logo-heading

ศึก ฟุตบอลโลก 2018 ประเทศรัสเซีย กำลังดำเนินการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่ม นัดที่ 2 เริ่มจะได้เห็นกันแล้วว่าทีมไหนได้ไปต่อ หรือ ทีมไหนต้องแพ็คกระเป๋ากลับบ้านอย่างรวดเร็ว แต่ในเมื่อการโม่แข้ง นัด 2 เพิ่งผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่กลุ่ม

ฉะนั้นทีมงานขอบสนามขอมาจัดทีมยอดเยี่ยม ที่ทำผลงานได้อย่างเข้าตา ในระบบ 4-3-3 หลังผ่านการแข่งขันนัดแรก รอบแบ่งกลุ่ม ศึก "เวิลด์ คัพ 2018"

ผู้รักษาประตู : ฮันเนส ฮัลล์ดอร์สสัน, ไอซ์แลนด์ กำลังชั่งใจอยู่เหมือนกันว่าจะเลือกใครดีในตำแหน่งผู้รักษาประตูระหว่าง ฮันเนส ฮัลล์ดอร์สสัน กับ กีเยโม่ โอชัว ผู้รักษาประตูทีมชาติเม็กซิโก แต่กระนั้นสุดท้ายแล้วก็ขอยกให้นายทวารจากไอซ์แลนด์ เพราะถึงแม้จะเสียประตู แต่ถึงกระนั้นช็อตที่เข้าตามากที่สุด ก็คงเป็นลูกเซฟจุดโทษ ลิโอเนล เมสซี่ และมีจังหวะป้องกันหลังจากนั้นได้อีก ทำให้ ไอซ์แลนด์ สามารถเก็บ 1 คะแนน สำคัญเอาไว้ได้ แบ็กขวา : คีแรน ทริปเปียร์, อังกฤษ จริงๆแล้วในแมตช์นั้น ทริปเปียร์ เปรียบเสมือนให้เล่นเป็นตำแหน่งวิงแบ็กฝั่งขวา ซึ่งก็ถือว่าหนักเอาการกับทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งแรกในชีวิต เพราะต้องรับบทบาทดูแลเกมรับ และ ต้องเติมไปช่วยขึ้นเกมรุก อย่างไรก็ตาม ฟูลแบ็กจสาก ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ทำหน้าที่ยอดเยี่ยม โดยมีสถิติจ่ายสำคัญๆถึง 6 ครั้ง, สร้างสรรค์โอกาสให้กับเพื่อนมากที่สุดในทีม และที่สำคัญเขาเป็นคนเปิดลูกเตะมุม อันเป็นที่มาของประตูชัย 2-1 ช่วงท้ายเกม เซ็นเตอร์แบ็ก : โฮเซ่ ฆิมิเนซ, อุรุกวัย ไม่ใช่แค่ว่า โฮเซ่ ฆิมิเนซ จะมาโหม่งประตูชัยให้กับ อุรุกวัย เอาชนะ อียิปต์ 1-0 แล้วจะมาติดทีมยอดเยี่ยม ฟุตบอลโลก 2018 หลังผ่านพ้นนัดแรก เพราะหากมองผลงานโดยรวม อียิปต์ แทบไม่สามารถเจาะใส่ ฆิมิเนซ ได้เลย โดยแท็คเกิ้ลสำเร็จ 4 ครั้ง, เคลียร์บอลออกจากพื้นที่อันตราย 8 ครั้ง และตัดบอลคู่แข่งได้ 8 ครั้ง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมแนวรับทัพ "จอมโหด" ถึงได้แข็งแกร่ง เซ็นเตอร์แบ็ก : ดีเอโก้ โกดิน, อุรุกวัย เป็นกองหลังที่มากไปด้วยประสบการณ์ ฉะนั้นการอ่านเกม, การรับมือกับความกดดันเขาสามารถทำมันได้อย่างยอดเยี่ยม โดยในแมตช์แรกที่เฉือนเอาชนะ อียิปต์ 1-0 ช่วงท้ายเกม นั้น ดีเอโก้ โกดิน โชว์ฟอร์มแข็งแกร่งดั่งกับภูผา ทั้งเข้าแทคเกิ้ล และ แย่งบอล โดยเฉพาะช่วงที่ อุรุกวัย พับสนามบุก โกดิน สามารถตัดเกมแนวรุก "มัมมี่" ได้ทั้งหมด ถึงขั้นเติมขึ้นมาช่วยเกมรุกเลยด้วยซ้ำ แบ็กซ้าย : อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ, เซอร์เบีย ถ้าในตำแหน่งแบ็กซ้าย ทีมงานขอยกให้กับ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ จอมเตะลูกนิ่งทีมชาติเซอร์เบีย ถึงแม้ว่าจะยิงทิ้งยิงขว้างไปสักนิด สำหรับ เซอร์เบีย ในเกมเจอกับ คอสตา ริกา แต่สำหรับ อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ แล้ว เขาเปรียบเสมือนเป็นฮีโร่ เกมรับทำได้เยี่ยม โดยใช้จุดเด่นของตัวเอง ปั่นฟรีคิกข้ามกำแพงเสียบเสา พาบ้านเกิดเก็บ 3 คะแนน ได้สำเร็จ มิดฟิลด์ : วาลอน เบห์รามี่, สวิตเซอร์แลนด์ ถ้าใครได้ติดตามเกมวันที่ สวิตเซอร์แลนด์ ยันเสมอ บราซิล ได้สำเร็จ 1-1 บอกเลยว่า เนย์มาร์ แทบไม่ได้กระดิกตัว และ ไม่ได้โชว์พิษสงอะไรออกมาเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนักเตะที่เป็นคนหยุดเจ้าของค่าตัวสถิติโลก ก็คือ วาลอน เบห์รามี่ เขาสามารถเข้าแท็คเกิ้ล และ แย่งบอล ได้สำเร็จ 100 % สามารถตัดเกมทัพ "แซมบ้า" ได้อย่างอยู่หมัด เป็นผู้ปิดทองหลังพระตัวจริง มิดฟิลด์ : เดนิส เชรีเชฟ, รัสเซีย สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ เมื่อ เดนิส เชรีเชฟ ได้โอกาลงสนามในฐานะตัวสำรอง แทนที่ อลัน ซาโกเยฟ ซึ่งได้รับบาดเจ็บตั้งแต่นาที 24 อาจดูสร้างความกังวลใจให้กับทัพ "หมีขาว" แต่ทว่า เชรีเชฟ กลับมาทำให้ รัสเซีย เล่นได้อย่างผ่อนคลาย ด้วยการโชว์ความนิ่ง แตะหลอกผู้เล่น ซาอุดิ อาระเบีย และกดแสกหน้าผู้รักษาประตูให้ทีมขึ้นนำ 2-0 พร้อมโชว์การยิงแบบปั่นไซร้เลี้ยวเข้าไปอย่างสวยงาม ในลูกที่ 4 มิดฟิลด์ : อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน, รัสเซีย เมื่อจบทัวร์นาเมนต์นี้ อเล็กซานเดอร์ โกโลวิน จะเป็นหนึ่งในนักเตะที่เนื้อหอมมากที่สุด เพราะโชว์ฟอร์มได้ "แจ่ม จะแดมแจ่ม ว้าว" จริงๆ โดยในแมตช์ที่ รัสเซีย เอาชนะ ซาอุดิ อาระเบีย 5-0 นั้น มิดฟิลด์วัย 22 ปี เดินเกมรุกได้อย่างไหลลื่น แทบมีส่วนร่วมกับทุกประตูของทีม ทั้งแอสซิสต์ 2 ครั้ง และ จัดการปั่นฟรีคิกยิงให้ "หมีขาว" ลูกสุดท้าย เปิดหัวแบบสุดสวยในทัวร์นาเมนต์ ฟุตบอลโลก 2018 กองหน้า : เออร์วิ่ง โลซาโน่, เม็กซิโก ประวัติศาสตร์ชาติของ เม็กซิโก ต้องจารึกไว้เลยว่า พวกเขา ได้ปราบเอาชนะ เยอรมัน ได้สำเร็จ หลังก่อนหน้านี้กลายเป็นลูกไล่อยู่เสมอ ซึ่งหนึ่งในนักเตะที่เล่นได้โดดเด่น ใช้สปีดความเร็วเล่นงาน "อินทรีเหล็ก" ต้องยกให้กับ เออร์วิ่ง โลซาโน่ โดยจังหวะที่เป็นประตูชัย เขาแสดงความใจเย็น แตะหลบ เมซุต โอซิล ที่ตามลงมาไล่ก่อน 1 จังหวะ และซัดเบียดเสาแรก พาทัพ "จังโก้" คว้า 3 คะแนน กองหน้า : ดีเอโก้ คอสต้า, สเปน ตอนที่ได้สัญชาติ และ ขอเลือกย้ายมาเล่นให้กับ สเปน ก็ถูกครหาว่าไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งมาได้ ยามทัพ "กระทิงดุ" ลงเล่นเกมสำคัญ แต่กระนั้น ดีเอโก้ คอสต้า จัดการอุดปากนักวิจารณ์ ด้วยการยิง 2 ประตู ในแมตช์เสมอกับ โปรตุเกส 3-3 โดยเฉพาะลูกแรก เป็นความสามารถเฉพาะตัวที่เก็บบอลได้ยอดเยี่ยม และ แตะหาช่องซัดเต็มตีน พอช่วงที่ คอสต้า โดนเปลี่ยนตัวออก ทำให้เกมรุก สเปน ดูด้อยลงไป และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการถูกตีเสมอ กองหน้า : คริสเตียโน่ โรนัลโด้, โปรตุเกส ถ้าไม่มีชื่อของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แสดงว่าคงไม่ได้ดู ฟุตบอลโลก 2018 รอบแบ่งนัดแรก กันอย่างแน่นอน เพราะนี่คือ "เดอะ แบก" แห่งทีมชาติโปรตุเกส เพราะทำทุกอย่างให้กับทีม ไม่จะเป็นการเรียกจุดโทษ, ทำประตู และ โมเมนต์เด็ดที่โลกยังคงตราตรึง นั่นก็คือลูกฟรีคิกสังหาร กดเต็มหลังเท้าบอลข้ามกำแพง มุดเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสวยงาม และนับเป็นลูกตีเสมอให้กับทัพ "ฝอยทอง" เกมเจ๊า สเปน 3-3
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline