะคงอยู่อีกนานเป็นทศวรรษ หรืออาจจะเป็นนิรันดร์ในโลกลูกหนังยากที่จะหาใครทำลาย เช่นเดียวกับสัญลักษณ์อินฟินิตี้ ตลอดกาลไม่มีสิ้นสุด

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline