logo-heading

บาร์เซโลน่า พลาดทำสถิติเป็นทีมที่คว้าแชมป์ ลา ลีกา สเปน ด้วยการไร้พ่ายไปเป็นที่เรียบร้อย หลังบุกไปแพ้ เลบานเต้ 5-4 ในนัดรองสุดท้ายของฤดูกาล

เอร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ คือชื่อกุนซือของทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" ในฤดูกาลนี้ที่พาทีมคว้า 2 แชมป์คือ แชมป์ลีก และ โกปา เดล เรย์ แต่คนไม่ค่อยจะจดจำชื่อนักหรอก เพราะจะมีคำนิยามที่ว่า โถ่ ก็ทีมมึงมี เมสซี่ ก็ทีมมึงรวย ก็ทีมมึงเก่ง ใครคุมก็คว้าแชมป์ได้วะ! แต่กลับกันหากไม่ได้แชมป์สักใบ ก็จะโดนด่ายับเยิน เอาเป็นว่าไม่ค่อยจะมีเครดิตถึงตัวกุนซือ เหมือนกับตอนที่ตกรอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการพ่าย โรม่า ในเลกสอง 3-0 บัลเบร์เด้ ก็โดนถล่มยับ ความดีความชอบที่ทำมาทั้งฤดูกาลหดหายไปหมด เชื่อว่าแฟนๆ บาร์ซ่า ก็คงหงุดหงิดเหมือนกันกับแผนการเล่นของ บัลเบร์เด้ ที่วางไว้ในเกมนั้น เอาหล่ะ ไหนๆ บัลเบร์เด้ ก็ไม่ได้เครดิตอยู่ละ เรามาดิสเครดิตไปเลยดีกว่า ลองยกมาสัก 5 เหตุผลที่ทำไม บัลเบร์เด้ วัย 54 ปีถึงโดนด่าเละเทะ แม้จะพาทีมได้ 2 แชมป์ในฤดูกาลแรกที่เข้ามาคุมทีม 1.วางแท็คติกพลาด ตอนที่ บาร์เซโลน่า จับสลากมาเจอกับ อาแอส โรม่า ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย แชมเปี้ยนส์ ลีก ใครๆ ก็ต่างฟันธงกันไปว่า "เจ้าบุญทุ่ม" เข้าวินทะลุึงรอบรองชนะเลิศแน่นอน ยิ่งนัดแรกเปิดบ้านถล่มมาก่อน 4-1 ร้อยทั้งร้อยก็มั่นใจว่าแล่นฉิวปลิวเข้ารอบแน่นอน ทว่าการวางแท็คติกของ บัลเบร์เด้ ในเกมเลก 2 ที่บุกไปเยือน "หมาป่าโรม" แทนที่จะเล่นเกมบุกที่ตัวเองถนัด เล่นตามเกมตัวเอง อาจจะมีประคองบ้างเพราะสกอร์ตุนอยู่เยอะ กลับเลือกวางแท็คติกให้ลูกทีมเล่นรับ 100% เต็ม ไม่บุกสู้ จนโดน โรม่า สอยไป 3 เม็ด พลิกตกรอบซะงั้น นี่คือจุดที่ บัลเบร์เด้ โดนด่ามากที่สุด ไม่ใช่แค่แฟนบอล แต่ยังรวมถึงนักเตะด้วย เช่น เคร์ราร์ด ปิเก้, ลิโอเนล เมสซี่ แะล อันเดรส อิเนียสต้า ที่แสดงสีหน้าท่าทางชัดเจนว่ากูไม่ชอบแผนรถบัสแบบนี้! 2.สไตล์การเล่น "ติกิ ตาก้า" คือสไตล์การเล่นต่อบอล ที่เป็นจุดเด่นของ บาร์เซโลน่า เรียกได้ว่าเป็นหน้าตาของสโมสรเลยด้วยซ้ำ ทว่าพอ บัลเบร์เด้ เข้ามากุมบังเหียน สไตล์การเล่นนี้ก็ค่อยๆ โดนดูดซึมหายไปทีละนิดๆ จนทุกวันนี้แทบไม่ได้เห็นการต่อบอลสวยๆ เหมือนเมื่อก่อนจากทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" แล้ว แม้นักเตะจะยังมีความสามารถเหมือนเดิมก็ตามที 3.การซื้อตัว เพียงแค่ปีเดียวที่เข้ามากุมบังเหียน บาร์เซโลน่า บัลเบร์เด้ ก็ใช้เงินไปแล้วเกิน 300 ล้านยูโร แลกกับนักเตะ 5 ราย ประกอบไปด้วย ฟิลิเป้ คูตินโญ่, อุสมาน เดมเบเล่, เนลสัน เซเมโด้, เปาลินโญ่ และ เยอร์รี่ มิน่า ว่ากันตามตรงถือเป็นการซื้อตัวที่ไม่คุ้มค่าเงินเลย โอเค "คูตี้" เพิ่งจะเริ่มปรับตัวเข้ากับระบบได้ดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับ เปาลินโญ่ ที่ถือว่าโคตรคุ้ม ส่วน เดมเบเล่ เจ็บบ่อย และหากเทียบกับค่าตัว 115 ล้านยูโร ถือว่าโคตรแพง ขณะที่ เซเมโด้ กับ มิน่า นี่บ่อน้ำมันของทีมชัดๆ ดูได้จากนัดล่าสุดที่แพ้ เลบานเต้ 5-4 ประตู มิน่า เป็นเซ็นเตอร์ แบ็กซ้าย เซเมโด้ โดนเจาะพรุน 4.การแก้เกม การแก้เกมของ บัลเบร์เด้ ถือเป็นอีกหนึ่งจุดอ่อนที่ควรจะต้องปรับปรุง แต่อย่างนึงก็อาจเป็นเพราะนักเตะตัวสำรองของ บาร์ซ่า ไม่สามารถทดแทนกันได้เต็มที่ มีความห่างชั้นระหว่างตัวจริงกับตัวสำรองมากเกินไป แต่เรื่องนี้ถ้าจะให้โทษ โค้ชก็ควรต้องเป็นผู้รับผิดชอบที่บริหารนักเตะได้ไม่ดีพอ หลายครั้งที่เห็นการเปลี่ยนตัวแก้เกมของ บัลเบร์เด้ แล้วแบบ ห้ะ เปลี่ยนทำไม เพื่ออะไร? แต่ส่วนใหญ่ที่คนไม่ค่อยสังเกตจุดนี้เพราะท้ายสุดมันก็ได้แชมป์ไง 5.ไม่ดันเด็ก เป็นที่ทราบกันดีว่า "ลา มาเซีย" คือแหล่งผลิตดาวรุ่งชั้นยอดมาประดับวงการลูกหนัง และเป็นสิ่งที่ขึ้นชื่อลือชาอีกอย่างนึงของ บาร์เซโลน่า ทว่าตอนนี้แข้งจาก "ลา มาเซีย" ที่ผุดขึ้นมาอยู่ในทีมชุดใหญ่ในยุค บัลเบร์เด้ แทบไม่มีแล้ว หรือถ้ามีก็แทบไม่ได้ลง ซึ่งมันขัดกับคำแถลงของ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว ประธานสโมสร ที่พูดไว้ตอนตั้ง บัลเบร์เด้ เข้ามารับตำแหน่งนายใหญ่ว่า บัลเบร์เด้ จะใช้ความรู้และประสบการณ์ ส่งเสริมเหล่าผู้เล่นเยาวชนตามทิศทางของสโมสร 6.ดรอป เมสซี่ อย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่โปรยสกู๊ปนี้แล้วนั่นแหละฮะว่า บาร์เซโลน่า ชวดทำสถิติเป็นแชมป์ไร้พ่ายในนัดที่ 37 ด้วยการออกไปแพ้ เลบานเต้ 5-4 บัลเบร์เด้ ดูจะมั่นใจมากว่าจะชนะ "ค้างคาวน้อย" ได้ หรืออย่างแย่ก็คือเสมอ ถึงขนาดกาชื่อ เมสซี่ ทิ้งออกจากเกมนี้ โดยไม่มีชื่อแม้กระทั่งตัวสำรอง แถมเจ้าตัวก็ไม่ได้เจ็บด้วย คำถามคือ ดรอปเพื่อ? ในเมื่อมันคือนัดรองสุดท้ายของฤดูกาล แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ไม่ได้เข้าชิง โกปา เดล เรย์ ก็คว้าแชมป์ไปแล้ว แถม เมสซี่ ก็กำลังห้าวเป้งลุ้นดาวซัลโวอยู่ ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ น้าบัล จะต้องดรอป ทีนี้พอแพ้มา เสียสถิติไร้พ่าย ก็โดนสาวก "เจ้าบุญทุ่ม" ด่าเละเทะสิครับ

ชิน ชินพัฒน์

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline