logo-heading

บ่อนรับพนันปิดรับแล้ว กุนซือใหม่ "ไอ้ปืนใหญ่" คงมีการประกาศคนที่จะมานั่งแทนเป็นนายใหญ่คนใหม่แทน เวนเกอร์ ในไม่ช้า ตอนนี้เต็งหนึ่งเป็น เอเมรี่ แล้ว

ไม่กี่วันก่อน หลายคนเชื่อมั่นว่า มิเกล อาร์เตต้า หนึ่งในทีมโค้ชของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ น่าจะได้ขึ้นมารับงานเป็นกุนซือ อาร์เซน่อล ต่อจาก อาร์แซน เวนเกอร์ เพราะเป็นตัวเต็งอันดับ 1 แต่จู่ๆ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแบบกระทันหัน จู่ๆ เหมือนว่าการเจรจมกับ อาร์เตต้า ดูจะไม่เป็นผล และชื่อของ อูไน เอเมรี่ ก็โผล่ขึ้นมา และถึงตรงนี้ เขาอาจกลายเป็นกุนซือคนใหม่ของ "เดอะ กันเนอร์ส" จริงๆ ก็ได้ วันนี้เลยจะพาไปรู้จักว่าเขาเป็นใครกัน ตอนเป็นนักเตะ เอเมรี่ เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ แต่ไม่ได้โด่งดังนักกับการเป็นนักเตะอาชีพ ขึ้นมาจากการเป็นนักเตะเยาวชนของ เรอัล โซเซียดาด อย่างไรก็ตามก็ขึ้นชุดใหญ่ไม่ไหว เล่นได้แค่ลีกล่างมาโดยตลอด โดยเล่นให้กับ ลอร์ก้า เดปอร์ติโบ เป็นทีมสุดท้ายและแขวนสตั๊ดไปตอนอายุ 32 ปี เริ่มจับงานกุนซือ ช่วงสุดท้ายที่เล่นกับ ลอร์ก้า เขามีอาการบาดเจ็บหนักในช่วงฤดูกาล 2004-05 ตอนนั้นทีมกำลังขาดกุนซือคุมทีม และได้หยิบยื่นโอกาสให้กับเขา และเหมือนเป็นคนมีของในตัว เขาสามารถพาทีมคว้าตำแหน่งเลื่อนชั้นสู่ ลีกา อเดลันเต้ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร ขณะที่สามารถคว่ำ มาลาก้า ใน โกปา เดล เรย์ ได้ แถมเมื่อเลื่อนชั้นมาแล้วก็เกือบได้ขึ้น ลา ลีกา ขาดไปแค่ 5 แต้มเท่านั้น และความพีคเมื่อ เอเมรี่ อำลาทีมไป ทีมก็ตกชั้นไปในปี 2007 เอเมรี่ ย้ายไปคุม อัลเมเรีย และพาทีมเลื่อนขึ้นไปเล่น ลา ลีกา ได้ และจบที่อันดับ 8 จากนั้นก็โดน บาเลนเซีย ดึงตัวไปคุมแทนที่ของ โรนัลด์ คูมัน บาเลนเซีย การเข้ามาคุมทีม บาเลนเซีย ของ เอเมรี่ เริ่มในฤดูกาล 2008-09 เขาต้องเจอปัญหาการเงิน ใน ยูโรปา ลีก ไปได้แค่รอบ 32 ทีมสุดท้าย บอลถ้วยก็จบแค่รอบ 8 ทีม แต่ยังดีที่ในลีกไปได้ถึงที่ 6 ไปเล่น ยูโรปา ในซีซั่นถัดไปได้อีก คราวนี้ทำได้ดีขึ้น บอลยุโรป จบที่รอบ 8 ทีม บอลถ้วย จบรอบ 16 ทีม แต่ในลีกดีกว่านั้น เมื่อจบที่ 3 ไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี แต่การเริ่มงานในฤดูกาล 2010-11 กลับไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะ 2 กำลังหลักอย่าง ดาบิด บีย่า และ ดาบิด ซิลบา ย้ายทีม แต่ก็ยังจบที่ 3 ได้ ขณะที่บอลถ้วยในประเทศและในยุโรปจอดแค่รอบ 16 ทีมทั้งหมด จากนั้นเขาอำลาทีมไป ไปคุมทีม สปาร์ตัก มอสโกว์ ในรัสเซีย แต่กลับทำได้ไม่ดี และถูกปลดในซีซั่นเดียว ความสำเร็จที่แท้จริง แม้จะไม่ประสบความสำเร็จที่ รัสเซีย แต่ เซบีย่า ที่เพิ่งปลดกุนซืออย่าง มิเชล ออกไป ก็ให้โอกาสเขามาคุมทีม เข้ามาคุมทีมกลางซีซั่น เริ่มคุมทีมในเดือนมกราคม 2013 เขาพาทีมจบอันดับ 5 ได้ และความยอดเยี่ยมคือการเข้าชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก และคว่ำ เบนฟิก้า ในการดวลจุดโทษ คว้าแชมป์ได้ ฤดูกาลถัดมา 2014-15 ก็พาทีมจบที่ 5 ได้อีก แต่ความยอดเยี่ยมยังต่อเนื่อง ในฐานะแชมป์เก่า เขาพาทีมเข้าไปชิงชนะเลิศใน ยูโรปา ลีก ได้อีก คู่แข่งคราวนี้คือ ดนิโปร ดนิโปร เปตรอฟ และไม่ผิดหวัง ทีมคว้าแชมป์ได้เป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน และคว้าสิทธิ์เป็นทีมที่ได้เล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จากแชมป์ ยูโรปา ได้เป็นทีมแรก ฤดูกาล 2015-16 ขาพาทีมไปเล่นใน แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก ตกมาเล่นใน ยูโรปา อีกแล้ว แต่เหมือนเป็นของถนัด ตัวผู้เล่นในทีมซีซั่นนี้เปลี่ยนแปลงไปเยอะ จบได้แค่ที่ 7 และเหมือนแทบจะทิ้ง เพราะหันไปเล่นเกมยุโรปเต็มตัว ทีมทะลุไปถึงรอบชิงชนะเลิศเป็นซีซั่นที่ 3 ติดต่อกัน และคราวนี้คู่แข่งคือ ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ แต่พวกเขาก็ชนะไปได้ คว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก 3 สมัยซ้อน และเขาก็อำลาทีมไป ปารีส แซงต์-แชร์กแมง การมา ปารีส ของเขา เป็นเรื่อง เซอร์ไพรส์ เพราะกุนซือก่อนหน้าเขา โลร็องต์ บล็องก์ ก็ทำผลงานได้ดี แต่กลับโดนปลดแบบงงๆ ให้เขาเข้ามาคุมทีม การมาทำงานในฝรั่งเศส การคุมทีมถ้าวัดแค่ใน ฝรั่งเศส ความจริงก็ไม่ได้ดีนัก เพราะซีซั่นแรก ก็ทำได้แค่จบที่สองแพ้ โมนาโก ในการแย่งแชมป์ลีก แต่บอลถ้วยทั้งสองรายการก็คว้ามาได้ ทั้งสองฤดูกาล มาซีซั่นนี้ ก็คว้าแชมป์ลีกได้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เอามาวัดเลย เพราะผู้บริหารต้องการผลงานใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เท่านั้น และผลงานคือการตกรอบ 16 ทีม 2 ปีติดต่อกัน และเขาก็ถูกปลดในท้ายซีซั่น

- เทพเฟี๊ยต -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline