logo-heading

ประเด็นการเพิ่ม “โควตาอาเซียน” ใน “ไทยลีก” ฤดูกาล 2019 ดูจะเงียบๆไปบ้างแล้ว เหลือลุ้นอีกทีตอนประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะเอายังไงแน่

แนวทางหลังจากที่มีการหารือกันคือกำหนดคุณสมบัตินักเตะ “โควตาอาเซียน” ว่าต้องเคยติดทีมชาติตั้งแต่ระดับอายุไม่เกิน 19 ปีขึ้นไปถึงจะลงทะเบียนเล่นได้ ดูแล้วคงจบที่ตรงนี้ละครับ น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่ “รับได้” ทั้งฝ่ายเห็นด้วยและเห็นค้าน แต่ใดๆก็ตามในวงการฟุตบอลไทยมักมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงได้เสมอ หาก “ท่าน” เกิดอาการ “งอแง” ประมาณว่า “จะเอาให้ได้ดั่งใจ” ก็อาจจะวุ่นวายและจบไม่ลงง่ายๆ เรื่อง “โควตาอาเซียน” นี่มีเสียงสนับสนุนและไม่เห็นด้วยออกมาโต้กันอย่างชัดเจน ตรงนี้คงไม่มีใครถูก ใครผิด เอาเป็นว่าอยู่ที่จะมองมุมไหนก็แล้วกัน แต่ส่วนตัวอยู่ในฝ่ายไม่เห็นด้วยครับ ไม่ได้เป็น “คนหัวเก่า” แต่คิดว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ควรเอาเวลาไปคิดทำอย่างอื่นมากกว่า เรื่องควรทำของ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ยังมีอีกเยอะ ทั้งเรื่องเร่งด่วนและแผนระยะยาว ควรเอาเวลาไปคิดกับหลายๆอย่างที่ยังไม่ได้ทำมากกว่าไปวุ่นกับประเด็นใหม่ “ตีตลาดอาเซียน” เรื่องที่ "สมาคมฟุตบอลฯ" ควรทำ หลายสิ่งหลายอย่างที่เขียนไว้ใน “แผนแม่บทพัฒนาฟุตบอลแห่งชาติระยะยาว 20ปี” มีการต่อยอดลงรายละเอียดเพื่อทำให้เป็นรูปธรรมหรือยัง ที่แน่ๆ “มาสเตอร์ เพลน” ที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ระดมความคิดทำขึ้นมาไม่น่าจะมีเรื่อง “เพิ่มโควตาอาเซียน” รวมอยู่ด้วยแน่ ดังนั้น สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ควรไปลงรายละเอียดใส่ใจกับสิ่งที่ควรจะทำก่อนหรือเปล่า อย่างเรื่อง “พัฒนาเยาวชน” ที่เป็นรากฐานสำคัญของฟุตบอลทั้งระบบ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ต้องคิดจริงจังและพิจารณาแล้วว่าแนวทางที่ทำอยู่ “ถูกทาง” หรือไม่ “ลีกเยาวชน” ที่ถามหากันมาหลายปี วันนี้มี “ไทยแลนด์ ยูธ ลีก” จัดแข่งขันแล้วหลายรุ่น แต่ตอบโจทย์ได้ถูกตรงแล้วหรือเปล่า ? เรื่องที่ "สมาคมฟุตบอลฯ" ควรทำ รวมถึง “ไทยลีก 4” ที่หวังจะเป็นอีกเวทีสำหรับนักเตะเยาวชนของแต่ละสโมสรให้ส่ง “ทีมบี” ลงเล่นนั้นได้รับผลสะท้อนกลับมาขนาดไหน จากที่เห็นและเป็นอยู่ รวมถึงได้สนทนากับคนทำทีมหลายสโมสรที่เน้น “สร้างเด็ก” จริงๆ ส่วนใหญ่มองว่ายังมีอะไรหลายๆอย่างที่ต้องปรับปรุง ดังนั้น สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ควรใส่ใจรายละเอียดตรงนี้ให้เป็นเรื่องสำคัญ หากระบบพัฒนาเยาวชนดีจะมีผลผลิตก้าวขึ้นสู่ระบบฟุตบอลไทยแบบมีคุณภาพมากขึ้น สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ควรเอาเวลาไปคิดด้วยว่าจะมี “ที่ว่าง” ใน “ไทยลีก” ให้เยาวชนแค่ไหน เคยมี “กูรูลูกหนัง” บอกไว้ว่า “การพัฒนาฝีเท้าในการแข่งขันย่อมดีกว่าได้แค่ฝึกซ้อม” หลายประเทศก็เอาเวลาไปคิดนะว่าจะจัดสรรพื้นที่หรือโควตาให้เยาวชนได้อย่างไรบ้าง แม้กระทั่งหลายชาติในยุโรปยังคิดกันเลยว่าจะทำให้อย่างไรให้เด็กชาติตัวเองได้ลงเล่นเยอะๆ แต่ที่เมืองไทยกลับเอาเวลาไปคิดว่าจะเอานักเตะต่างชาติมาเล่นในลีกไทยยังไงให้มากๆ ดูแล้วน่าจะ “ไม่ถูกทาง” เรื่องควรทำของ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ คือคิดสร้างโอกาสให้นักเตะไทยได้เล่นมากกว่า จะได้ไม่มีคำถามว่าเมื่อไรจะมี “ปิยะพงษ์ 2” หรือ “มุ้ย 2” เพราะลีกเต็มไปด้วยศูนย์หน้าต่างชาติ ประเด็นที่ร้อนแรงตอนนี้อย่าง “แฟนบอล” เหมือนกัน หลายสนามคนดูลดไปเยอะมาก เรื่องที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ควรทำคือเอาปัญหานี้มาเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขดีกว่ามั้ย ? แต่ที่ผ่านมาเห็นมีแต่ถามกันว่า “ทำไมคนดูน้อย” หรือ “ทำไมแฟนบอลลดลง” ขนาดประธานสโมสรใหญ่ยังต้องออกมาโพสต์โซเชียลวิงวอนให้คนเข้าไปดูฟุตบอลในสนาม ทว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กลับไม่มีคำตอบ หรือหาแนวทางออกมาตรการแก้ไข ทำเหมือน “ทองไม่รู้ร้อน” ซะอย่างนั้น น่าตลกก็ตรงที่ แฟนบอลไทยใกล้ๆยังไม่เข้าสนามเลย แทนที่จะคิดว่าจะทำยังไงให้กลับมา แต่ดันไปคิดจะบูมแฟนบอลประเทศเพื่อนบ้าน !!! ถึงได้บอกครับว่า สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ มีเรื่องควรทำอีกเยอะมากกว่าจะไปคิดเพิ่ม “โควตาอาเซียน” เรื่องที่ "สมาคมฟุตบอลฯ" ควรทำ นั่นคือเรื่องหลักๆที่เป็นภาพรวมโครงสร้างของระบบฟุตบอลเท่านั้นนะครับ อีกเรื่องที่ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ไม่ใช่แค่ควรทำแต่ต้องทำคือ “ถ้วยพระราชทาน” ทุกวันนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ไม่ได้จัดแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน ก ข ค ง มาหลายปีแล้ว เคยถามไปหลายครั้งก็ไม่เคยมีความคืบหน้าใดๆ สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ควรระลึกถึงและตอบให้ได้นะครับว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป  

“บับเบิ้ล”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline