logo-heading

เซาธ์แฮมป์ตัน เป็นหนึ่งในสโมสร ที่ถูกยกย่องว่ามีอะคาเดมี่ อันยอดเยี่ยม ผลิตดาวรุ่งชั้นดีสู่ตลาดลูกหนังมากมาย รวมถึงเหล่าบรรดาแมวมอง ที่ไปหยิบจับใครมาก็ดูดีไปซะหมด

อย่างไรก็ตาม มันเหมือนเป็นดาบ 2 คม เพราะถ้าพูดกันตรงๆคือ "นักบุญแดนใต้" ไม่ใช่ทีมชั้นนำของลีกอังกฤษ ทำให้นักเตะหลายๆคน ต้องการย้ายไปหาประสบการณ์ที่ดีกว่า, มีความสำเร็จมากกว่า ซึ่งผู้เล่นหลายๆคนก็กลายเป็นแข้งชั้นนำไปแล้วเรียบร้อย หากมองย้อนกลับไป ถ้า เซาธ์แฮมป์ตัน เก็บนักเตะเหล่านี้ไว้ได้ จะโหดขนาดไหน ไปดูกัน

รักษาประตู : อาร์เธอร์ โบรุค ขายไปอยู่ บอร์นมัธ ค่าตัว N/A ชื่อเสียงอาจไม่โด่งดังมากนัก แต่ก็นับว่าเป็นมือ 1 ให้กับทัพ "นักบุญแดนใต้" ในช่วงที่ขยับก้าวขึ้นมาสู่เวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ใหม่ๆ และก็ถือว่าทำผลงานได้น่าประทับใจ โดยเฉพาะในซีซั่น ที่ เซาธ์แฮมป์ตัน จบถึงอันดับ 8 ของฤดูกาล อย่างไรก็ตามหลังจากที่ เซาธ์แฮมป์ตัน ไปซื้อ เฟรเซอร์ ฟอร์สเตอร์ มาเฝ้าเสาจาก กลาสโกว์ เซลติค ทำให้ อาร์เธอร์ โบรุค หมดความสำคัญลงไป ก่อนจะต้องอพยพไปอยู่กับ บอร์นมัธ และก็เป็นส่วนสำคัญช่วยให้ทัพ "เดอะ เชอร์รี่ส์" ก้าวขึ้นมาสู่เวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ส่วนปัจจุบัน ฟอร์สเตอร์ ฟอร์มตก โดนดรอปสำรองยาวๆ แบ็กขวา : นาธาเนียล ไคลน์ ขายไปอยู่ ลิเวอร์พูล 12.5 ล้านปอนด์ หลังจากที่ต้องเบียดตำแหน่งกับ คัลลั่ม แชมเบอร์ส ในที่สุด ไคลน์ ก็ได้ขึ้นมายึดเป็นแบ็กขวาตัวจริงให้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน โดยลงสนามไปมากถึง 35 นัด เมื่อฤดูกาล 2013-14 ด้วยฝีเท้าความว่องไว ที่โดดเด่นทั้งการช่วยเกมรับ และ เติมขึ้นไปช่วยเกมรุก จนก้าวขึ้นมาติดทีมชาติอังกฤษ ชุดใหญ่ แต่ด้วยสัญญาของ ไคลน์ กับ เซาธ์แฮมป์ตัน เหลืออีกเพียงแค่ปีเดียว ทำให้สโมสรไม่อยากเสียตัวไปแบบฟรีๆ จึงตัดสินใจขายไปให้กับ ลิเวอร์พูล  และเขาก็สามารถยึดสัมปทานแบ็กขวาของ "หงส์แดง" ได้ทันที แต่โชคร้ายซีซั่นนี้บาดเจ็บยาว กลับมาก็ทำได้เพียงแค่เป็นตัวสำรองเท่านั้น เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ขายไปอยู่ สเปอร์ส 11.5 ล้านปอนด์ เชื่อว่าหากย้อนไปตอนที่ แอตเลติโก มาดริด ยอมปล่อยตัว โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ มาให้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน ยืมตัว คงไม่มีใครคาดคิดว่า นักเตะรายนี้จะสามารถโช์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะสมัยเป็นแข้ง "ตราหมี" โอกาสลงสนามแทบจะนับครั้งได้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ถูกดึงตัวมาใช้งาน ในตอนที่ เซาธ์แฮมป์ตัน เสีย เดยัน ลอฟเรน ไปให้กับ ลิเวอร์พูล ในฤดูกาล 2014-15 โดยผลงานที่ลงไป 17 นัด ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ถือว่าทำผลงานได้น่าประทับใจ ทว่า "นักบุญแดนใต้" ไม่อาจเซ็นสัญญามาร่วมทีมถาวรได้ เนื่องจากนักเตะอยากไปลงเอยกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ มากกว่า เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ : เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ขายไปอยู่ ลิเวอร์พูล 75 ล้านปอนด์ หลังจากที่ โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ไม่อยู่ต่อกับสโมสร ทำให้ทาง เซาธ์แฮมป์ตัน ก็ไปหาตัวแทนมาใหม่ และก็ได้ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เข้ามาเป็นป้อมปราการเมื่อซีซั่น 2015-16 เพียงแค่ฤดูกาลแรกกับสโมสร "บิ๊กเฟอร์จิล" ก็สร้างความแข็งแกร่ง ช่วยทีมไม่เสียประตูหลายต่อหลายนัด ฟอร์มการเล่นของ ฟาน ไดค์ กับ เซาธ์แฮมป์ตัน กำลังเป็นไปอย่างสวยงาม ลงไป 80 นัด จนกระทั่งถึงช่วงซัมเมอร์ก่อน เมื่อ ลิเวอร์พูล ประกาศความสนใจ ทำให้นักเตะหัวใจอ่อนระทวย อยากไปค้าแข้งถิ่นแอนฟิลด์ ใจจะขาด แต่กลับถูกสโมสรปฏิเสธและกีดกัน โดยต้องรอถึงเดือนมกราคม ที่ผ่านมา ก็สมปรารถนาได้มาอยู่กับ "หงส์แดง" พร้อมกับค่าตัวสถิโลกกองหลัง แบ็กซ้าย : ลุค ชอว์ ขายไปอยู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 28 ล้านปอนด์ ลุค ชอว์ กลายเป็นเจ้าหนูที่ประสบความสำเร็จที่สุดคนหนึ่ง ในเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อย้อนกลับไปซีซั่น 2013-14 เพราะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งเกมรับ และ การเติมเกมรุกอันน่าเร้าใจ ด้วยการสร้างสรรค์โอกาสมากถึง 21 ครั้ง จากการลงสนาม 17 นัด จนมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษ ไปลุยศึก ฟุตบอลโลก 2014 ด้วยวัย 18 ปี อาจจะดูเร็วไปกับการย้ายทีม เพราะยังสั่งสมประสบการณ์มาไม่เยอะ แต่ด้วยค่าตัวที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปย์มาให้กับ เซาธ์แฮมป์ตัน มันจึงยากที่จะปฏิเสธ แต่ไม่รู้ว่าไปทำบาปทำกรรมอะไรมา เมื่อ ชอว์ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ต้องนอนในโรงหมอเป็นปีๆ พอคัมแบ็กคืนสนาม ฟอร์มเดิมๆกลับหายไปหมดแล้ว ปัจจุบันแทบกลายเป็นส่วนเกินของทัพ "ปีศาจแดง" กองกลาง : วิคเตอร์ วานยาม่า ขายไปอยู่ สเปอร์ส 11 ล้านปอนด์ มิดฟิลด์ตัวตัดเกมทีมชาติเคนย่า สร้างชื่อของตัวเองขึ้นมา สมัยเล่นกับ กลาสโกว์ เซลติก ระหว่างซีซั่น 2011 - 2013 จากนั้นก็ย้ายมาแบบไม่หวือหวาเท่าไหร่ เมื่อมาสวมเสื้อให้กับ "นักบุญ" แต่ทว่ากลับโชว์ฟอร์มได้อย่างเปรี้ยงปร้าง ยิงไป 4 ประตู ตลอด 3 ฤดูกาล โดยเฉพาะยุคที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุมบังเหียน ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยม ทำให้ วานยาม่า ตกเป็นข่าวกับหลายๆสโมสร จนกระทั่งถึงวันต้องโบกมือลา เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อนักเตะรายนี้ ตัดสินใจย้ายไปร่วมงานกับนายเก่า โปเช็ตติโน่ ซึ่งโยกไปคุมทีม ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ และมีส่วนช่วยให้ 'ไก่เดือยทอง" ได้ลุ้นแชมป์ลีก 2 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ไม่สำเร็จ กองกลาง : อดัม ลัลลาน่า ขายไปอยู่ ลิเวอร์พูล 25 ล้านปอนด์ ลัลลาน่า ไม่ได้การต้อนรับที่ดีนักจากเหล่าสาวก "เดอะ เซนส์" ยามต้องกลับมาเจอ เซาธ์แฮมป์ตัน ในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ลัลลาน่า เคยสร้างคุณงามความดีไว้มากมาย สมัยยังเป็นผู้เล่นของ "นักบุญแดนใต้" โดยเฉพาะการเป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของสโมสร ลัลลาน่า เคยเอ่ยกับแฟนบอล เซาธ์แฮมป์ตัน ไว้ว่าจะไม่ย้ายทีม แต่ด้วยกลิ่นอายของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มันช่างเย้ายวนใจ ทำให้สุดท้ายนักเตะเลือกย้ายไปอยู่กับ "หงส์แดง" และก็สร้างผลงานไว้น่าประทับใจเมื่อซีซั่นก่อน แต่ทว่าฤดูกาลนี้ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก โอกาสลงสนามแทบไม่มีให้เห็น กองกลาง : อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด แชมเบอร์เลนด์ ขายไปอยู่ อาร์เซน่อล 15 ล้านปอนด์ อีกหนึ่งผลผลิตจากรั้วอะคาเดมี่ เซาธ์แฮมป์ตัน และโลดแล่นอยู่กับทีมสมัยอยู่ในระดับ ลีก วัน อ็อกซ์เลด ลงสนามให้กับ "นักบุญแดนใต้" ไปถึง 41 นัด ยิงไป 10 ประตู มีส่วนสำคัญช่วยพาทีมเลื่อนชั้นมาบนเวที เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปี 2011 ซึ่งนั่นก็เพียงพอทำให้ อาร์แซน เวนเกอร์ เฮดโค้ช อาร์เซน่อล ซื้อไปร่วมทีม แต่ด้วยความที่ตำแหน่งของ อ็อกซ์เลด ไปทับตำแหน่งกับนักเตะในทัพ "ไอ้ปืนใหญ่" หลายคน ทำให้มีโอกาสลงตัวจริงไม่สม่ำเสมอ โดยเคยถูกจับไปเล่นวิงแบ็กฝั่งขวาด้วยซ้ำ ถึงแม้จะคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครองได้ แต่ความฝันของเขาคือการเล่นมิดฟิลด์ตัวกลาง และ ลิเวอร์พูล ตอบโจทย์นั้นจึงย้ายมาร่วมทัพ ปีกขวา : ธีโอ วัลค็อตต์ ขายไปอยู่ อาร์เซน่อล 12.5 ล้านปอนด์ "ดาวรุ่งตลอดกาล" นามว่า ธีโอ วัลค็อตต์ เป็นเด็กลูกหม้อของ "นักบุญแดนใต้" ตัวจริงเสียงจริง โดย วัลค็อตต์ ถูกดันขึ้นสู่ชุดใหญ่ เซาธ์แฮมป์ตัน ตั้งแต่อายุ 16 ปี 143 วัน สมัยเล่นอยู่ในระดับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ก่อนจะระเบิดฟอร์มด้วยการซัดไป 4 ประตู จากการลงสนาม 21 นัด เมื่อมองเห็นว่าแววมันได้ อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือ อาร์เซน่อล ก็เลยใช้คอนเซ็ปต์ดึงตัว วัลค็อตต์ ไปร่วมทีมล่วงหน้า ด้วยค่าตัวประมาณ 12.5 ล้านปอนด์ เมื่อต้นปี 2006 แต่อาการบาดเจ็บคอยตามเล่นงาน ทำให้ วัลค็อตต์ ไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ เอฟเวอร์ตัน แต่เชื่อว่าหากได้กลับมาอยู่ "นักบุญแดนใต้" ก็คงสร้างพิษสงได้ไม่น้อย ปีกซ้าย : แกเร็ธ เบล ขายไปอยู่ สเปอร์ส 11 ล้านปอนด์ ครั้งหนึ่ง แกเร็ธ เบล เคยถูกล้อเลียนว่าเป็นตัว "กาลกิณี" เคยลงสนามแล้วทีมไม่สามารถเก็บชัยชนะได้เลย จนกระทั่งมีโอกาสได้ย้ายไปเล่นกับ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ จากตำแหน่งแบ็กซ้าย ถูกขยับดันสูงขึ้น จนกลายเป็นดาวเตะวานรเทพ ที่เคยวิ่งกระชากทำเอา ไมค่อน อดีตแบ็กขวา อินเตอร์ มิลาน เสียผู้เสียคนมาแล้ว แกเร็ธ เบล ยกระดับการเล่นของตัวเองกับ สเปอร์ส ขั้นมาอีกขึ้น เมื่อกลายเป็น "เดอะ แบก" เต็มตัว พร้อมคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปี ด้วยฝีเท้าอันยอดเยี่ยม และเล็กเกินไปที่จะอยู่กับ "ไก่เดือยทอง" สุดท้ายย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด กับค่าตัวสถิติโลกขณะนั้น และก็คว้าทุกแชมป์มาครองเรียบร้อย กองหน้า : ซาดิโอ มาเน่ ขายไปอยู่ ลิเวอร์พูล 34 ล้านปอนด์ ดาวยิงทีมชาติเซเนกัล ย้ายมาอยู่กับ เซาธ์แฮมป์ตัน เมื่อปี 2014 และก็กลายมาเป็นตัวหลักทันที โดยซีซั่นเปิดตัวก็สามารถเบิกสกอร์ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้ถึง 10 ประตู พร้อมกับสร้างประวัติศาสตร์ซัดแฮตทริคได้เร็วที่สุดในลีกสูงสุดแดน "ผู้ดี" นัดชนะ แอสตัน วิลล่า 6-1 ด้วยเวลา 2 นาที 56 วินาที หลังจากนั้น 2 ฤดูกาลถัดมา มาเน่ ก็ยังโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงด้วยการซัลโวไปถึง 21 ตุง ด้วยผลงานอันเฉียบขาดทำให้ ลิเวอร์พูล คว้าตัวไปร่วมทีม ตามรอย นาธาเนียล ไคลน์, อดัม ลัลลาน่า, เดยัน ลอฟเรน และ ริคกี้ แลมเบิร์ต โดยปัจจุบันคงสถานะเป็นตัวหลัก "หงส์แดง" ชุดผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จะโหดขนาดไหน! รวมโคตรทีม นักบุญ หากไม่ปล่อยให้ทีมอื่น  
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline