logo-heading

ไทยลีก 2018 เลกแรกจบลงไปเป็นที่เรียบร้อย หลังผ่านไป 17 เกม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คือทีมจ่าฝูง ด้วยการเก็บ 41 คะแนน ตามมาด้วย ทรู แบงค็อก 39 แต้ม ซึ่งทั้งสองทีมนี้กลายเป็น 2 ทีมที่คั่วแชมป์กันอยู่ในตอนนี้

พร้อมกันนี้ตลอดเลกแรกมีนักเตะที่โชว์ได้ฟอร์มเฉิดฉายอยู่หลายต่อหลายคน วันนี้ "ขอบสนามบอลไทย" เลยขอจัดทีมยอดเยี่ยมในเลกแรกนี้

โดยการจัดทีมยอดเยี่ยมในครั้งนี้เราขอใช้ "โควต้าแข้งนอก" 3+1 ตามกฎจริงของ "ไทยลีก" ด้วยนะครับจะได้เข้าใจตรงกันว่าทำไมแข้งไทยถึงนำทัพมาเยอะ มาดูกันดีกว่าว่าใครจะติดโผกันบ้าง

ผู้รักษาประตู

สินทวีชัย หทัยรัตนกุล (สุพรรณบุรี เอฟซี) ไทยลีก 2018 ยังเป็นปีที่ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล นายด่าน สุพรรณบุรี เอฟซี เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม แม้อายุจะมากขึ้นแต่ได้ส่งผลอะไรกับการเป็นโกล์ของดาวเตะมากประสบการณ์รายนี้แม้แต่น้อย และยิ่งเลิกเล่นทีมชาติยิ่งทำให้ร่างกายของ "ซูเปอร์ตี๋" ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยในเลกแรกเขาและแนวรับ สุพรรณ กลายเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในไทยลีกไปแล้ว ที่สำคัญตลอด 17 เกมในเลกแรก "สินทวีชัย" เก็บไปได้ 8 คลีนชีตด้วยกัน  

กองหลัง

นิติพงษ์ เสลานนท์ (การท่าเรือ เอฟซี) ตำแหน่งแบ็กขวาในไทยลีกเลกแรกนี้ ต้องยกให้กับ นิติพงษ์ เสลานนท์ แบ็กจอมบุกของ การท่าเรือ เอฟซี อย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะบุกมันส์แล้ว เกมรับสำหรับ "เจ้านนท์" ก็พัฒนาขึ้นมาพอสมควร ที่สำคัญฟอร์มดีจนไปเข้าตา มิโลวาน ราเยวัช กุนซือใหญ่ทีมชาติไทย และตลอด 17 เกมในเลกแรกเขาไม่แทบไม่พลาดการลงสนามให้กับทีมเลยด้วย เอเวอร์ตัน กอนคัลเวส (ทรู แบงค็อก) อีกหนึ่งจิ๊กซอว์สำหคัญที่ทำให้ ทรู แบงค็อก ก้าวขึ้นมาเป็นทีมลุ้นแชมป์ไทยลีก 2018 นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดคือการได้ตัว เอเวอร์ตัน กอนคัลเวส มาจาก สิงห์ เชียงราย ซึ่งกองหลังชาวบราซิลรายนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง เมื่อเด่นทั้งรับที่ขันเกมรับให้บียูเสียประตูน้อยมากกว่าปีก่อนๆ และเด่นทั้งรุกเมื่อขึ้นมายิงประตูไปแล้ว 5 ตุง ซึ่งมากกว่า "กองหน้า" บางทีมเสียอีก วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ (สิงห์ เชียงราย) สำหรับ วิคเตอร์ คาร์โดโซ่ เป็นหนึ่งกองหลังที่ผลงานเข้าตาอย่างจัง เพราะนอกจากการขยับย้ายของกองหลังตัวเก่งของไทยลีกปีที่แล้วมาทีมใหญ่อย่าง "สิงห์ เชียงราย" ซึ่งการมาครั้งนี้นอกจากเขาจะช่วยยกระดับการเล่นของแนวรับกว่างแล้ว ยังช่วยทีมไว้ได้หลายต่อครั้งด้วยการขึ้นมาพังประตูให้กับทีมจนได้สถานะว่าเป็นกองหลังดาวซัลโวด้วยจำนวนประตู กรกช วิริยะอุดมศิริ (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) กลายเป็นปีทองของ กรกช วิริยะอุดมศิริ เพราะนอกจากจะผลงานดีระดับพรีเมียมกับ บุรีรัมย์ แล้ว ทีมชาติไทย ก็กลับมาติดอีกครั้ง และที่สำคัญสิ่งที่ทำให้กองหลังรายนี้โดดเด่นขึ้นมาคือการขึ้นไปเล่นเกมรุก เพราะถูก "บิ๊กเน" จัดให้ไปเล่นเป็นกองกลางอยู่บ่อยๆ และทำได้อย่างยอดเยี่ยม รวมไปถึงลูกตั้งเตะต่างๆ ที่จองสัมปทานไว้หมดและก็เปิดแม่นใช้ได้เลย  

กองกลาง

วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ (ชลบุรี เอฟซี) 7 ประตูจาก 17 เกมคือเครื่องพิสูจน์แล้วว่า วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ เป็นของจริงในปีนี้ เพราะในช่วงปีสองปีที่ผ่านมาเป็นตัวสำรอง แต่ในปีนี้ "เจ้ายิม" ยึดตัวจริงในทัพ ฉลามชล ได้แล้ว แม้ฟอร์มตัวแรกจะทรงๆ แต่พอทีมมีการเปลี่ยนแปลงโค้ชมาเป็นโค้ชโบ้เหมือนทำให้เจอจุดลงตัวที่ "วรชิต" พลิกมาเป็นตัวเดินเกมชั้นดีของทีม นอกจากจะยิงได้บ่อยครั้งแล้วการ "แอสซิส" เขาก็ทำได้ดีเช่นกัน สุมัญญา ปุริสาย (ทรู แบงค็อก) อีกหนึ่งแข้งคนไทยที่เล่นได้อย่างยอดเยี่ยมในไทยลีก 2018 แม้ว่าในช่วงแรกยังมีเครื่องหมายคำถามว่าปีนี้จะแทรกตัวจริงในทีม บียู ได้ไหม แต่สุดท้ายแล้ว สุมัญญา ปุริสาย ทำให้เห็นว่าเขาเหมาะกับทีมที่สุด เพราะนอกจากจะปั้นเพื่อนเก่งแล้ว การยิงประตูคือสิ่งที่ "เจ้าตั๊ก" พัฒนาขึ้นเยอะ โดย 8 ประตูที่ยิงได้ครึ่งหนึ่งมาจากลูกฟรีจนได้รับฉายาว่า "เจ้าพ่อฟรีคิกคนใหม่" แห่งไทยลีก อ่อง ธู (โปลิศ เทโร) ชื่อนี้ไม่ต้องบอก "เด็ดดวง" แค่ไหน เพราะด้วยผลงาน 10 ประตูกับอีก 8 แอสซิส มันบอกชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาคือ "แข้งอาเซียน" ของจริงแห่งไทยลีก 2018 แม้ว่าช่วงแรกอาจจะยังไม่เปรี้ยงปร้างมากนัก แต่ก็ยิงได้เรื่อยๆ แต่พอทีมมีการเปลี่ยนโค้ชกลายเป็นยิ่งเข้าทาง "อ่อง ธู" มากขึ้น เพราะผลงานเขาดีเรื่อยๆ จนส่งผลกับทีมให้รอดพ้นเร้ดโซนได้อย่างเหลือเชื่อ และตอนนี้หลายๆ คนก็กลายเป็นแฟนคลับของดาวยิงเมียนมาร์รายนี้ไปแล้ว   กองหน้า ทริสตอง โด (เอสซีจี เมืองทอง) แม้ว่าตอนแรกจะออกสตาร์ทในตำแหน่งแบ็กขวาเหมือนหลายๆ ปีที่ผ่านมา แต่หลังจากเมืองทองปรับเปลี่ยนโค้ช (เกมกับ อุบลฯ) ทริสตอง โด ก็แจ้งเกิดใหม่ในตำแหน่งกองหน้าด้านขวาทันที เพราะถูกดันขึ้นมาเล่นและสามารถจอบโจทย์ที่ทีมกำลังมีปัญหาการจบสกอร์ได้อย่างลงตัว เพราะหลังจากนั้นเขาจัดการส่องไป 5 ประตูจาก 17 แรกในไทยลีกเลกแรกนี้ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) ปีนี้ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต คืนร่างเทพเจ้าสายฟ้าตัวจริงเสียงจริง เพราะทั้งยิงและยิงจนนำเป็นดาวซัลโวไทยลีกไปแล้วที่ 16 ประตูจาก 17 นัด บวกกับอีก 7 แอสซิส พร้อมกับพาทีมขึ้นไปรั้งจ่าฝูงไทยลีกแบบยาวๆ และแม้ว่าปีนี้ดาวยิงคู่หูจะไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนเดิม แต่ผลงานของเขาก็ไม่ตกตามไปด้วย ซึ่งการที่คู่หูไม่ปังอย่างน้อยๆ มันก็เป็นผลดีที่ทำให้สายฟ้าได้ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต คืนร่างเพชรฆาตกลับมาอีกครั้ง อมร ธรรมนาม (พีที ประจวบ) แม้จะอายุอานามปาเข้าไปมากไปถึง 35 ปีแล้ว แต่ใครจะเชื่อว่า อมร ธรรมนาม กลายเป็นแข้งคนไทยที่เด่นที่สุดคนหนึ่งในไทยลีกเลกแรกที่ผ่านมา โดยเฉพาะการนำ "พีที ประจวบ" ขึ้นไปสู่ทีมหัวตารางอย่างเหลือเชื่อ เพราะหลายคนเคยยกให้ "ต่อ" ตัวนี้เป็นทีมเต็งตกชั้น รวมไปถึงการยิงถึง 7 ประตูบวกอีก 3 แอสซิส น่าจะเพียงพอทำให้เขาเข้ามาอยู่ในทำเนียบนักเตะยอดเยี่ยมในเลกแรกได้อย่างสบายๆ  

หัวหน้าผู้ฝึกสอน

มาโน่ โพลกิ้ง (ทรู แบงค็อก) มาปิดท้ายกันที่ตำแหน่ง "หัวหน้าผู้ฝึกสอน" หลายคนอาจจะยกให้ "โบดิซาร์ บันโดวิช" ของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ยังสานต่อผลงานของทีมได้ดีอย่างต่อเนื่อง แต่ทีมงาน "ขอบสนามบอลไทย" ขอยกให้กับ มาโน่ โพลกิ้ง กุนซือคนเก่งของ ทรู แบงค็อก ที่ขยับผลงานมาได้ดีมากๆ จนทำคะแนนตามหลัง สายฟ้า เพียงแค่ 2 คะแนนเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีใครเชื่อว่า บียู จะยกระดับมาถึงจุดนี้ เพราะออกสตาร์ท 8 เกมแรกพวกเขาเก็บได้เพียงแค่ 12 แต้มเท่านั้น ก่อนที่หลังจากนั้นจะทำสถิติชนะรวด 9 เกมจนมีผลงานจบเลกแรกด้วยอันดับที่ 2 ได้อย่างยอดเยี่ยม
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline