กลายเป็นประเด็นร้อนไปเลย เมื่อ ยาย่า ตูเร่ ตำนานมิดฟิลด์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แสดงความอัดอั้นตันใจ ออกมาแฉว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ "เรือใบสีฟ้า" เป็นเฮดโค้ชที่แอนตี้แข้งแอฟริกันแบบสุดโต่ง และ ปฏิบัติกับนักเตะจากทวีปนี้ชนิดไม่เคยให้เกียรติกันเลย หลังเจ้าตัวกลายเป็นส่วนเกินของทีมไปแบบหายหัว ตั้งแต่เฮดโค้ชรายนี้เข้ามารับงาน
หากย้อนไปดูสถิติ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นับตั้งแต่คุมทีมมา 3 สโมสร เขาเคยผ่านการร่วมงานแข้งแอฟริกา มาทั้งสิ้น 6 ราย ฉะนั้นไปย้อนดูกันว่าชีวิตนักเตะเหล่านั้นเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อมี เป๊ป เป็นเจ้านาย
ซามูเอล เอโต้
ความสัมพันธ์ระหว่าง ซามูเอล เอโต้ กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ดูสั่นคลอนตั้งแต่วันแรกที่ประกาศจะโละทิ้ง แต่ก็เปลี่ยนใจร่วมงานกันจนซีซั่นแรกเจ้าตัว กดไป 36 ประตู จากการลงสนาม 52 นัด ทุกรายการ เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งช่วยทัพ "เจ้าบุญทุ่ม" ครองความยิ่งใหญ่ คว้าแชมป์ 6 รายการ เมื่อฤดูกาล 2008-09 นั่นคือสิ่งที่พวกเราเห็นหน้า แต่หลังฉากคนละเรื่อ
ซีซั่นถัดมา กลายเป็นเรื่องช็อคแฟนบอล เมื่อ เป๊ป ผลักไสไล่ส่ง เอโต้ ให้ออกจาก บาร์เซโลน่า ไปอยู่กับ อินเตอร์ มิลาน จนเวลาล่วงเลยผ่านไป เอโต้ ก็ได้แฉว่าสาเหตุที่เขาต้องยอมทิ้ง บาร์ซ่า ถึงแม้นักเตะคนอื่นอยากให้อยู่ต่อ
ก็เพราะ เป๊ป ไม่เคยให้เกียรติตนเองเลยสักครั้ง และ ชอบดูถูกฝีเท้าตนเองเป็นอย่าง ถึงขนาดที่เคยโดนไล่ให้เป็นลีกซาอุดิ อาระเบีย พร้อมให้ละทิ้งเบอร์ 9 ของทีมไปซะ เรียกได้ว่าเป็นคำพูดที่ เอโต้ โกรธแค้นอย่างยิ่ง ซึ่งคงไม่มีวันได้เผาผีกันอีก
เซย์ดู เกอิต้า
จะบอกว่าในบรรดานักเตะแอฟริกา เซย์ดู เกอิต้า น่าจะเป็นคนที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ชื่นชอบในการร่วมงานมากที่สุด นักเตะคนอื่นจะเคยเจอประสบการณ์อันเลวร้ายมาอย่างใด แต่ทว่าอดีตดาวเตะทีมชาติมาลี ได้รับโอกาสลงสนามให้กับ บาร์เซโลน่า ภายใต้การคุมทีมของเฮดโค้ชชาวสแปนิช รายนี้ ไปมากถึง 188 นัด และคว้าแชมป์มาทั้งสิ้น 14 รายการ
เกอิต้า อาจเป็นนักเตะใบแบบฉบับที่ เป๊ป ต้องการ คือพูดน้อย และ พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งแบบไม่อิดออด ไม่ว่าจะได้นั่งแค่สำรองหรือไม่ก็ตาม เพราะในช่วงที่ ยาย่า ย้ายทีม และ ดัน เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ ขึ้นมายืนเป็นแผงมิดฟิลด์เล่นร่วมกับ ชาบี เอร์นานเดซ และ อันเดรส อิเนียสต้า
ทาง เกอิต้า ก็ยังเป็นนักเตะที่ดี ได้รับโอกาลงลงสนามเป็นตัวจริงสลับกันไป ก่อนจะอำลา บาร์เซโลน่า ไปพร้อมๆกับ เป๊ป ที่ขอยุติบทบาทโค้ช "เจ้าบุญทุ่ม"
เมห์ดี้ เบนาเตีย
เมห์ดี้ เบนาเตีย นับเป็นนักเตะชาวแอฟริกันเพียงคนเดียว ที่เล่นให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และเป็นผู้เล่นที่เฮดโค้ชชาวสแปนิช รีเควสต์อยากได้มาเสริมทัพ "เสือใต้" ด้วยตัวเองเมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2014 แต่ทุกอย่างไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ หรือ ปูพรหมแดง รอความสำเร็จให้กับปราการหลังทีมชาติโมร็อคโค
2 ซีซั่นกับ บาเยิร์น ของ เบนาเตีย เขาให้คำนิยามว่า "เป็นช่วงชีวิตที่ลำบากที่สุด" หาใช่ความสัมพันธ์ระหว่างโค้ช แต่เป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่คอยมาฉุดรั้งเขาเอาไว้ บวกกับการปรับตัวอันยากลำบาก 29 นัด คือสถิติที่เจ้าตัวได้ลงสนามในเวที บุนเดสลีกา เยอรมัน
ตลอด 2 ฤดูกาล ทำให้ เบนาเตีย แทบไม่เป็นที่จดจำ ถึงแม้ เป๊ป พยายามปั้นเท่าไหร่ก็ตาม เมื่อหายเดี้ยงกลับมา ทว่าอย่างน้อยๆก็มีแชมป์ บุนเดสลีกา 2 สมัย ติดมือ
เคเลชี่ อิเฮียนาโช่
เด็กหนุ่มชาวไนจีเรีย ผู้เข้ามาอยู่ในอะคาเดมี่ "เรือใบสีฟ้า" ตั้งแต่อายุ 18 ปี เขาต้องฟันฟ่าอย่างหนักเพื่อขอเวิร์ค เพอร์มิต (ใบอนุญาตการทำงานในเกาะอังกฤษ) จนสุดท้ายได้โอกาสลงเล่นกับชุดเยาวชน ก่อนจะไต่เต้าขึ้นมาสู่ชุดใหญ่ในซีซั่น 2015-16 ในฐานะดาวรุ่งที่น่าจับตามองของทีม เพื่อหวังกลบคำวิจารณ์ว่า แมนฯ ซิตี้ ดีแต่ใช้เงินเพื่อซื้อความสำเร็จ
หลังจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามารับงาน แมนฯ ซิตี้ ทุกอย่างเหมือนจะดีขึ้น มีชื่อเข้าชิงรางวัล "ฟีฟ่า โกลเด้น บอย" ในปี 2016 แต่ก็ไม่ใช่แบบนั้น อิเฮียนาโช่ ยังมีสถานะเป็นเพียงแค่ตัวสำรอง ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง 5 นัด
น้อยกว่ายุค มานูเอล เปเยกรินี่ และยิงประตูได้น้อยกว่าถึงครึ่งหนึ่งคือแค่ 4 ประตู จากเด็กวัยรุ่น ที่ถูกคาดหวังก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีม กลายเป็นไม่สามารถพิชิตใจของ เป๊ป ได้เสียที พอหลังจากมี กาเบรียล เชซุส บทบาทเขาก็หายไป และถูกขายให้ เลสเตอร์ ซิตี้ ในที่สุด
วิลเฟร็ด โบนี่
วิลเฟร็ด โบนี่ ถูกทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซื้อตัวมาจาก สวอนซี ซิตี้ เมื่อช่วงต้นปี 2015 ในยุคของ มานูเอล เปเยกรินี่ ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ นับเป็นแข้งแอฟริกัน ที่มีค่าตัวแพงสุดใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ขณะนั้น
ท่ามกลางความคาดหวังที่จะเข้ามาเป็นตัวซัพพอร์ท เซร์คิโอ อเกวโร่ แต่ด้วยความที่ได้รับโอกาสลงเป็นตัวจริงไม่มาก บวกกับภารอันหนักอึ้ง ทำให้สถิติการทำประตูอันน้อยนิด เพียงแค่ 6 ประตู
ดังนั้น เมื่อหมดยุค เปเยกรินี่ และ เป็นการเข้ามารับงานของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แทบไม่ต้องเดาเลยว่า โบนี่ ไม่มีอนาคตในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม อีกแล้ว
โดยเขากลายเป็นส่วนเกินของทีมไปทันที ไม่มีแม้แต่ เป๊ป จะชายตามอง ซึ่งก่อนจะปิดตลาดซัมเมอร์ 2016 ก็ถูกปล่อยตัวไปให้กับ สโต๊ค ซิตี้ จากนั้นซีซั่นถัดมา ก็โดนขายถาวรคืนรังไปให้กับ "หงส์ขาว" จนปัจจุบันไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้อีกเลย
ยาย่า ตูเร่
ยาย่า ตูเร่ ต้องประสบพบเจอกับการเป็นลูกน้อง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถึง 2 สโมสร เริ่มแรกจาก บาร์เซโลน่า จริงๆแล้ว ยาย่า เข้ามาค้าแข้งถิ่นคัมป์ นู ในยุคสมัย แฟร้งค์ ไรการ์ด เป็นกุนซือใหญ่ แต่เมื่อมาสู่การทำทีมของเฮดโค้ชชาวสแปนิช สถานะของ ยาย่า ก็เริ่มเปลี่ยนไปทีละนิด ทีละนิด
จากตัวหลัก เริ่มต้องมีนั่งสำรอง บางครั้งถูกขยับไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์ จนกระทั่งเมื่อ ยาย่า มีส่วนช่วย บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ 6 สมัย เมื่อปี 2009 ซีซั่นถัดมาโอกาสลงสนามตัวจริงในศึก ลา ลีกา สเปน จากจำนวน 20 กว่านัด ก็ลงมาเหลือ 10 ปลายๆ เท่านั้น จริงๆ ยาย่า คือมิดฟิลด์ที่เก่ง แต่ไม่ใช่ในแบบฉบับที่ เป๊ป ชื่นชอบ
ทำให้ ยาย่า ตัดสินใจย้ายมาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และเขาก็สร้างตำนานพาทัพ "เรือใบสีฟ้า" คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2 สมัย ชนิดที่สโมสรขาดเขาไป เหมือนขาดใจตายตรงนั้น จนกระทั่ง เป๊ป ย้ายมากุมบังเหียน "เรือใบสีฟ้า" หายนะเก่าก็กลับมา
เมื่อ ยาย่า ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในลีกแค่ 22 นัด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เป็นกำลังหลักมาโดยตลอด และมีข่าวย้ายทีม แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจอยู่ต่อ และเหตุการณ์ก็เป็นอย่างที่ทุกคนทราบ ยาย่า คือส่วนเกินของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถึงแม้จะมีชื่อเป็นแชมป์ลีกสมัย 3 แต่การลงตัวจริงแค่นัดเดียว เหมือนเป็นฟางเส้นสุดท้ายระหว่างเขากับ เป๊ป ทำให้มีการออกมาแฉเหมือนอย่างที่ได้เกริ่นมา
เมื่อมาถึงตรงนี้ แฟนๆชาวขอบสนามคงจะวินิจฉัยได้เองว่าสรุปจริงๆแล้ว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แอนตี้แข้งแอฟริกา ตามที่ ยาย่า ตูเร่ กล่าวหาหรือไม่ เพราะสถิติที่ผ่านๆมา มันบ่งบอกในตัวชัดเจน แล้วมารอดูกันว่าในอนาคตจะมีนักเตะจากทวีปนี้ มาร่วมงานกับ เป๊ป อีกหรือเปล่า ..
