logo-heading

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นอีกครั้งที่ผมได้เห็นการควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ของนักฟุตบอลในไทยลีก ที่แสดงกริยาไม่เหมาะสมอย่างมากต่อผู้ตัดสิน

นั่นก็คือการที่ เอกชัย ฤทธิพันธุ์ นักเตะของ “สวาทแคท” นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เข้าปะทะใส่ “เปาโค้ช” ศิวกร ภูอุดม ผู้ตัดสินในเกมที่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด เปิดบ้านเสมอ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี 0-0 จนทำให้ต้องถูกใบแดงออกไป

สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าว จบลงด้วยการโดนใบแดง และมีการออกมากล่าวขอโทษ กับทั้งตัวกรรมการที่เป็นคู่กรณีโดยตรง ขอโทษทั้งแฟนบอล ขอโทษทั้งประธานสโมสร ขอโทษทั้งทีมงานของสโมสร ขอโทษทั้งเพื่อนร่วมทีม ผ่านสื่อโซเชี่ยลเฟสบุ๊คของ เอกชัย เรียบร้อยแล้ว ซึ่งกรณีดังกล่าวนับว่า จบลงไปแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็ให้สัญญาว่า จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก และจะพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองให้มากกว่านี้ โอเคว่า เคสดังกล่าว คงไม่มีอะไรบานปลายไปมากกว่านี้ เนื่องจากเป็นวาระการควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายกันรุนแรง ไม่ได้มีการสาวหมัด ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ผมเองก็ติดตามฟุตบอลไทยลีกมาติดต่อกันหลายปี และโดยส่วนตัว ก็ติดตามการทำหน้าที่และให้ความเคารพทั้งกับกรรมการอย่าง “เปาโค้ช” และนักฟุตบอลอย่าง เอกชัย ที่ทำงานกันคนละหน้าที่ บนพื้นที่เดียวกัน มานานหลายปี โดยผมคิดว่า ทั้งคู่ล้วนแล้วแต่ตั้งใจ และเต็มที่กับงานของตัวเอง ผมจึงไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก อยากให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย (หวังว่า) ที่จะได้เห็นอะไรแบบนี้ (ไม่ว่าจะในลีกไหนด้วย) กรรมการ เปรียบเสมือนตุลาการในสนามครับ เขาควรได้รับความเคารพ ซึ่งหากกรรมการท่านใด ทำหน้าที่ได้อย่างผิดพลาด หรือตั้งใจทำผิดพลาด เช่นที่เคยมีข่าวช่วยล็อกผลการแข่งขันนั้น มันก็จะมีบทลงโทษรองรับจากคณะกรรมการพิจารณาเรื่องนี้อยู่แล้ว ตามความเหมาะสม อย่างที่ผมจะเห็นบ่อยๆ ในซีซั่นนี้ ซึ่งมีการทดลองนำเทคโนโลยี VAR หรือ Video Assistant Referee เข้ามาช่วยตัดสินในศึกไทยลีกนั้น หลายคู่หลายเหตุการณ์ ต่างกรรมต่างวาระ บ่อยครั้งที่นักเตะในไทยลีก ทั้งคนไทย และต่างชาติ กลับยังไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของกรรมการในสนาม ทั้งที่เขาก็ใช้ VAR ช่วยในการตัดสินแล้ว ซึ่งมันทำให้ผมไม่อาจจะปฏิเสธที่จะขอเปรียบเทียบกับกรณีการใช้งาน VAR ที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ต่างๆ ในสนาม ในศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ผ่านมา ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า นักกีฬาฟุตบอลระดับโลกนั้น (ส่วนมาก) ต่างก็ให้ความเคารพการตัดสินใจของผู้ตัดสินสุดๆ มีเพียงน้อยนิดเท่านั้น ที่ยังแอบมีเถียงอยู่บ้าง ซึ่งก็เรียกได้ว่า น้อยจริงๆ “แล้วพอกลับมาเปรียบเทียบกับหลายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทย ก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า กรรมการในไทย ได้ถูกให้ความเคารพอย่างร้อยเปอร์เซ็นต์จริงๆ จากนักเตะ” ที่ผมเขียนมาทั้งหมดนั้น ผมไม่ได้จะปกป้องกรรมการคนใดคนหนึ่งนะครับ และไม่ได้โทษนักเตะคนใดคนหนึ่งด้วย แต่ผมคิดว่า “การเป็นผู้ตัดสิน” ก็ถือว่าเป็นวิชาชีพหนึ่งที่ควรได้รับความเคารพในสนามฟุตบอล แม้เราอาจจะได้เห็นผู้ตัดสินบางรายทำผิดพลาดอย่างมากมายมาแล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะทำให้เราคิดว่า ผู้ตัดสินคนอื่นๆ ก็แย่เหมือนกับที่เราเคยเจอ เช่นเดียวกันครับ นักฟุตบอลเองก็เหมือนกัน มีดี มีร้าย มีตั้งใจ มีเที่ยวเล่น นักฟุตบอลเองก็คงไม่อยากถูกเหมารวมว่า แย่เหมือนคนนั้น จะทำไม่ดีเหมือนคนนี้ ผู้ตัดสินหลายรายเองก็ท้อใจ และหวาดกลัว เวลาต้องทำหน้าที่ในสนามฟุตบอลในไทยลีก เพราะเขาไม่รู้ว่า นกหวีดที่เป่าออกไป จะทำให้ใครโมโหไหม จะมีคนโกรธไหม แฟนบอลจะทำอะไรเขาไหม หรือจะมีผลอะไรต่อตัวเขา ต่อครอบครัวของเขาไหม (อันนี้หมายถึงกรรมการที่เป่าอย่างตั้งใจจริงนะครับ) ให้ความเคารพหน้าที่ของอีกฝ่าย เสมือนให้ความเคารพในหน้าที่ของตัวเอง หากรู้สึกว่าควรโต้แย้ง ก็ขอให้โต้แย้งไปตามระเบียบ และกฏเกณฑ์ที่มี เพื่อให้สังคมฟุตบอลไทยของเรา เติบโตขึ้นอย่างแข็งแรงนะครับ ปล. ขอขอบคุณกรณีศึกษาของ เอกชัย ฤทธิพันธุ์ และ ศิวกร ภูอุดม จากเหตุการณ์เมื่อสุดสัปดาห์ด้วยนะครับ ที่ทำให้ผมได้เขียนบทความนี้ขึ้นมา

“จอน”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline