logo-heading

คลิปการเติมเกมขึ้นมาในกรอบเขตโทษ และพยายามใช้มือปัดบอลเข้าประตูในช่วงท้ายเกม ของ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ผู้รักษาประตูจอมเก๋าของ สุพรรณบุรี เอฟซี ในเกมที่ “ช้างศึกยุทธหัตถี” เปิดบ้านพ่าย พัทยา ยูไนเต็ด 1-2 ได้ถูกรีเพลย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตามแฟนเพจต่างๆ หลังสิ้นสุดเกมไทยลีก เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

แม้ว่า ลูกตุงตาข่ายดังกล่าว กรรมการจะให้เป็นประตู แต่สุดท้าย มันก็ถูกปฏิเสธโดยเทคโนโลยีที่มีชื่อว่า Video assistant referees (VAR) ซึ่งผู้ตัดสินในสนามได้ทำการชมวิดีโอย้อนหลัง และทำการแจกใบเหลืองเป็นของแถมต่อการพยายามใช้มือปัดบอลให้กับ “ซูเปอร์ตี๋” อีกด้วย “เป็นอีกครั้งที่ VAR ได้โชว์ความเป็นพระเอก โชว์ความเป็นตุลาการที่เที่ยงธรรมในสนามฟุตบอล” เทคโนโลยี VAR : ตุลาการในสนาม ที่ควรต้องมีทุกคู่ สำหรับการใช้ VAR ครั้งแรกในประเทศไทย เกิดขึ้นในเกม ออมสิน ไทยแลนด์ แชมเปี้ยนส์ คัพ 2018 เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยผู้ตัดสิน ศิวกร ภูอุดม ได้ทำการแจกใบแดงจังหวะนอกเกมของ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต้ หลังชมวิดีโอย้อนหลัง ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์เทคโนโลยีนี้ในประเทศไทย หลังจากนั้น VAR ก็ถูกใช้เรื่อยมาในไทยลีก มากมายหลายสิบเกม และมีหลายสิบจังหวะที่เจ้า VAR เสกการตัดสินให้ยุติธรรม เหมาะสมกว่าเก่า ทั้งการให้ใบแดงย้อนหลังจังหวะนอกเกม, การให้จุดโทษจากจังหวะ 50-50, การดูจังหวะล้ำหน้าที่เป็นประตู และอื่นๆ อีกมากมาย จนมาถึงจังหวะล่าสุด ของ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ที่ใช้มือปัดบอลเข้าประตูเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แน่นอน เราได้เห็นข้อดีของ VAR ที่ใช้งานกันอยู่ตอนนี้แล้ว ซึ่งก็เห็นมาตั้งแต่ฟุตบอลโลกแล้วแหละ ว่าใช้งานได้จริง ใช้งานได้ดี และใช้งานแล้วไม่ได้ทำให้เกมสะดุด เสียเวลาจนต้องหงุดหงิด หากมันแลกมาด้วยความ “จริง” ที่สุด ทว่าก็ยังมีคำถามอยู่ไม่น้อยสำหรับการใช้งาน VAR โดยปัจจุบันในเลกที่สองของไทยลีก ปีนี้ การใช้งาน VAR นั้น สโมสรจะต้องเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด นั่นทำให้ เราจะเห็นว่า VAR ไม่ได้มีในทุกเกม ทุกแมตช์ ซึ่งก่อให้เกิดคำถามถึงความเหลื่อมล้ำหรือไม่อย่างไร ระหว่างทีมเล็ก และ ทีมใหญ่ ที่มีอำนาจเงินไม่เท่ากันในการจ่ายเพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีนี้ในสนามของตัวเอง เทคโนโลยี VAR : ตุลาการในสนาม ที่ควรต้องมีทุกคู่

และอีกหนึ่งคำถามก็คือ ซีซั่นหน้า VAR จะยังได้โชว์ฟอร์มเป็นพระเอกอีกไหม จะยังมีอีกหรือเปล่า ในเมื่อทุกคนก็ได้เห็นคุณภาพของมันไปแล้วว่า ช่วยให้เกิดความยุติธรรมแค่ไหน ซึ่งแน่นอน ในฐานะแฟนบอล ก็ย่อมอยากเห็นมันถูกใช้งานทุกแมตช์ เพื่อให้เกิดความเที่ยงตรงที่สุดกับผลการแข่งขัน เพียงแต่ในเรื่องของค่าใช้จ่าย ที่อาจจะทำให้ VAR ไม่สามารถปรากฏกายได้ทุกแมตช์ ทั้งที่มันก็ (แอบ) กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นไปแล้วสำหรับฟุตบอล หลังจากสร้างผลงานได้น่าประทับใจในศึกฟุตบอลโลกครั้งที่ผ่านมา ลองคิดดูนะ ถ้าไทยลีกปีนี้ ไม่มีการใช้งาน VAR เลย ผลการแข่งขันจะมีเปลี่ยนไปมากแค่ไหน และหน้าตาของตารางคะแนน จะมีการรันอันดับแตกต่างจากตอนนี้แค่ไหน ในปีที่มีการแข่งขันสูงมากในเรื่องของการหนีตกชั้น แล้วถ้าซีซั่นหน้า จะยังคงมี VAR เป็นนัดๆ เท่านั้นเหมือนเดิม ก็ต้องมาคิดกันอีกว่า การเล่นจังหวะตุกติกเล็กๆ น้อยๆ อาจจะมีโผล่มาให้เห็นในเกมที่ไม่มี VAR เพราะหากนักฟุตบอลรู้ว่า ไม่มี VAR ก็อาจจะทำให้กล้าเล่นจังหวะตุกติก แล้วถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่โอเค ในเกมที่ไร้ VAR ก็จะต้องตกเป็นเป้าให้แฟนบอลต้องบ่นอยู่ดี ในเรื่องของความเหลื่อมล้ำว่าทำไมสนามนี้ถึงไม่มีเทคโนโลยีนี้ เป็นเรื่องที่ต้องขบคิดกันให้ละเอียดรอบคอบครับ เพราะมันคือส่วนหนึ่งที่จะช่วยยกระดับวงการลีกไทย แต่หากถามผม ก็ต้องขอบอกว่า อยากให้มีทุกคู่ครับ มันแฟร์ดี!....                                                                                     “จอน”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline