logo-heading

ก่อนอื่นเราต้องทราบว่า ความผิดของทั้งคู่คืออะไร? จริงอยู่ว่าเป็นเรื่องการเงินเหมือนกัน แต่รายละเอียดความผิดแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ซึ่งผมต้องเล่าไทม์ไลน์แบบละเอียดดังนี้

เอฟเวอร์ตันโดนตัดไปแล้ว 10 แต้ม ความผิดนี้เกิดขึ้นจากการที่สโมสรขาดทุน 3 ปีหลังสุดเกิน 105 ล้านปอนด์ แต่จำนวน 3 ปีที่ว่าเนี่ย มันไม่ใช่ผิดกฎปี 2023 แล้วตัดเลย แต่เป็นบัญชีที่นับจนถึงฤดูกาล 2021-22 ต่างหาก 

เท่านั้นไม่พอ เอฟเวอร์ตันเพิ่งโดนตั้งข้อหาเพิ่มเมื่อวันจันทร์ มีโอกาสโดนตัดแต้มซ้ำอีกรอบ แต่มันไม่ใช่การเพิ่มโทษของเก่า มันเป็นเพราะบัญชีหนใหม่ที่นับจนถึงฤดูกาล 2022-23 (ซีซั่นก่อน) ก็ยังมียอดขาดทุนเกินโควตาอยู่ดี 

นั่นหมายความว่า ถ้าฤดูกาลนี้โดนตัด 10 แต้ม แล้วรอดตกชั้นได้ ฤดูกาลหน้าก็มีโอกาสโดนตัด 10 แต้มอีกที เพราะพวกเขามีความผิด 2 ฤดูกาลติดต่อกัน

อย่างไรก็ตาม เรื่องการตัด 10 แต้มรอบ 2 เนี่ย ยังไม่ได้มีการเคาะออกมานะครับ ยังอยู่ในกระบวนการตั้งข้อหา ซึ่งถ้าพิสูจน์ได้ว่าตัวเลขมันไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น พวกเขาอาจจะรอดก็ได้ หรือจะเป็น 10 แต้มที่โดนตัดไปแล้วปีนี้ ก็ยังอยู่ในช่วงอุทธรณ์ บางทีถ้าชนะคดี อาจโดนลดโทษได้เช่นกัน 

ความผิดของเอฟเวอร์ตันคือขาดทุนมากเกินไป ซึ่งน่าเห็นใจ เพราะเงินทุนหลักสโมสรตอนแรกมาจากรัสเซีย แต่พอรัสเซียโดนรัฐบาลอังกฤษคว่ำบาตร เงินท่อน้ำเลี้ยงมันก็หาย ปรับตัวเลขบัญชีไม่ทัน เราจะเรียกว่าโชคร้ายก็คงไม่ผิด

ไขคำตอบ 115 กระทง \"แมนฯ ซิตี้\" ทำไมตัดสินช้ากว่า \"เอฟเวอร์ตัน\" ?

ส่วนของซิตี้ ความผิดมันคนละแบบเลย พวกเขาไม่ได้ขาดทุนเกินโควตา พวกเขาไม่ได้มีปัญหาเรื่องท่อน้ำเลี้ยง แต่พวกเขามีปัญหาเรื่องตกแต่งบัญชีต่างหาก ซึ่งตอนที่กลุ่มทุนท่านชีคมานซูร์มาเทคโอเวอร์สโมสร ตอนนั้นมีกฎ FFP ขึ้นมาพอดี ทำให้เจ้าของอัดฉีดเงินเสริมทัพโดยตรงไม่ได้ ต่างกับยุคเสี่ยหมีที่มาเทคเชลซีปี 2003 ตอนนั้นไม่มีกฎ FFP จะซื้อเท่าไหร่ก็ทำได้เลย

ก่อนจะทุ่มซื้อมหาศาลได้เนี่ย สโมสรต้องมีรายได้เยอะเสียก่อน แต่เงินสปอนเซอร์ของซิตี้ตอนนั้นน้อยมาก เพราะทีมเพิ่งสร้าง พวกเขาเลยใช้ทริคกระเป๋าซ้ายเข้ากระเป๋าขวา ด้วยการให้เจ้าของเอาเงินไปจ่ายบริษัทในเครือ แล้วให้บริษัทนั้น เอาเงินมาเป็นผู้สนับสนุนซิตี้อีกที จนตัวเลขรายได้สโมสรกระโดดไวเวอร์

รายได้สโมสรตอนฤดูกาล 2010-11 พวกเขาทำไป 169.6 ล้านปอนด์ แต่ในฤดูกาล 2011-12 กระโดดขึ้นมาเป็น 285.6 ล้านปอนด์ และจากนั้นอีก 2 ปี ตัวเลขก็พุ่งไปเกิน 400 ล้านปอนด์ ซึ่งทุกคนก็เห็นว่ามันผิดปกติ แต่ในเมื่อหาหลักฐานไม่ได้ ตอนนั้นก็เลยไม่ผิด

เท่านั้นไม่พอ ยังมีอีกหลายเคสที่คาดว่า ซิตี้จ่ายเงินเพิ่มเติมให้เอเยนต์ แต่ไม่ลงในบัญชี FFP เพื่อให้รายจ่ายไม่เยอะ เช่น ยาย่า ตูเร่ น่าจะได้เงินค่าเหนื่อยมากกว่าที่ลงในบัญชี แต่ไปรับเพิ่มข้างนอกแทน หรือจะเป็น โรแบร์โต้ มันชินี่ ที่ลักษณะเดียวกันเป๊ะ

คาดว่า PSG เองก็คงทำแบบเดียวกัน แต่ในเมื่อไม่มีหลักฐาน พวกเขาก็ไม่ผิด ทว่าของซิตี้ดันมีแฮคเกอร์ไปงัดเอกสารออกมาเนี่ยแหละ เลยกลายเป็นสอบสวนได้ทันที 

ตอนแรกซิตี้ก็โดนยูฟ่าสั่งลงโทษด้วย แต่อุทธรณ์ชนะเลยรอดไป ทว่าพรีเมียร์ลีกไม่ยอม ยังสอบสวนตลอด จนประกาศตั้งข้อหา 115 กระทงเมื่อกลางปีก่อน ซึ่งในทางกฎหมาย ยังไม่ได้นับว่าเป็นผู้กระทำความผิดนะครับ อยู่ในข่ายต้องสงสัยว่าจะทำความผิดเฉยๆ สเต็ปต่อมาก็ต้องสู้คดีกัน

ในมุมของแฟนบอลทีมอื่น มองว่าตัวเลขตั้ง 115 มันใหญ่โตมาก ต้องรีบตัดสิน รีบประกาศบทลงโทษได้แล้ว ทำไมอันนี้เร่งไม่ได้? แต่ของเอฟเวอร์ตันเร่งได้?

คำตอบก็คือ เอฟเวอร์ตันก็ใช้เวลารีวิวจริงๆ เป็นปีเหมือนกันครับ คือตั้งข้อหาไว แต่ก่อนจะฟันบทลงโทษก็กินเวลาเหมือนกัน นอกจากนี้ คดีของเอฟเวอร์ตันตัดสินง่ายกว่ามาก เจ้าหน้าที่พรีเมียร์ลีกแค่เอาบัญชีมากางดู พอเห็นว่าตัวเลขขาดทุนสุทธิเกิน 105 ล้านปอนด์ ก็สรุปได้เลยว่าผิด ไม่ต้องสืบสวนอะไรต่อ

มันต่างกับของซิตี้ คือมีโอกาสที่พวกเขาจะผิดจริงไหม? แน่นอนว่ามี แต่ด้วยจำนวนที่มากถึง 115 เคส มันเป็นไปได้ยากที่จะเสร็จสิ้นแบบรวดเร็ว นอกจากนี้ หลักฐานของซิตี้มันเป็นเอกสารที่มาจากการแฮ็ค มันไม่ใช่เอกสารแบบ Official เหมือนเอฟเวอร์ตัน หรือฟอเรสต์ที่เพิ่งโดนตั้งข้อหาไป

ไขคำตอบ 115 กระทง \"แมนฯ ซิตี้\" ทำไมตัดสินช้ากว่า \"เอฟเวอร์ตัน\" ?

ดังนั้น เมื่อเป็นหลักฐานที่ไม่ถูกต้องทางกฎหมาย มันก็ต้องมีการเรียกพยานมาสอบสวนเพิ่มเติม มีการสืบเป็นข้อๆ ตั้งแต่ตัวนักเตะในอดีต กุนซือในอดีต เอเยนต์ ทีมบัญชี คนที่เกี่ยวข้อง และอีกมากมาย ซึ่งพอจำนวนข้อหามันมากขนาดนั้น การจะใช้เวลานานมากเพื่อสรุปบทลงโทษ ก็เลยเป็นสิ่งที่เข้าใจได้

นอกจากนี้ พรีเมียร์ลีกออกตัวกับเคสซิตี้แรงกว่าเอฟเวอร์ตันอีกนะครับ ตอนตั้งข้อหาหรือสั่งตัดแต้มเอฟเวอร์ตันเนี่ย พวกเขาเปิดโอกาสให้สู้คดี ให้แก้ต่าง เข้ามาคุยกันก่อน แต่ของซิตี้คือประกาศฟันเต็มที่ + ติดปลายนวมความโมโหไปด้วย เช่น การให้ความร่วมมือทางเอกสารไม่ครบ ก็นับเป็น 1 กระทงไปเลย

แถมจะมีการใช้นักกฎหมายระดับท็อปของโลกมาสู้คดีกันอีก เรียกว่าพรีเมียร์ลีกออกตัวแรงตั้ง 115 กระทงขนาดนั้น คงไม่อยากเสียหน้าด้วยการแพ้คดีอยู่แล้ว มูลค่าความเสียหายมันระดับพันล้านปอนด์ พวกเขาอยากลงโทษแน่นอน แต่จะได้กี่ข้อต้องรอดูอีกที

นี่คือคำตอบที่ว่า ทำไมเคสของซิตี้ถึงนานมาก หรือจะเป็นเชลซี ที่โดนสงสัยเรื่องจ่ายเงินเอเยนต์นอกระบบเหมือนกัน (ตั้งแต่ยุคเสี่ยหมี) อันนั้นยังไม่โดนตั้งข้อหา กำลังสอบสวนอยู่ แต่มันจะไม่ได้ข้อสรุปไวแน่ เพราะผู้บริหารพรีเมียร์ลีกอย่าง ริชาร์ด มาสเตอร์ บอกว่าน่าจะช้ากว่าของซิตี้ด้วยซ้ำ

สำหรับใครที่กำลังรอผล หากความผิดมันของจริง หลักฐานครบจริง ก็มีความเป็นไปได้ที่จะโดนหนักกว่าของเอฟเวอร์ตัน เพราะการเนียนแต่งบัญชีแบบนี้ มันย่อมร้ายแรงกว่าการขาดทุนของเอฟเวอร์ตันอยู่แล้ว 

ตั้งข้อสงสัยได้ วิจารณ์ได้ กดดันได้ แต่เวลาแฟนบอลซิตี้พยายามแก้ต่างว่ามันช้าเพราะอะไร? เราก็ควรต้องรับฟังหน่อย 

อย่าเพิ่งรีบด่าโดยไม่ดูเหตุผล เพราะเหมือนที่บอกไป ถ้าความผิดมันของจริง ยังไงก็หนักครับ

- Petr Boat -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline