logo-heading

บทสรุปถ้วยยุโรปฤดูกาลนี้ ก็ลงเอยเสร็จสิ้นกันไปเรียบร้อย ภายหลังจาก เรอัล มาดริด ประกาศศักดา คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัยซ้อน ด้วยการเอาชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 พร้อมทำสถิติเป็นแชมป์ยุโรปครั้งที่ 13

เท่ากับซีซั่นนี้ ลูกหนังแดน “กระทิงดุ” ได้ครองความยิ่งใหญ่ไว้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นถ้วยเล็ก หรือ ถ้วยรองอย่าง ยูโรปา ลีก ไปดูกันว่าทีมจาก ลา ลีกา สเปน ได้สร้างผลงานอะไรไว้บ้าง นับตั้งแต่ปี 2014

ปี 2014 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปล่อยให้ทีมจาก อังกฤษ และ เยอรมัน ผ่านเข้ามาเจอกันเองในนัดชิงชนะเลิศมาแล้วหลายครั้ง จนกระทั่งถึงปี 2014 เรอัล มาดริด และ แอตเลติโก มาดริด สองสโมสรชั้นนำจาก ลา ลีกา สเปน ฟ่าฟันเข้ามาเจอกันเองในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก นัดชิงชนะเลิศ เท่ากับว่าทีมจากแดน "กระทิงดุ" จะได้ครองเจ้ายุโรปแน่นอน โดยเกมนี้มันมีดราม่าเกิดขึ้น เมื่อ "ตราหมี" กำลังจะเป็นแชมป์ แต่ทว่า "ราชันชุดขาว" มาตีเสมอ 1-1 ท้ายเกม ต้องไปต่อเวลา และเป็น มาดริด ชนะไปได้ถึง 4-1 ซิวโทรฟี่สมัย 10 ไปครอง ยูโรปา ลีก ไม่ยอมให้น้อยหน้าสำหรับถ้วยเล็ก เมื่อ เซบีย่า ทีมชั้นนำจาก ลา ลีกา สเปน ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก หลังปราบทีมจากชาติเดียวกันมาถึง 2 รอบ ทั้ง เรอัล เบติส และ บาเลนเซีย มาเจอกับ เบนฟิก้า ยอดทีมจาก โปรตุเกส เกมนี้มันมีหลากหลายอารมณ์มาเกี่ยวข้อง ทั้งฝีเท้า, โชคดวง และ คำสาปจากกัตมานน์ ที่ "เหยี่ยวลิสบอน" ไม่สามารถลบล้างอาถรรพ์ได้ จนในที่สุด เซบีย่า ด้วยจุดโทษเอาชนะไปได้ 4-2 ชนิดยิงไม่พลาดสักคนเดียว ปี 2015 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หลังจากที่เห็น เรอัล มาดริด คว้าแชมป์เมื่อปีก่อน ทำให้ บาร์เซโลน่า ยอมไม่ได้ โดยจบรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเป็นอันดับ 1 มาถึงรอบน็อคเอาท์ บอกเลยว่า "เจ้าบุญทุ่ม" "เจอสิงห์สาราสัตว์" มาตลอดทาง ไม่ว่าจะเขี่ย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รอบ 16 ทีม, ไล่ถล่ม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง รอบ 8 ทีม, สอนเชิง บาเยิร์น มิวนิค รอบตัดเชือก และ เข้าไปชิงดำเจอกับ ยูเวนตุส ซึ่ง บาร์ซ่า ก็โชว์การต่อบอลอันเป็นเอกลักษณ์ ทุบ "ไอ้ม้าลาย" 3-1 คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครอง ยูโรปา ลีก เซบีย่า ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ยูโรปา ลีก มาป้องกันแชมป์อีกครั้ง โดยคราวนี้มาเจอกับ ดนิโปร ดนิโปรเปตรอฟส์ค ม้ามืดจากยูเครน เริ่มต้นเหมือน เซบีย่า จะออกอาการเกร็งนิดๆ อาจมาจากความกดดัน ทำให้ต้องตามหลัง 0-1 ตั้งแต่ 7 นาทีแรก อย่างไรก็ตามพวกขามีพลังฮึด เมื่อมายิงแซง 2-1 ถึงแม้โดนตีเสมอ 2-2 แต่ทว่าท้ายสุด คาร์ลอส บัคก้า กองหน้าชาวโคลอมเบีย มายิงประตูชัยชนะ 3-2 คว้าแชมป์ไปครอง ปี 2016 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สโมสรยักษ์ใหญ่จาก ลา ลีกา สเปน ยังตบเท้าผ่านเข้ามาสู่รอบลึกๆ ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อยู่เหมือนเดิม ไฮไลท์อยู่ตรงรอบรองชนะเลิศ เมื่อ เรอัล มาดริด เฉือนชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์หวิวๆรวม 2 นัด 1-0 ขณะที่อีกสาย แอตเลติโก มาดริด ก็ผ่าน บาเยิร์น มิวนิค มาจากกฎประตูทีมเยือน หลังเสมอกัน 2-2 สุดท้ายมาชิงดำกันเองเหมือนเดิม ต่อให้ใครแชมป์ สเปน ก็ครองความยิ่งใหญ่ ก่อนที่จะเป็น "ราชันชุดขาว" ดวลจุดโทษแม่นกว่าเอาชนะ "ตราหมี" ได้สำเร็จ ยูโรปา ลีก ถ้าจะบอกว่าเป็นเจ้าพ่อ ยูโรปา ลีก ก็คงไม่ผิดมากนัก สำหรับ เซบีย่า เพราะในยุคที่ อูไน เอเมรี่ กุมบังเหียน ก็สามารถพาทีมผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง แต่คราวนี้เจอกระดูกชิ้นโตอย่าง ลิเวอร์พูล สโมสรชั้นนำในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยในเกมนั้น "หงส์แดง" เล่นได้ดีกว่า และ ออกนำไปก่อนด้วย 1-0 แต่ครึ่งหลังกลับเป็นหนังคนล่ะม้วน เมื่อ เซบีย่า มาเหนือเมฆ ไล่บีบกดดัน ลิเวอร์พูล และสุดท้ายพลิกกลับมาแซง 1-3 คว้าแชมป์ไปอย่างสุดมัน เรียกน้ำตาให้กับสาวก "เดอะ ค็อป" ที่ตามไปดู ปี 2017 ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังคงเกรี้ยวกราดไร้เทียมทาน สำหรับ เรอัล มาดริด แชมป์เก่า เพราะในรอบแบ่งกลุ่มจบมาแบบไร้พ่าย ผ่านรอบน็อคเอาท์ ไปจนถึงรอบชิงชนะเลิศ โดยเฉพาะการเฉือน แอตเลติโก มาดริด คู่ปรับสำคัญ ผ่านไปเจอกับ ยูเวนตุส ต้องบอกว่าด้วยความเก๋าเกม และ การรับมือความกดดันของเหล่าขุนพล "ราชันชุดขาว" ยังทำได้ดีกว่าทาง ยูเวนตุส และก็สามารถเอาชนะไปได้ 4-1 กลายเป็นทีมแรกที่ป้องกันแชมป์รายการนี้ไว้ได้สำเร็จ ขณะที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็ซัวโวได้มากที่สุดถึง 12 ประตู ปี 2018 ยูโรปา ลีก เชื่อว่าแฟนๆชาวขอบสนามคงจดจำความเขี้ยวของ แอตเลติโก มาดริด ได้เป็นอย่างดี ในเกมไล่อัด โอลิมปิก มาร์กเซย 3-0 ด้วยการวิ่งกดดัน, บีบพื้นที่ จนคู่แข่งพลาดกันเอง นับว่าเป็นไปตามคาดที่มองกันเอาไว้ เพราะนับตั้งแต่ร่วงมาจาก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาเล่น ยูโรปา พวกเขาก็เหนือกว่าทุกทีม จะยากหน่อยก็คือ อาร์เซน่อล แต่ก็เอาตัวรอดมาได้ในรอบรองชนะเลิศ ฉะนั้นการคว้าแชมป์เป็นไปตามความคาดหมาย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ออกสตาร์ทช่วงต้นเกม ดูไม่ค่อยดีเหมือนกัน สำหรับแชมป์เก่า เรอัล มาดริด เมื่อเจอ ลิเวอร์พูล ผู้ท้าชิง ทำเกมได้ดีกว่า อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์, ความเตรียมพร้อม บวกกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แนวรุก “หงส์แดง” ได้รับบาดเจ็บ  “ราชันชุดขาว” จึงกุมความได้เปรียบ ครองเกมไว้แบบเบ็ดเสร็จ และใช้ความผิดพลาดของคู่แข่งเล่นงาน จนสุดท้ายแล้วก็สามารถเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3-1 ส่งผลให้ มาดริด เป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัยซ้อน
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline