แม้ ซีเนอดีน ซีดาน จะเพิ่งพา เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ยุโรปได้ 3 สมัยซ้อน หลังอัด ลิเวอร์พูล ไป 3-1 แต่ก็มีหลายคนที่ยังปรามาสในฝีมือการคุมทีมของ “ซิซู” อยู่
เหตุผลข้ออ้างก็มักจะมีประมาณว่า โ ถ้า ซาลาห์ ไม่เจ็บซะก่อน มาดริด แพ้แน่ หรือ ซีดาน ควรจะส่ง เบล ลงเล่นก่อน อิสโก้ แต่แรกแล้ว ทำไมแค่นี้คิดไม่ได้? รวมถึงคำพูดประมาณว่าคุม เรอัล มาดริด ใครๆ ก็คุมได้ ยังไงก็แชมป์ ก็ทีมมันรวยอะ องค์ประกอบดี มี โรนัลโด้ บลาๆๆ สุดแต่จะสรรหามาค่อนขอด ซึ่งคำพูดพวกนี้ก็เหมือนกับตอนที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คุม บาร์ซ่า นั่นแหละ 555 แต่ลืมอะไรไปรึป่าวครับ? การพา มาดริด คว้าแชมป์ยุโรป 3 ปีติด ขนาดกุนซือดังๆ ก่อนหน้านี้อย่าง ราฟาเอล เบนิเตซ, โชเซ่ มูรินโญ่, คาร์โล อันเชล็อตติ หรือ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ พวกนี้ยังไม่มีปัญญาทำได้เลยนะ วันนี้เนื่องในโอกาสที่ ซีดาน พาทัพ “ราชันชุดขาว” คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นสมัยที่ 13 (แม่งโคตรเยอะ!) จึงอยากจะขอยก 5 ข้อที่น่าจะช่วยพิสูจน์ และลบข้อครหาที่ว่า ซีดาน ไม่ใช่ของจริงออกไปได้บ้าง มีอะไรบ้างไปดูกัน1.สถิติการคุมทีม
แม้จะรับไม้ต่อเข้ามาคุมทีมกลางฤดูกาลแทน ราฟาเอล เบนิเตซ ในช่วงเดือนมกราคม แต่ท้ายสุดการคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้ก็ต้องยกเครดิตให้ “ซิซู” มากกว่า ราฟา เพราะพาทีมผ่านด่านหินในรอบน็อคเอ้าท์มาได้เพียบไม่ใช่แค่รอบแบ่งกลุ่ม แถมฤดูกาลถัดมา 2016/17 ที่ได้คุมแบบเต็มๆ อดีตกัปตันทีมชาติฝรั่งเศสแผลงฤทธิ์ครั้งใหญ่ด้วยการสร้างประวัติศาสตร์เป็นกุนซือคนแรกที่พา เรอัล มาดริด คว้าได้ทั้งแชมป์ลีก และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นับตั้งแต่ปี 1958 แถมยังเป็นทีมแรกที่ป้องกันแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้ด้วย จนกระทั่งต่อยอดมาถึงฤดูกาลนี้ที่สอย "บิ๊กเอียร์" ไป 3 สมัยซ้อน เท่านั้นไม่พอรายการเล็กรายการน้อยอย่าง ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และ สโมสรโลก ก็ไม่พลาดเก็บมาได้ครบถ้วนถ้วยละ 2 สมัย ทิ้งท้ายด้วยสถิติการคุมทัพ “ราชันชุดขาว” ทั้งหมดนับถึงตอนนี้คุมไปแล้ว 149 เกม ชนะ 104 เสมอ 29 แพ้แค่ 16 นัดเท่านั้น คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ชนะถึง 69.80% … นี่หรอใคร ๆ ก็ทำได้ ?2.ใช้เงินซื้อนักเตะน้อย ไม่เหมือนโค้ชคนอื่น
แม้จะไม่ได้ฉายาว่า “เจ้าบุญทุ่ม” แต่เอาจริงๆ แล้วแฟนบอลต่างก็รู้กันดีว่า เรอัล มาดริด นี่บ้าทุ่มมากว่า บาร์เซโลน่า เจ้าของฉายานี้ซะอีก ก่อนยุคที่จะมี แมนฯ ซิตี้ หรือ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง เข้ามา เรื่องความรวย เรื่องเม็ดเงินไม่มีใครใหญ่เกินหน้าเกินตา เรอัล มาดริด ในยุคท่านประธาน ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ทว่า ซีเนอดีน ซีดาน กลับไม่ยอมใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ทั้งที่มีเงินให้ใช้แทบล้นคลัง ไม่เชื่อไล่ดูตามสถิตินี้ได้เลย ฤดูกาล 2015/16 – เข้ามาแทน ราฟาเอล เบนิเตซ ช่วงตลาดหน้าหนาว และไม่ซื้อใครเลยแม้แต่คนเดียว ฤดูกาล 2016/17 – ตัวหลักๆ เป้งๆ ที่ซื้อมีคนเดียวคือใช้สัญญาซื้อ อัลบาโร่ โมราต้า กลับมาจาก ยูเวนตุส 30 ล้านยูโร แต่ในขณะเดียวกันก็ขาย เฆเซ่ โรดริเกวซ ให้ ปารีส ได้ตั้ง 25 ล้านยูโร ฤดูกาล 2017/18 – ซื้อ เตโอ เอร์นานเดซ แบ็กซ้ายดาวรุ่งมา 24 ล้านยูโร และ ดานี เซบาญอส มิดฟิลด์ อนาคตไกลอีก 16 ล้านยูโร แต่ก็ขาย โมราต้า ไปให้ เชลซี 66 ล้านยูโร ฟันกำไรบานเบอะ เช่นเดียวกับขาย ดานิโล่ ที่ตอนนั้นอย่างรั่วให้ แมนฯ ซิตี้ 30 ล้านยูโร แถมขายพวกแข้งส่วนเกินเอาเงินเข้าสโมสรได้อีก 20 ล้านยูโร ดูสิครับ 2 ฤดูกาลครึ่ง ซื้อนักเตะไปแค่ไม่กี่คน แถมเป็นนักเตะที่ซื้อมาแล้วเอาไว้เพื่ออนาคต หรือไม่ก็ซื้อมาฟันกำไร แถมยังขายแข้งส่วนเกินทำกำไรให้สโมสรได้บานเบอะ แต่ก็ยังประสบความสำเร็จอยู่แบบนี้ ไม่เรียกเก่ง แล้วจะให้เรียกอะไร มีโค้ชกี่คนที่จะทำได้แบบนี้บ้าง?3.การแก้เกมส์
เดิมที ซีดาน เคยโดนโจมตีว่าเป็นโค้ชที่แก้เกมไม่เก่ง เอะอะตัวสำรองก็จะส่งลูกรักลงสนามอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็น ลูคัส บาซเกซ หรือ มาร์โก อเซนซิโอ เป็นต้น และมักจะหมางเมิน อิสโก้ และ แกเร็ธ เบล ทว่าท้ายสุดเหมือนทุกคนจะเริ่มยอมรับในตัวของ บาซเกซ และ อเซนซิโอ ขึ้นเรื่อยๆ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เบล หรือ อิสโก้ เล่นไม่ดี ทว่ามันเป็นการปรับเปลี่ยนแผนตามแท็คติกในหัวเหม่งๆ ของ “ซิซู” ที่คิดตลอดว่ารูปเกมแบบนี้ แท็คติกนี้ คู่แข่งเป็นแบบนี้ควรจะส่งใครลงไปสู้ดี สุดท้ายก็สามารถเอาชนะใจแฟนบอล มาดริด ได้ เพราะหลายต่อหลายครั้งที่การแก้เกมส์ เปลี่ยนหมาก เปลี่ยนแผน ของ ซีดาน มันได้ผล อย่างเช่นเกมเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลายคนอาจต่อว่า ทำไมไม่ส่ง เบล ลงแต่แรก แต่ใครจะการันตีได้ว่าถ้าส่งลงแต่แรกแล้ว เบล จะยิงได้? ก็ไม่มีใครรู้ ฉะนั้นเมื่อส่งสำรองลงมา แล้วทำได้ถึง 2 ประตู กลายเป็นฮีโร่ นอกจากจะยกเครดิตให้นักเตะแล้ว ก็ต้องอย่าลืมกุนซือที่เปลี่ยนตัวด้วย!4.การรับมือกับสื่อ
มียอดโค้ชหลายคนที่มักตกม้าตายกับการรับมือกับสื่อได้ไม่ดี แต่ ซีดาน ที่เอาจริงๆ ประสบการณ์ในการเป็นโค้ชนั้นถือว่าน้อยนิด แต่อย่าลืมว่าสมัยเป็นนักเตะเค้าโคตรจะคุ้นชินกับการให้สัมภาษณ์กับสื่อ เพราะเป็นถึงกัปตันทีมชาติฝรั่งเศส และเป็นแข้งเบอร์ต้นๆ ของโลก พี่แกก็เลยปรับใช้กลยุทธ์การรับมือกับสื่อสมัยเป็นนักเตะมาใช้กับการเป็นกุนซือ ซึ่งทำได้ดีมาก จะเห็นได้ว่า ซีดาน แทบไม่เคยตำหนิ หรือด่าลูกทีมคนไหนออกสื่อเลย แถมเวลามีข่าวว่านักเตะไม่พอใจที่เป็นตัวสำรองยกตัวอย่างเช่น แกเร็ธ เบล เป็นต้น หากเป็นโค้ชบางคนคงจะพูดว่า ผมเป็นผู้จัดการทีม ผมเป็นคนเลือกผู้เล่นว่าใครควรเป็นตัวจริง หรืออะไรก็ว่าไป แต่สำหรับ ซีดาน คือจะออกแนวแบบ เบล เป็นนักเตะคนสำคัญของทีม เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงมาก และเราขาดเขาไม่ได้จริงๆ อะไรทำนองนี้เป็นต้น ซึ่ง เบล ก็ตอบแทนความไว้ใจที่ ซีดาน มีให้ ให้เห็นเรียบร้อยแล้ว อีกอย่างคือไม่ได้ชม คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ออกสื่อมากเกินไปจนนักเตะคนอื่นหมั่นไส้ รวมถึงข่าวคราวเรื่องการซื้อ-ขายนักเตะ ซีดาน ก็จะตอบแบบให้เกียรตินักเตะทีมอื่นที่ตกเป็นข่าวด้วย เรียกว่าเอาสื่อได้อยู่หมัด นักเตะก็ผ่อนคลายไม่กดดัน บรรยากาศในทีมก็ดี ผลงานก็ดีตามไปด้วย5.การได้รับความเคารพต่อเหล่าสตาร์
ลองคิดเล่นๆ หากไม่ใช่ ซีดาน แต่เป็นโค้ชที่อายุแค่ 45 ปี จะเอาซูเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หรือ เซร์คิโอ รามอส อยู่หรอ? ผมเชื่อว่า “ไม่มีทาง” ดูอย่าง เบนิเตซ ที่ประสบการณ์มากกว่า ซีดาน เยอะแยะ แต่ยังโดนนักเตะร้องยี้เละเทะ สุดท้ายก็ไปไม่รอด แต่กับ ซีดาน นักเตะมีแต่ความเคารพ ส่วนนึงก็คืออย่างที่บอกว่าสมัยเป็นนักเตะ ซีดาน คือโคตรของโคตรกองกลางที่หาใครมาเทียบได้ยาก ฉะนั้นเวลาสอนอะไร นักเตะก็จะให้ความเคารพ เชื่อฟัง บวกกับความเป็นกันเอง และดูค่อนข้างใจเย็น ใจดีของเขา ก็เลยทำให้นักเตะยิ่งศรัทธาเข้าไปใหญ่ เอาง่าย ๆ ลองเป็นโค้ชคนอื่นลอง ดรอป คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ได้เป็นเรื่องแน่ แต่ว่า กับ ซีดาน เขากลับทำได้โดยที่ไม่เกิดดราม่าอะไรตามมา ซึ่งคงไม่ใช่จะทำได้กันทุกคนอย่างแน่นอน และนี่คือ 5 ข้อที่บ่งชี้ได้แล้วว่า ซีเนอดีน ซีดาน ชายผู้นี้คือของจริง ทั้งตอนเป็นนักเตะและกุนซือ แต่เชื่อเถอะว่าก็ยังต้องมีคนที่ไม่คิดเช่นเดียวกับผม แต่ก็เอาหนะ ผมจะรอดูว่าต่อจากนี้ จะมีใครมีปัญญาพาทีมคว้าแชมป์ยุโรป 3 สมัยติดได้บ้าง?ชิน ชินพัฒน์