จับเข่าคุย!มุมมอง โอเว่น ถึงนัดชิง ยูซีแอล, เวิลด์ คัพ และ ชีวิตที่ผ่านน้ำ

จับเข่าคุยกับ ตำนาน ลิเวอร์พูล หรือ จะยกให้เป็นอดีตนักเตะ เรอัล มาดริด ก็ย่อมได้ หลัง ไมเคิ่ล โอเว่น เคยค้าแข้งสมัยยุค กาลาคติกอส เมื่อนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ใกล้มาถึง ในฐานะผู้คลุกคลีกับฟุตบอล อังกฤษ และ สเปน รวมถึงปัจจุบันยังรับหน้าที่เป็นกูรูลูกหนัง มุมมองของเขามีทรรศนะอย่างไร

ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่จะหลุดออกมาจากปากของชายชื่อ "เบบี้โกล" ว่าชีวิตของเขากับ มาดริด ต้องผ่านอะไรมาบ้าง

คุณคิดว่านัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ครั้งนี้ มันเซอร์ไพรส์คุณหรือเปล่า ? "เรอัล มาดริด กับ ลิเวอร์พูล มีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกัน โดย ลิเวอร์พูล มักจะทำผลงานได้ดี เมื่อเจอกับทีมใหญ่ เพราะเมื่อพวกเขาไล่ตัดบอลได้ ก็จะพาบอลไปข้างหน้าทันที พวกเขาไม่ต้องการเซ็ตเกมมากนัก และ ไม่ต้องการครองบอลมากเกินไป ผมคิดว่ามันเป็นนัดชิงชนะเลิศที่สมเหตุผลสมแล้ว และ มันจะเป็นแมตช์ที่ยิงกันกระจายแน่นอน" บอกหน่อยซิว่าจุดอ่อน จุดแข็ง ของ เรอัล มาดริด กับ ลิเวอร์พูล คืออะไร "ลิเวอร์พูล ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ยามที่ต้องลงเจอกับทีมยักษ์ใหญ่ในซีซั่นนี้ เพราะมันเป็นเรื่องดีสำหรับ ลิเวอร์พูล เนื่องจากพวกเขาไม่ต้องเจอกับทีมที่มัวมาแต่อุดลูกเดียว หรือ ลงป้องกันอยู่หลังลูกฟุตบอล ดังนั้นถ้ามันเป็นแบบนี้ พวกเขาสามารถเอาชนะได้ทุกทีม" "อย่างไรก็ตามกับ มาดริด พวกเขาคือทีมเต็งแชมป์ เพราะเมื่อไหร่ที่พวกเขาต้องการชนะ พวกเขาสามารถทำได้ ผมได้พูดไปแล้วเมื่อช่วงเริ่มต้นซีซั่นผ่านช่องโทรทัศน์ว่า เรอัล มาดริด จะเป็นแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกสมัย ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะมีโอกาส 50-50 เนื่องจาก ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่ดี แต่ผมว่ามันจะเป็นตอนจบที่สมบูรณ์แบบสำหรับผม โดย มาดริด มีจุดแข็งเลยคือ ประสบการณ์ในแมตช์ประเภทนี้ และมีตัวทีเด็ดทีขาดหลายคน เช่น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือ อิสโก้" คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับ ลิเวอร์พูล ชุดนี้ "ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่เติบโตขึ้นทีละเล็กทีละน้อยในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และตอนนี้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล เป็นทีมที่มีเกมรุกยอดเยี่ยม แต่เกมรับแย่สุดๆเลย ทำให้พวกเขาได้พัฒนาตรงจุดนี้ขึ้นมา โดย ฟาน ไดค์ กำลังอยู่ในช่วงพีค และเป็นนักเตะที่เข้ามาช่วยทีมได้มากจริงๆ ผมเชื่อว่า 2-3 ปีข้างหน้า ลิเวอร์พูล จะขึ้นชั้นเป็นหนึ่งในทีมที่ดีที่สุดแห่งทวีปยุโรป" "ลิเวอร์พูล เคยคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อปี 2005 แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้มีทีมที่ดีมากนัก สำหรับผมนักเตะชุดนี้ ดีกว่าเมื่อปี 2005 ผมจึงคิดว่า ลิเวอร์พูล จะขึ้นขั้นเป็นทีมระดับท็อปในฟุตบอลยุโรป" คุณคิดว่า แกเร็ธ เบล จะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศหรือเปล่า ? "พวกเราได้เห็นสิ่งที่ เบล สร้างผลงานเอาไว้สมัยอยู่กับ ท็อนแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เขามหัศจรรย์มาก และสไตล์การเล่นของทีมก็เหมาะกับบทบาทของเขาเลยล่ะ ผมเข้าใจดีว่าทำไมเขาถึงไม่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในหลายๆเกมที่ผ่านมา เพราะ มาดริด มีนักเตะชั้นยอดหลายคน และไม่ได้มีเพียง แกเร็ธ เบล คนเดียวเท่านั้น ที่ต่อสู้เพื่อตำแหน่งตัวจริง" "ผมคิดว่านัดชิงชนะเลิศ เบล จะได้เป็นเพียงแค่ตัวสำรอง และ จะได้ลุกจากม้านั่ง เพื่อลงสนามไปเปลี่ยนเกม ถ้า มาดริด จำเป็นต้องทำแบบนั้น ผมไม่คิดว่า ซีดาน จะส่ง เบล ลงไปเป็นตัวจริง ถึงกระนั้นผมยังเชื่อว่า เบล เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยม และ น่าจะมีอิทธิพลอย่างมากในนัดชิงชนะเลิศ พวกเราได้เห็นฝีเท้าที่ดีที่สุดของ แกเร็ธ เบล ในแผ่นดินสเปน หรือยัง ? "มันยากที่จะรู้คำตอบนั้น ผมคิดว่าเขาออกสตาร์ทได้ดี, ประสบความสำเร็จ และ ทำประตูสำคัญมากมาย โดยเฉพาะลูกยิงในศึก โกปา เดล เรย์ นัดชิงชนะเลิศ ผู้เล่นชั้นยอด มักจะโชว์ผลงานได้ยอดเยี่ยมเสมอ ไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหน แต่มันเป็นไปได้ที่จะเกิดปรากฏการณ์ที่คุณจะเล่นเข้ากับระบบ หรือไม่ก็อาจแย่ไปเลย" "เบล เป็นนักกีฬาที่ดี, มีความเร็ว และเขาชอบให้ทีพื้นที่ทางด้านปีกซ้าย โดย เบล สามารถพาทีมชนะด้วยฝีเท้าของตัวเอง เขาเป็นนักเตะชั้นนำแบบไม่ต้องสงสัย แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาผลงานของ เบล อาจไม่ได้อยู่ในระดับที่เขา และ เรอัล มาดริด ชื่นชอบสักเท่าไหร่ ดังนั้นมันน่าสนใจที่จะติดตามดูว่าเขาจะทำอะไรได้ในนัดชิงชนะเลิศ และ จะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนี้ เพราะเขายังเป็นนักเตะที่ได้รับสนใจมากมายใน พรีเมียร์ลีก หลายสโมสรต้องการได้เขา ถ้าหากเขาไม่ใช่ตัวจริงกับ มาดริด แล้ว" ถึงนักเตะสหราชอาณาจักร คุณคิดว่ามันยากหรือเปล่าในการปรับตัวกับลีกอื่น "เอิ่มม (คิดชั่วครู่) ผมไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เพราะผมมีประสบการณ์ที่ดีมากๆ ผมรักช่วงเวลาที่อยู่กับ มาดริด ผมรู้สึกว่าผมปรับตัวได้ดี ผมทำประตูได้มากมาย และผมก็คิดว่า เดวิด เบ็คแฮม ทำผลงานได้ดีมากๆเช่นกันสมัยอยู่ เรอัล มาดริด แน่นอนว่า พรีเมียร์ลีก กับ ลา ลีกา แตกต่างกัน" "ในศึก ลา ลีกา โดยเฉพาะกับ มาดริด คุณต้องครองบอลให้ได้เยอะๆ, คุณจะต้องมีเทคนิคอันยอดเยี่ยม ส่วน อังกฤษ คุณจะต้องมีสภาพร่างกายอันแข็งแกร่ง และ ต้องมีทักษะที่ดีด้วยเช่นกัน แต่อาจไม่จำเป็นเท่ากับ สเปน เนื่องจากในลีกอังกฤษ ได้รับการปลูกฝังด้วยวิธีอื่น เพราะตั้งแต่อายุน้อยๆคุณจำเป็นต้องมีร่างกันอันทรงพลัง ขณะที่ สเปน เรื่องร่างกายไม่ได้สำคัญที่สุด" คุณรู้สึกหรือกดดันไหมตอนเล่นอยู่กับ มาดริด เมื่อมีรางวัล บัลลง ดอร์ ค้ำคอ ผมรักช่วงเวลาที่เล่นกับ มาดริด ผมสนุกสนานเป็นอย่างมาก เมือง มาดริด สวยงาม และผู้คนก็เป็นมิตรจริงๆ ผมคิดว่าตอนนั้นผมอายุ 24 ปี ยังค่อนข้างเด็ก ผมตื่นเต้นมากกับประสบการณ์ครั้งนั้น ผมเพลิดเพลินในหลายๆอย่าง สิ่งเดียวที่เป็นปัญหาของผมก็คือ ผมมีเพื่อนสนิทหลายคนในอังกฤษ ดังนั้นเมื่อถึงซีซั่นก่อนศึก ฟุตบอลโลก 2006 ผมจึงต้องการอยากกลับไปเล่นเป็นตัวจริงให้กับทีมในอังกฤษ เรอัล มาดริด เซ็นสัญญากับผมด้วยเม็ดเงิน 8 ล้านยูโร  และ ประธานสโมสรได้รับข้อเสนอพิเศษถึง 2 ครั้ง และ น่าพอใจ ดังนั้นผมคิดว่าพวกเราแฮปปี้ทั้ง 2 ฝ่าย ถึงแม้ว่าตอนนั้น มาดริด เป็นสโมสรที่ดีสำหรับตัวเอง พวกเขาบอกผมเสมอว่าผมคือส่วนหนึ่งของครอบครัว ผมกลับไปสโมสรอยู่บ่อยๆ เพื่อนำรางวัล บัลลง ดอร์ ไปมอบให้กับ โรนัลโด้ และผมยังรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของสโมสร มันทำให้ผมมีความสุขมากๆ ผลงานที่คุณฝากเอาไว้กับ มาดริด ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้ง ? "ใช่ พวกเขาให้โอกาสกับผมมากมาย ให้โอกาสผมลงสนาม ผมคิดว่าผมได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง 20 เกม และ ก็นั่งเป็นสำรองด้วยจำนวนนัดเท่าๆกัน เพราะมันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คุณตะได้ลงสนามครบ 90 นาที ในทุกๆเกม เนื่องจากมีทั้ง ราอูล กอนซาเลซ, โรนัลโด้ และ เฟร์นานโด มอริเอนเตส" "ผมจำได้ว่าผมเคยยิงประตู 8 หรือ 9 นัด ติดต่อกัน ซึ่งรวมถึงเกม เอล กลาซิโก้ ด้วย ผมมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม และ ผมก็มีความทรงจำดีๆมากมายสมัยเป็นนักเตะ เรอัล มาดริด สำหรับผมแล้วมันเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่เคยได้ลงเล่นให้กับสโมสรแห่งนี้" คุณสามารถไปแข่งขันแย่ง บัลลง ดอร์ ในยุคนี้ของ เมสซี่ กับ โรนัลโด้ ได้หรือเปล่า ? "(หัวเราะ) ผมเชื่อว่า โรนัลโด้ และ เมสซี่ ได้เปลี่ยนแปลงโลกลูกหนังไปแล้ว ผมอาจคว้ารางวัล บัลลง ดอร์ มาครองก็ได้นะ บางทีอาจเป็นช่วงที่ โรนัลโด้ เพิ่งเริ่มต้นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือช่วงที่ เมสซี่ เพิ่งเริ่มกับ บาร์เซโลน่า แต่ถ้าหากเป็นช่วงเวลาที่ทั้งคู่อยู่จุดสูงสุดของอาชีพล่ะก็ มันไม่มีทางที่จะไปเบียดเอา บัลลง ดอร์ มาได้เลย" "บางทีตอนนี้เริ่มมีนักเตะหลายๆคนที่ขยับเข้าใกล้ระดับเดียวกันกับ โรนัลโด้ และ เมสซี่ เพราะทั้ง 2 คน ก็อายุมากขึ้น แต่ช่วงระหว่าง 10 ปีที่ผ่านมา ทั้ง โรนัลโด้ และ เมสซี่ มีฝีเท้าที่เหนือกว่านักเตะคนอื่นทุกคน" คุณคิดว่าใครจะเป็นผู้ชนะรางวัล บัลลง ดอร์ 2018 "ผมคิดว่ารางวัลนี้ มันจะขึ้นอยู่กับว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ถ้า เรอัล มาดริด คว้าแชมป์สำเร็จ มันก็คงต้องเป็น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อีกหนึ่งครั้ง แต่ถ้า ลิเวอร์พูล สามารถทำเซอร์ไพรส์ ซิวโทรฟี่ได้ล่ะก็ ซาลาห์ จะกลายเป็นตัวเต็งทันทีเลยล่ะ เพราะเขามีผลงานอันยอดเยี่ยมในปีนี้ และ เขาก็ทำผลงานได้มหัศจรรย์กับทีมชาติอียิปต์ ในการพาบ้านเกิด ไป ฟุตบอลโลก" เรอัล มาดริด ควรจ่ายค่าตัว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ไม่ว่าแพงขนาดไหนก็ตาม ? "ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องปรกติที่ เรอัล มาดริด ให้ความสนใจเหล่านักเตะยอดเยี่ยมของโลก คุณจะได้เห็นวิธีการทำงานของสโมสร แต่ผมไม่คิดว่า ซาลาห์ กำลังจะย้ายทีมหรอก ผมคิดว่า ซาลาห์ กำลังมีความสุขอย่างมากกับ ลิเวอร์พูล เขามีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยม และจะเป็นคีย์แมนสำคัญในช่วงเวลาอันน่าตื่นเต้นที่กำลังรออยู่" อังกฤษ สามารถทำเซอร์ไพรส์ได้หรือเปล่า ในศึก ฟุตบอลโลก 2018 "ผมไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เลย แต่ผมอยากให้มันมีเซอร์ไพรส์จริงๆ ผมคิดว่าพวกเราไม่ได้มีทีมที่ดีเหมือนกับหลายๆปีก่อน ตอนนี้พวกเรามี แฮร์รี่ เคน กองหน้าชั้นยอด ผู้ทำประตูได้มากมาย แต่ยังมีอีกหลายตำแหน่งที่มันยังไม่ชัดเจน ยกตัวอย่างง่ายๆเลยก็คือ ผู้รักษาประตู นั่นเป็นปัญหาเลยล่ะ นอกจากนี้มีนักเตะหลายๆคนได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะตำแหน่งกองกลาง "แต่หนึ่งสิ่งที่มันดีสำหรับ อังกฤษ ก็คือการจับสลาก เพราะถ้าพวกเราสามารถผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปได้ คู่แข่งที่มีโอกาสได้เจอในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ไม่แข็งแกร่งมากนัก ดังนั้นพวกเราค่อนข้างมีโอกาสผ่านไปถึงรอบควอร์เตอร์ไฟนัลส์ ได้โดยไม่ต้องชนะชาติมหาอำนาจ แต่ความหมายของผมจริงๆก็คือผมไม่คิดว่าผู้เล่นของ อังกฤษ ชุดนี้ จะเอาชนะทีมอย่าง บราซิล, สเปน, ฝรั่งเศส หรือ เยอรมัน ได้" ชีวิตคุณเป็นอย่างไรบ้าง หลังจากแขวนสตั๊ดไป "ผมทำงานให้กับช่องโทรทัศน์ เกี่ยวกับฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในสหราชอาณาจักร ผมยังมีอีกธุรกิจอีกหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือการแข่งม้า เพราะ ฟุตบอล กับ แข่งม้า มันอยู่ในสายเลือดผม โอ้ว ผมรักชีวิตของผมจริงๆ"