logo-heading

มูรินโญ่ พาลูกทีม "ปีศาจแดง" ลงเล่นที่ เวมบลีย์ ในศึก เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ กับ เชลซี เป็นเกมที่เปี่ยมด้วยความหวัง แต่ลงเอยด้วยความผิดหวัง และการจบด้วยการมือเปล่าในปีที่ 2 ของการคุมทีมเป็นครั้งแรก

ไม่มีใครเถียงว่า โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นกุนซือ ที่ไม่มีฝีมือ ทุกสโมสรที่เขาไปคุม จะมีแชมป์ติดมือทุกครั้ง ยกเว้นในยุคเริ่มต้นกับ เบนฟิก้า กับ เลเรีย กุนซือชาวโปรตุกีสคนนี้เลื่องชื่อไปทั่วร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ กับการเป็นมือปืนรับจ้างพาทีมคว้าความสำเร็จ ใครอยากได้ถ้วย ก็มักจะมาหาเขาเสมอ ขอเวลาปรับตัว 1 ปี แล้วปีที่สองคือของจริง พาทีมเดินหน้าไล่ล่ารางวี่รางวัลติดไม้ติดมือได้เสมอ นับตั้งแต่เริ่มงานกับ เอฟซี ปอร์โต้ และไปต่อกับอีกหลายๆ สโมสร หน้าประวัติศาสตร์ที่เขาเขียนไว้มักจะเป็นที่เลื่องลือ ปีแรกปรับตัว ปีที่สองเป็นแชมป์ และปีที่ 3 มักไม่ประสบความสำเร็จนำไปสู่การจากลา เหมือนเป็นวงจร เป็นวัฏจร ซึ่งความสุดยอดมันอยู่ในปีที่สองในทุกๆ สโมสรที่เขาไปคุม มันมีแชมป์ติดมือจริงๆ จนกระทั่งสโมสรล่าสุด ที่ผ่านมามันไม่ใช่เรื่องเล่า แต่มันคือเรื่องจริง เราจะพาย้อนกลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เอฟซี ปอร์โต้ มูรินโญ่ เข้ามาคุมทีม ปอร์โต้ ครั้งแรกในเดือนมกราคมปี 2002 แทนที่กุนซือเก่า อ็อคตาวิโอ้ มาชาโด้ จะบอกว่านี่คือปีแรกยังไม่เต็มปากเลย แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาปรับตัว ตอนนั้นทีมอยู่อันดับ 5 มูรินโญ่ คุมจบที่ 3 บอลถ้วยตกรอบไปก่อนแล้ว ขณะที่ในบอลยุโรปก็ไปไหนไม่ไกล แต่มาปีที่สองที่เขาได้คุมเต็มๆ ทุกอย่างอยู่ในมือเต็มๆ ทีมโหดสุดๆ เขาพาทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้ โดยได้ไปทั้ง แชมป์ลีก แชมป์บอลถ้วย และ ยูฟ่า คัพ ออกสตาร์ทตำนานปีที่สอง เชลซี หลังจากพา ปอร์โต้ เป็นแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปี 2004 เขาย้ายมาอยู่กับ เชลซี ปีแรกอย่าเรียกว่าปีปรับตัวเลย เพราะเขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกได้ทันทีด้วยซ้ำ แถมเป็นดับเบิ้ลแชมป์ จากการคว้าแชมป์ ลีก คัพ ได้อีก มาปีที่สอง ก็เดินหน้าคว้าแชมป์ลีกได้อีกซีซั่น เป็นปีที่สองที่ไม่เคอะเขิน และมีแชมป์ติดมืออีกตามเคย อินเตอร์ มิลาน หลังจากโดนปลดจาก เชลซี เขาย้ายมาคุมทีม อินเตอร์ มิลาน แทนที่ของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ในปี 2008 