logo-heading

สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดของ อัลบาโร่ โมราต้า ในฤดูกาลนี้ ไม่น่าจะใช่แค่การทำผลงานได้ไม่ดีนักกับ เชลซี ในการย้ายมาเล่นฤดูกาลแรก แต่เป็นผลพวงจากเรื่องนั้นที่ทำให้เขาไม่มีชื่อติดทีมชาติ สเปน ไปเล่น ฟุตบอลโลก ที่เป็นเหมือนความฝันของนักฟุตบอลทุกคนมากกว่า

นับตั้งแต่วินาทีที่ตัดสินใจย้ายออกจาก เรอัล มาดริด เชื่อว่านั่นคือการตัดสินใจครั้งใหญ่อีกครั้งของชีวิตเขาแน่ๆ เขาเคยเดินออกจากถิ่น ซานติอาโก้ เบร์นาเบว ไปแล้วครั้งหนึ่ง และการออกมาครั้งนี้ ก็เพื่อโอกาสลงสนามที่มากขึ้น เป้าหมายก็เพื่อการติดทีมของกุนซือ ฆูเลน โลเปเตกี ไปเล่นฟุตบอลโลกนั่นแหละ แต่อะไรๆ กลับไม่เป็นไปอย่างที่คาด จะบอกว่าการตัดสินใจของเขาเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดได้หรือไม่ ปัจจัยใหญ่ที่สุดคือการพิสูจน์ตัวเอง คือการวางเดิมพันที่เขาต้องการ แต่นั่นคือความล้มเหลวหรือเปล่า แม้จะอ้างว่านี่เป็นฤดูกาลแรกก็ตาม การยิงได้แค่ 15 ประตู จากการได้ลงเล่น 47 เกม ดูอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ยอมรับได้เท่าไหร่ ถ้าเทียบกับสมัยอยู่ เรอัล มาดริด เขายิงได้ถึง 20 ประตูจากการลงเล่น 46 นัด จากสถานะที่ไม่ต่างกัน   “เป็นสำรองที่ดี ไม่สู้เป็นตัวจริง” สมัยอยู่กับ ซีเนดีน ซีดาน เขาไม่ใช่ตัวจริงแน่นอนยามที่มีโปรแกรม "บิ๊กแมตช์" เหมือนกับ อิสโก้ หรือ ฮาเมส โรดริเกวซ ตอนนั้น จะเทียบให้ชัดก็เหมือน มาร์โก อเซนซิโอ้ ในตอนนี้นั่นแหละ แต่ก็มีหลายครั้งที่เขาถูกเปลี่ยนลงมาแล้วสามารถสร้างความแตกต่าง กลายเป็นซูเปอร์ซับ และทำผลงานได้อย่างโดดเด่น โดยเฉพาะการทำประตูได้ในเกมสำคัญ ถึงขั้นที่บางเกมหากไม่มีเขาทีมอาจไม่ไปถึงแชมป์ก็ได้ จำนวน 20 ประตูที่ยิงได้ในฐานะตัวสำรองไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ เป็นนักเตะที่มีบทบาทสมทบสำคัญในโรงละครที่มี ซีดาน เป็นผู้กำกับการแสดง สุดท้ายเมื่อจบฤดูกาล เขาคว้าแชมป์กับ เรอัล มาดริด แต่ไม่ใช่ในฐานะตัวหลัก แต่นั่นก็พอจะทำให้เขาอิ่ม และต้องการวางเดิมพันกับตัวเองบ้าง เสี่ยงเพื่อเป็นตัวจริง และโอกาสไปฟุตบอลโลก เขาจึงต้องย้ายทีม แม้ว่า ซีดาน จะไมค่อยอยากให้เขาย้ายก็ตาม เพราะการต้องเสียกองหน้าระดับที่ยิงได้ถึง 20 ลูกต่อซีซั่นไป ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาปรารถนาเท่าไหร่ แม้จะเป็นทีมที่อุดมด้วยซูเปอร์สตาร์ก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม การมาอยู่ เชลซี คือทางเลือกที่เขาทุ่มหมดหน้าตักไปแล้วจริงๆ   “เริ่มต้นดีกับ เชลซี เป็นแค่มายา” ช่วงเริ่มแรกที่ เดอะ บริดจ์ ในฐานะนักเตะใหม่ เขาได้ลงเล่นต่อเนื่อง และทำประตูได้บ้าง ไม่ได้บ้าง คนยังมองว่าเป็นช่วงปรับตัว แต่พอนานไป มันยิ่งดูแย่ลงเรื่อย ฟอร์มเริ่มตก กลางฤดูกาลหายไปจากสารบบ แทบส่งบอลไปกองก้นตาข่ายไม่ได้ ยิ่งเมื่อทีมซื้อนักเตะใหม่เข้ามา เขาก็กลายเป็นสำรอง การเป็นสำรองที่นี่ยิ่งแย่ เพราะการอยู่ที่ มาดริด มันยังเป็นสำรอง ที่ได้โอกาสลงสนามอย่างเหมาะสม แต่ที่นี่เมื่อเขากลายเป็นสำรองแล้ว เขาเป็นสำรองที่แทบไม่มีบทบาทอะไรเลย จากนักแสดงสมทบยอดเยี่ยม กลายเป็นเหมือนเด็กเก็บฉากที่ลงมาเพื่อถ่วงเวลา ถึงตรงนี้บอกว่าเขาตัดสินใจผิดก็พอจะพูดได้ บอกว่าเขาเดิมพันผิดพลาด ก็พอจะพูดได้ เพราะถ้าดูจากฟอร์มของ คาริม เบนเซม่า ในซีซั่นนี้ ถ้าเขายังอยู่ที่ เรอัล มาดริด โอกาสที่เขาจะได้ลงเล่นน่าจะมีมากกว่าซีซั่นที่แล้วแน่นอน   “เทหมดหน้าตัก แต่เสียแบบหมดตัว” หากมองย้อนกลับไป เขาเคยออกจาก มาดริด มาแล้วครั้งหนึ่ง ไปอยู่กับ ยูเวนตุส ตอนที่เขาเลือกกลับมา เขากลับมาด้วยความมั่นใจ แต่สถานะของเขาก็ยังเป็นสำรองที่ม้านั่งตัวเดิม ด้วยความต้องการพิสูจน์ตัวเอง แม้จะทำได้ดีแค่ไหนในฐานะตัวสำรอง เขาจึงเลือกเดินออกมา แต่สุดท้ายสิ่งที่เขาต้องเผชิญคือการปรับตัวครั้งใหญ่ มันไม่ใช่แค่ไม่เป็นไปตามต้องการ แต่สุดท้ายก็ยังมาลงเอยที่ม้านั่ง และการเป็นสำรองระหว่าง เชลซี กับ มาดริด ก็ดูมีความต่างในหลายๆ ปัจจัย รวมๆ แล้วการอยู่กับ "สิงห์บลูส์" ดูจะยิ่งแย่กว่าเดิมเสียอีก สุดท้ายมันก็นำไปสู่การที่เขาไม่ได้ติดทีมชาติไปฟุตบอลโลกในที่สุด

- เทพเฟี๊ยต -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline