logo-heading

แม้จะเป็นเพียงฤดูกาลแรกที่ย้ายมาค้าแข้งในสเปน แต่ จู๊ด แสดงให้เห็นแล้วว่ามาตรฐานของเขาสูงมากขนาดไหน ไม่ต้องรอการปรับตัว ไม่ต้องมางุนงงกับวัฒนธรรมฟุตบอลใหม่ๆ เปรียบไปก็เหมือนการแกะซองปุ๊บ และสามารถใช้งานได้ปั๊บ

แน่นอนว่าถ้ามองย้อนกลับไป จู๊ด เบลลิงแฮม เลือกเส้นทางเดินของตัวเองได้อย่างชาญฉลาด จากนักเตะโนเนมลงเล่นอยู่ในลีกล่างของอังกฤษ แต่ใช้เวลาเพียงไม่นานยกระดับจนกลายเป็นหนึ่งในแข้งเบอร์ต้นๆ ในปัจจุบัน

ในช่วงที่ค้าแข้งกับ เบอร์มิงแฮม เขาคือหัวใจในแดนกลางอย่างแท้จริง แม้อายุไม่ได้เยอะ ประสบการณ์เพียงน้อยนิด แต่ทุกอย่างถูกพิสูจน์ในสนามว่าถ้าคุณเก่งพอทุกอย่างก็สามารถเป็นของคุณได้

จนกระทั่งปี 2020 ข่าวการย้ายทีมของ จู๊ด ถูกโหมกระหน่ำ เนื่องด้วยมี แมนฯ ยูไนเต็ด แสดงความต้องการแบบชัดเจนว่าต้องการดึงตัวดาวรุ่งรายนี้เข้ามาสู่ทีม เพราะไม่ใช่แค่เรื่องของปัจจุบัน แต่มองยาวไปถึงอนาคตที่หวังใช้เป็นแกนหลักต่อไปอีกหลายปี

แน่นอน ยูไนเต็ด ค่อนข้างจริงจังแบบดีลนี้ เพราะถึงขั้นพา จู๊ด และครอบครัวมาทัวร์สนามแบบครบทุกซอกทุกมุม มีประโยคหว่านล้อมต่างๆ ในการโน้มน้าวใจให้เด็กคนนี้ตัดสินใจมาฝากอนาคตในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด

ทางเลือกที่ถูกต้องของ "จู๊ด เบลลิงแฮม" ในการปฏิเสธ "แมนยูฯ"

แต่ในขณะเดียวกัน โบุรสเซีย ดอร์ทมุนด์ ก็เป็นอีกทีมที่แสดงเจตจำนงว่า จู๊ด คือเป้าหมายของเขา ซึ่งในเรื่องที่พวกเขาได้เปรียบจากประวัติที่ผ่านมาในการให้โอกาสดาวรุ่ง และหนึ่งในนั้นคือ เจดอน ซานโช่ รุ่นพี่ทีมชาติอังกฤษที่ย้ายไป และเฉิดฉาย ได้เวลาในสนามอย่างเต็มที่

ส่วนถ้าจะมีเรื่องที่ ดอร์ทมุนด์ เสียเปรียบ แมนยูฯ น่ะหรอ ? อาจเป็นเพราะคือทีมในอังกฤษ การปรับตัวไม่ต้องมีอะไรมาก

ในตอนนั้น เบอร์มิงแฮม ตอบรับข้อเสนอของ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นที่เรียบร้อยแล้วที่ราคา 25 ล้านปอนด์ แต่ก็อย่างที่บอกไป ดอร์ทมุนด์ ก็เสนอตัวเข้ามาเป็นทางเลือกให้ จู๊ด ตัดสินใจเช่นกัน เพราะต้นสังกัดให้สิทธิ์นักเตะแบบเต็มที่ในการกำหนดชีวิตตัวเอง

สุดท้าย จู๊ด เลือก ดอร์ทมุนด์ ครับ... ถามว่าผิดคาดไหม ? คงไม่เลย เพราะอย่างที่กล่าวไปการเลือกทัพ “เสือเหลือง” เหมือนเป็นการการันตีกลายๆ ถึงโอกาสลงสนาม และเวทีที่ให้เขาได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่

อีกอย่างคือการยกระดับตัวเอง ถ้าเขามีของดีอยู่ในตัวจริงมันไม่มีความจำเป็นที่ต้องก้าวกระโดดไกลขนาดนั้น แต่มันสามารถเดินไปทีละสเต็ปได้อย่างไม่รีบร้อน 

การเลือก แมนฯ ยูไนเต็ด ในวันนั้นถ้าลองชั่งน้ำหนักดีๆ มีความเสี่ยงหลายอย่างที่ต้องเผชิญ และด้วยผลงานของทีมในตอนนั้นไม่ได้ดีถึงขั้นลุ้นความสำเร็จ หรือความกดดันต่างๆ ที่จะถาโถมเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว ซึ่งมันต่างจาก ดอร์ทมุนด์ ที่สิ่งต่างๆ เหล่านี้เขาไม่ได้แบกมากจนเกินไป 

และก็อย่างที่เราทุกคนเห็นกันว่า จู๊ด กับ ดอร์ทมุนด์ เขามีผลงานที่สะเด่ามากเพียงใด เขายกระดับตัวเองจากดาวรุ่งในวันนั้น กลายเป็นหัวใจแดนกลางของทีมได้อย่างเหนือความคาดหมาย

หนักแน่น สุขุม ทำงานของตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ดอร์ทมุนด์ เหมือนเป็นเวทีที่ให้ จู๊ด ได้โชว์ว่าเพราะอะไรเขาถึงเหมาะสมในการเป็นแคนดิเดตที่ทีมต้องการตัวมาเสริมทัพ ในวัยที่ยังไม่ถึง 20 ปีดี แต่ความสามารถเขามีมากกว่านั้น

3 ซีซั่นกับ ดอร์ทมุนด์ เขาเองตอบทุกอย่างแล้ว และมันก็คือช่วงเวลาที่เหมาะสมในการออกไปโบยบินในระดับที่สูงกว่าเดิม และ เรอัล มาดริด สามารถตอบโจทย์ทุกอย่าง ไม่แปลกเลยที่ทีมจะยอมทุ่มเงินเกิน 100 ล้านปอนด์สำหรับเด็กคนนี้

ทางเลือกที่ถูกต้องของ "จู๊ด เบลลิงแฮม" ในการปฏิเสธ "แมนยูฯ"

อย่างที่กล่าวไปความไม่รีบร้อนของ จู๊ด ในวันนั้นมันส่งผลมาถึงวันนี้ การเริ่มต้นกับ ดอร์ทมุนด์ คือใบเบิกทางชั้นยอดเหมือนในเคสของ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ที่นักเตะไม่อยากก้าวกระโดดจากจุดเดิมมากนัก

แต่ใช้วิธีค่อยๆ เดินอย่างช้าๆ แต่ทรงพลัง 

ซึ่งการเลือกปฏิเสธ แมนยูฯ ในวันนั้นถามว่าผิดไหม ? คงตอบไม่ได้เพราะเขาไม่ได้ลงไปเล่นให้ทีมจริงๆ แต่วิธีความคิดของ จู๊ด คือเขาอยากได้การันตีการลงสนาม 

ซึ่งจุดนี้ทัพ “ปีศาจแดง” ไม่สามารถมอบให้ได้ เปรียบไปก็เหมือนคุณยังไม่ได้มั่นใจในตัวผมมากนักว่าจะมอบโอกาสลงสนามให้ แต่ จู๊ด รู้คุณค่าในตัวเองว่าควรจะยืนอยู่ในจุดไหน และเลือกสโมสรที่พร้อมมอบความเชื่อมั่นให้กับเขา

จุดนี้แหละครับ จู๊ด เลือกถูกต้องแบบไม่อาจปฏิเสธได้ และไม่เว้นแม้กระทั่ง แกรี่ เนวิลล์ ลูกหม้อแท้ๆ ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังบอกเลยว่ารุ่นน้องรายนี้คิดถูกแล้วที่ไม่ย้ายมาที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด

“ผมได้พูดคุยกับนักเตะก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ และบอกว่าคุณจะไม่มีวันเสียใจ นี่เป็นสโมสรฟุตบอลมหัศจรรย์ แต่เมื่อมองย้อนกลับไป นั่นเป็นคำแนะนำที่แย่มากๆ” 

“จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขามาที่นี่ (แมนฯ ยูไนเต็ด) ? ผมไม่รู้ บางทีเขาอาจจะประสบความสำเร็จ แต่ผมไม่แน่ใจเพราะวัฒนธรรม” หนึ่งในถ้อยคำให้สัมภาษณ์ของ แกรี่ เนวิลล์ ถึงตัว จู๊ด เบลลิงแฮม

ส่วนถ้าย้อนไปฟังบทสัมภาษณ์ของ จู๊ด ตอนเลือกย้ายไป ดอร์ทมุนด์ เจ้าตัวก็ได้พูดในทำนองเดียวกันถึงการเปิดโอกาสให้ดาวรุ่งของทัพ “เสือเหลือง”

"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีองค์ประกอบทีมที่ดี แต่การเลือก ดอร์ทมุนด์ ของผมนั้น ไม่ได้เป็นเพราะว่า แมนฯ ยูไนเต็ด มีปัญหาอะไร เพียงแต่ผมคิดว่าน่าจะมีความสุขในการเลือกอยู่กับ ดอร์ทมุนด์"

"สิ่งที่โดดเด่นของ ดอร์ทมุนด์ คือวิธีการเอาดาวรุ่งเข้าไปผสมผสานกับทีมชุดใหญ่ ผมไม่คิดว่าจะมีสโมสรไหนในยุโรปที่ทำได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้”

นี่แหละครับความคิดของนักเตะที่อยากจะพัฒนาตัวเอง ต้องการเวที และโอกาสแสดงศักยภาพของตัวเอง พร้อมทีมที่พร้อมหนุนหลังในตัวเขา โดยไม่ได้มองว่าเป็นดาวรุ่งที่ไร้ประสบการณ์

การตัดสินใจในวันนั้นส่งผลมาถึงวันนี้ที่ จู๊ด กำลังไปได้สวยในเส้นทางที่เลือกด้วยตัวเอง

จากดาวรุ่งโนเนมที่ เบอร์มิงแฮม สู่การสร้างตัวกับ ดอร์ทมุนด์ และกำลังเดินหน้าสร้างความสำเร็จในยูนิฟอร์มของ เรอัล มาดริด

ทุกอย่างในเส้นทาง จู๊ด เบลลิงแฮม เป็นคนเลือก และขีดเขียนมันด้วยตัวเอง

- Paolinho -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline