ใครว่าหมดยุค!รวม 5 แข้ง มาดริด ย้ายทีมแล้ว(ยัง)ได้ดี

เรอัล มาดริด เป็นสโมสรที่ใฝ่ฝันของเหล่านักเตะหลายๆคน ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร และ มีโอกาสคว้าแชมป์ในทุกๆซีซั่น พร้อมกับสร้างนักเตะขึ้นชั้นเป็นระดับ "ตำนาน" มาแล้วมากมาย

แต่ทุกอย่างบนโลกนี้มันไม่มีอะไรสมดุล ใช่ว่านักเตะที่ย้ายไปอยู่กับ "ราชันชุดขาว" จะเปรี้ยงปร้างโด่งดังกันทุกคน หรือ หลายคนที่ตีความหมายไปเองว่า "ผู้เล่นที่ย้ายยออกจาก มาดริด" คงเป็นนักเตะที่หมดยุค หมดไฟไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ตัวอย่างเพิ่งมีให้เห็นเมื่อ อีเกร์ กาซียาส ตำนานผู้รักษาประตู มาดริด ที่ย้ายออกไปอยู่ เอฟซี ปอร์โต้ หลายคนคิดว่าคงหมดไฟแล้ว รอเวลาแค่แขวนถุงมือเท่านั้น แต่ทว่านายทวารชาวสเปนรายนี้ ได้โชว์ศักยภาพมีส่วนช่วย ปอร์โต้ คว้าแชมป์ลีกโปรตุเกส ฉะนั้นไปดูกันว่านักเตะที่ย้ายออกจาก "ราชันชุดขาว" แล้วยังได้ดีกันอยู่ และ ยังคงเป็นนักเตะที่โลดแล่นวงการลูกหนังยุคปัจจุบัน มีใครบ้าง

1. เวสลี่ย์ สไนเดอร์

เรอัล มาดริด ฝากความหวังไว้กับ สไนเดอร์ ค่อนข้างสูง หลังยอมทุ่มเงิน 27 ล้านยูโร ไปซื้อตัว มาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เหมือนจะเริ่มต้นได้สวย แต่ทว่ากลายเป็นดาวดับไปเสียอย่างนั้น หลังได้ลงสนามเพียงแค่ 52 นัด ยิงได้ 11 ประตู ในศึก ลา ลีกา เนื่องจากเจออาการบาดเจ็บเล่นงาน ก่อนโดนปล่อยตัวไปอยู่ อินเตอร์ มิลาน นับจากนั้น เพลงแข้งของ สไนเดอร์ กลับมาสดใสซาบซ่าอีกครั้ง ด้วยการชุบชีวิตของ โชเซ่ มูรินโญ่ เมื่อดาวเตะชาวดัตช์ สร้างผลงานให้โลกตกตะลึง ด้วยการสถานปนาตัวเองเป็นเพลย์เมกเกอร์ที่ดีที่สุดในโลก เมื่อซีซั่น 2009-10 พา อินเตอร์ มิลาน คว้าทริปเปิ้ลแชมป์มาครองอย่างยิ่งใหญ่ แถมในปีเดียวกัน ก็ยังช่วย เนเธอร์แลนด์ ผ่านไปชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2010 แต่น่าเสียดายแพ้ให้กับ ทีมชาติสเปน

2. อาร์เยน ร็อบเบน

จากชื่อเสียงที่สั่งสมมาสมัยอยู่กับ เชลซี และคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครองได้ ทำให้ "ราชันชุดขาว" ตัดสินใจซื้อตัวมาร่วมทีม ด้วยเงิน 24 ล้านปอนด์ พร้อมสัญญา 5 ปี แต่ฟอร์มการเล่น ร็อบเบน สมัยสวมเสื้อ เรอัล มาดริด กลับไม่ดีตามที่สโมสรคาดหมาย เมื่อต้องนอนในโรงหมอ มากกว่าลงมาวาดลายในสนาม เพียงแค่ 2 ซีซั่น ก็ถูกปล่อยตัวทิ้งไปให้กับ บาเยิร์น มิวนิค นับตั้งแต่ปี 2009 ที่ ปีกชาวดัตช์ ย้ายไปวาดลวดลายให้กับ "เสือใต้" ก็ได้ทิ้งเครื่องหมายคำถามไปถึงสาวก "ราชันชุดขาว" ว่าเหตุอันใดทิ้งปล่อยตัว ร็อบเบน ทิ้งไปดื้อๆ เพราะโชว์ฟอร์มได้สะแด่วแห้วเหลือเกิน ต่อให้มีอาการบาดเจ็บ กลับมาก็ยังเป็นนักเตะที่สร้างความอันตรายให้กับกองหลังคู่แข่งได้อยู่ตลอด โดยเฉพาะท่าสูตร เลี้ยงตัดเข้าในแล้วซัดด้วยซ้าย ปัจจุบันเป็นแชมป์ บุนเดสลีกา 7 สมัย, เดเอฟเบ โพคาล 4 สมัย และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย ซึ่งมีซิวทริปเปิ้ลแชมป์ เมื่อฤดูกาล 2012-13

3. ฮาเมส โรดริเกซ

ฮาเมส โรดริเกซ คือนักเตะที่แจ้งเกิดกับ ฟุตบอลโลก 2014 อย่างเต็มตัว หลังทำผลงานเป็น "เดอะ แบก" ให้กับทีมชาติโคลอมเบีย ผ่านเข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ด้วยความครบเครื่องทั้งยิง, จ่าย และ เตะลูกนิ่ง มาดริด จึงยอมทุบคลังดึงตัวมาด้วยเม็ดเงิน 63 ล้านยูโร โดยในยุคที่ คาร์โล อันเชล็อตติ ยังกุมบังเหียน มาดริด ฮาเมซ คือปัจจัยสำคัญในแดนกลาง แต่พอเปลี่ยนมาเป็น ซีเนอดีน ซีดาน ความสำคัญของเขากับ "ราชันชุดขาว" ก็หมดลงไปเรื่อยๆ จากการที่ ซีดาน เลือกใช้ โทนี่ โครส, ลูก้า โมดริช และ คาเซมิโร่ เป็น 3 แกนหลักมิดฟิลด์ ส่วน ฮาเมส เป็นได้เพียงตัวสำรองคนหนึ่ง ต่อให้มีชื่อเป็นเจ้าของแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 สมัย สุดท้ายเพลย์เมกเกอร์รายนี้ ขอย้ายแบบยืมตัวไปเล่นให้ "เสือใต้" ตามเจ้านายเก่า และแม้ปัจจุบันจะเป็น จุ๊ปป์ ไฮย์เกส แต่ ฮาเมส ก็กลับมาเล่นแบบมีชีวิตชีวาอีกครั้ง ได้เล่นในบทบาทที่เขาชื่นชอบ โดยทีส่วนสำคัญช่วย บาเยิร์น คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา และรอชิงชนะเลิศ เดเอฟเบ โพคาล

4. กอนซาโล่ อิกวาอิน

ยุคที่ มาดริด มีกองหน้าหลากหลายคนให้เลือกใช้ กอนซาโล่ อิกวาอิน คือหนึ่งในนั้น โดยสมัยที่ อิกวาอิน ยังเป็นไอ้หนุ่มผมยาว ต้องคอยเบียดแย่งพื้นที่กองหน้าตัวเป้ากับ คาริม เบนเซม่า ถึงแม้จะบันทึกสกอร์ให้กับ "ราชันชุดขาว" ได้เกิน 100 ประตู แต่เหมือนว่า มาดริด จะเลือกใช้บริการ เบนเซม่า เสียมากกว่า และเคยมีการแฉว่าที่ต้องย้ายทีม เพราะโดนบีบจาก ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสร ต่อให้ อิกวาอิน จะโดนบีบย้ายทีม ก็มีหลายสโมสรพร้อมอ้าแขนต้อนรับ โดยเฉพาะ อาร์เซน่อล แต่สุดท้ายก็เลือกไปอยู่ นาโปลี ถึงแม้ตอนอยู่กับ "อัซซูร่า" จะมีแค่โทรฟี่ โคปปา อิตาเลีย 1 สมัย แต่กระนั้น อิกวาอิน ก็ได้สถาปนาให้โลกลูกหนังเห็นว่าเขาคือหนึ่งในเพชรฆาตล่าตาข่าย อาจจะมีปัญหากับเกมการเล่นเกมสำคัญ แต่เคยซัลโวมาแล้ว 36 ประตู จาก 35 นัด โดยปัจจุบันมาอยู่กับ ยูเวนตุส และก็คว้าแชมป์ลีกมาครองเรียบร้อย

5. ซามี่ เคดิร่า

หลังจากที่จบ ฟุตบอลโลก 2010 โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตกุนซือ เรอัล มาดริด ก็ไปจัดการคว้าตัว ซามี่ เคดิร่า มาเสริมทัพทันที โดยไม่มีการเปิดเผยค่าตัว เนื่องจากทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจกับทีมชาติเยอรมัน แต่กระนั้นเจ้าตัวก็ยังไม่ใช่ตัวหลักตัวสำคัญของทีมเท่าไหร่ โดยในช่วงระหว่างปี 2013-2015 แทบหลุดไปเป็นสำรอง ด้วยความที่ชีพจรมันลงเท้า ทำให้ เคดิร่า ย้ายจาก เรอัล มาดริด ไปอยู่กับ ยูเวนตุส เมื่อปี 2015 กลับกลายเป็นเข้ากับสไตล์ของ เคดิร่า อย่างยิ่ง เพราะสปีดบอลมันไม่เร็วมากนัก จากตัวสำรอง กลายมาเป็นตัวหลักทันที มีส่วนสำคัญในแผงมิดฟิลด์ของ "ไอ้ม้าลาย" ตนเองช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ "สคูเด็ตโต้" มาแล้ว 3 สมัย รวมถึงการผ่านเข้าไปเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถึง 2 ครั้ง แต่ก็น้ำตาตกใน เพราะได้รองแชมป์ทั้งสองหน