ความจริงก็เป็นแชมป์ลีกได้ตั้งแต่ซีซั่นแรก แต่ความพีคอยู่ที่การจับทางได้ในซีซั่นที่สอง ปีที่สองที่เขาคุมทีม "งูใหญ่" พาทีมจบที่การเป็นแชมป์ลีก ไม่พอยังต่อยอดด้วยการชนะ โรม่า ในนัดชิงฯ โคปปา อิตาเลีย และคว่ำ บาเยิร์น มิวนิค เป็นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อีก ซึ่งเป็นการพาทีมคว้า ทริปเปิ้ลแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่ เรอัล มาดริด เขาโบกมือลา อิตาลี แล้วมาชิมลางการทำทีมในสเปนบ้าง เขามาคุมทีมต่อจาก มานูเอล เปเยกรินี่ ในปี 2010 การทีมงานที่นี่เป็นเรื่องยาก เพราะความยิ่งใหญ่ของอีกหนึ่งขั้วมหาอำนาจอย่าง บาร์เซโลน่า แต่เขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เขาพาทีมคว้าแชมป์ โกปา เดล เรย์ ในซีซั่นแรก และเหมือนเป็นการวางรากฐาน ทุกๆ ครั้งที่เขาไปในทุกๆ ประเทศ ซีซั่นที่สองก็จบด้วยการเป็นแชมป์ลีกได้ทันที เชลซี โชคชะตาพา มูรินโญ่ กลับมาคุม เชลซี อีกหน และวงล้อแห่งวัฏจักรก็หมุนแบบเดิม เขาต้องเริ่มจับนู่นจับนี่ ชิมลางในซีซั่นแรก แบบไม่มีอะไรติดมือ ในฤดูกาล 2013-14 และเหมือนเดิมที่เก่า เขาพา เชลซี เป็นแชมป์ลีก และคว้าดับเบิ้ลแชมป์ด้วยการเป็นแชมป์ลีก คัพ อีกหนึ่งรายการ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สุดท้ายเขากับ เชลซี ไปได้ไม่สวยนัก จึงได้โอกาสมาคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเเต็ด ที่กำลังมองหาคนมาสานต่อความสำเร็จ พาทีมกลับไปสู่ความยิ่งใหญ่ให้ได้ จากการจมปลักกับการล้มลุกคลุกคลานมานาน มูรินโญ่ เข้ามาปีแรก อาจทำทีมมีทรงที่ดีขึ้น แต่ก็ยังมีความน่าเบื่อ ความไม่ดุดันอย่างที่แฟนบอลอยากได้ แต่ความเป็นเขา ก็ยังพาทีมคว้าแชมป์ ลีก คัพ และ ยูโรปา ลีก ได้สำเร็จ แต่นี่กลับเป็นการปิดตำนานแชมป์ปีที่สองของเขาอย่างน่าเหลือเชื่อ จากการที่เราเคยเชื่อว่า ปีแรกคือการชิมลาง ไปสู่ความยิ่งใหญ่ที่มากขึ้นในปีที่สอง จากที่เราเคยเชื่อว่า มูรินโญ่ ไม่เคยแพ้ในการเข้าชิงรายการบอลถ้วยในอังกฤษ แต่มาฤดูกาลนี้ กับ แชมป์รายการเดียวที่อยู่ในมือ เขาพาทีมเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ กับ เชลซี ทีมเก่า แล้วแพ้ไป 0-1 ทุกตำนานมีจุดเริ่มต้น และมีจุดจบ สิ่งที่แฟนบอลต้องทำคือ ทำใจ เข้าใจความเป็นไปของวิถีฟุตบอล ความเป็นจริง ความเป็นไป และสิ่งที่มันต้องเกิดขึ้น มองไปข้างหน้า มองหาความเป็นไปได้ สิ่งที่ให้ได้คือการสนับสนุนทีมต่อไปเท่านั้น

- เทพเฟี๊ยต ผู้ขายวิญญาณให้ ปีศาจแดง ไปตลอดกาล -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline