logo-heading

ทีมชาติอังกฤษ ชาติที่เชื่อว่าตัวเองคือยักษ์ใหญ่ของยุโรป แม้ตอนนี้จะหลุดจากท็อป 10 ของโลกไปแล้ว แต่ก็ยังหวังพิชิตความสำเร็จใน เวิลด์คัพ 2018 ทว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

มากกว่า 50 ปีแล้วที่ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน และทีมงาน พา "สิงโตคำราม" ยุคคุณปู่ชูถ้วยแชมป์โลก คนเกินรุ่นนั้นป่านนี้ไม่นอนคุยกับรากมะม่วง ก็แก่หงำเหงือก ทีมผ่านมาหลายปี ผ่านมาหลายยุค เปลี่ยนถ่ายนักเตะมาหลายชุด แต่สุดท้ายก็ยังไปไม่ถึงดวงดาว แม้ถึงวันนี้กับภารกิจที่ รัสเซีย พวกเขาอาจไม่ใช่ทีมเต็งแถวหน้า แต่ความหวังจะได้พาถ้วย จูลส์ ริเมต์ กลับบ้านก็ยังเป็นเป้าหมายหลัก แล้วจะทำยังไงจะไปถึงจุดนั้นได้ 1. แก้ปัญหาการดวลจุดโทษ หลายๆ ทัวร์นาเมนต์ที่ผ่านมา อังกฤษ ไปไม่ถึงดวงดาวเพราะพ่ายแพ้ในการดวลจุดโทษ หลายคนเชื่อว่านี่คือเรื่องของดวง ดวลจุดโทษคือการวัดดวง ก็ใช่แต่ไม่ทั้งหมด เพราะการซ้อมมันสามารถเปลี่ยนดวงให้เป็นเปอร์เซ็นต์ความสำเร็จที่มากขึ้นได้ ดั้งนั้นทางออกแรกคือสิ่งที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต สั่งให้ลูกทีมทำกันอยู่คือการซ้อมยิงจุดโทษตั้งแต่ยังไม่เริ่มทัวร์นาเมนต์ และยังไม่รู้ว่าจะผ่านรอบแรกหรือเปล่า แต่ก็เริ่มตั้งแต่เนิ่นๆ ก็ยังดีกว่า อีกทางหนึ่งคือการสู้ให้เต็มที่ใน 90 นาที ปิดเกมให้ได้ เต็มที่ก็ 120 นาที อย่าให้ไปถึงการดวลจุดโทษซึ่งเอาเข้าจริงพูดอาจง่าย แต่ทำก็คงไม่ง่ายเท่าไหร่ รอบแรกพวกเขาอยู่กลุ่มเดียวกับ เบลเยี่ยม, ตูนีเซีย และ ปานามา โอกาสที่จะผ่านเข้ารอบมีสูง และจะต้องไปพบกับกลุ่ม เอช ที่มี โปแลนด์, เซเนกัล, โคลัมเบีย, ญี่ปุ่น ก็มีโอกาสที่จะเอาชนะผ่านให้ลึกเข้าไปได้อีก ทีนี้การเป็นแชมป์หรือรองแชมป์กลุ่มจะเป็นตัวชี้วัดว่าพวกเขาจะได้อยู่สายบนหรือสายล่าง สายบนอาจจะต้องเจอกับ อุรุกวัย, ฝรั่งเศส, บราซิล สายล่างอาจจะเจอกับ สเปน, อาร์เจนติน่า, เยอรมัน ทางไหนก็เจ็บ 2. ลดอีโก้ สร้างทีมเวิร์ค ทีมนักเตะอังกฤษ มักโดนวิจารณ์ว่าขาดทีมเวิร์ค เล่นกันไม่ค่อยเข้าขาเท่าไหร่ ต่างคน ต่างทีม แต่ละทีมก็มีเอกลักษณ์ไม่ได้มีทรงบอลที่คล้ายคลึงกันเท่าไหร่ เพราะกุนซือก็มาจากหลายเชื้อชาติ ทำให้เวลาจะมาปรับเข้าหากัน ต้องใช้เวลามากกว่าปกติ แต่อย่างน้อยๆ อังกฤษชุดนี้ก็พอจะมีข้อได้เปรียบเรื่องนี้อยู่บ้างคือนักเตะหลายคนเคยเล่นด้วยกันมาตั้งแต่ชุดเยาวชน โดยที่มี เซาธ์เกต เป็นกุนซืออยู่แล้ว แม้ชื่อชั้นจะดูไม่ดีสู้กับบรรดารุ่นพี่ หรือแม้แต่ทีมชั้นนำระดับตัวเต็ง แต่ก็นับว่าเล่นด้วยกันมาพอสมควร ดังนั้นหากแต่ละคนสามารถลดอีโก้ปรับเข้าหากันได้ ก็น่าจะยิ่งเป็นผลดี 3. สร้างการเข้าทำใหม่ๆ ที่ผ่านมาอังกฤษมีสไตล์การเล่นที่เน้นการเข้าทำด้วยบอลยาว เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร แทบไม่เคยปรับเปลี่ยนอะไรไปมากกว่านี้ แม้ว่าปัจจุบันนักเตะที่มีจะไม่ใช่พวกเปิดบอลแม่นเหมือน เดวิด เบ็คแฮม แล้ว แต่การส่งบอลออกทางริมเส้นก็ยังเป็นวิธีการเล่นที่นิยมใช้มาตลอด สิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนสำหรับตัว เซาธ์เกต คือการเพิ่งการเข้าทำให้หลากหลายขึ้น การที่ทีมมี แฮร์รี่ เคน เป็นตัวสังหารประตูเพียงคนเดียวดูเป็นการจำกัดตัวเองมากเกินไป การต่อบอลที่ไม่ค่อยไหลลื่น ก็อาจทำให้รูปเกมน่าอึดอัดได้ ดังนั้นหากเพิ่มความเฉียบมและความหลากหลายได้ ก็จะเป็นการเพิ่มอาวุธและทำให้ทีมอื่นเดาทาง อังกฤษ ได้ยากขึ้น 4. ลดความกดดันจากปัจจัยรอบข้าง สิ่งสำคัญสำหรับอังกฤษคือพวกเขาต้องเลิกคิดได้แล้วว่าพวกเขาคือชาติชั้นนำ เพราะความจริงคือไม่ใช่ ระดับฝีเท้าและชื่อเสียงนักเตะ พวกเขาไม่ใช่ทีมระดับหัวแถวแล้ว ระดับชื่อชั้นฝีมือกุนซือ ก็ไม่ใช่ระดับโลก หันหน้าเข้าหากัน สำเหนียกตัวเอง แล้วดูชาติอย่าง ไอซ์แลนด์ เป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะสื่อ ควรจะมองถึงความจริง และเลิกกดดันนักเตะโดยไม่จำเป็นได้แล้ว แฟนบอลรู้ดีว่าอังกฤษไปได้ไกลแค่ไหน แต่สื่อมักอวยจนออกนอกหน้าตลอด แพ้กลับมาก็โดนถล่มยับประหนึ่งเป็นทีมเต็งหนึ่งแต่ตกรอบแรก ทั้งที่ความเป็นจริงมันก็ได้แค่นั้นตามศักยภาพอยู่แล้ว รู้จักตัวเอง เลิกคาดหวัง ลดความกดดัน เพื่อจะได้ไม่ต้องทำลายตัวเองตั้งแต่ยังไม่ลงสนาม แม้จะทำ 4 ข้อนี้แล้ว ก็ไม่อาจการันตีได้ว่า อังกฤษ จะสามารถไปถึงตำแหน่งแชมป์โลกได้ เพราะชาติคู่แข่งก็ถือว่าโหด แต่ก็น่าจะทำให้มีผลงานเป็นที่น่าพอใจอย่างที่ควรจะเป็นได้แน่นอน

- เทพเฟี๊ยต -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline