logo-heading

เหลืออีกเพียงแค่ 1 สัปดาห์เศษๆ ลีกที่ผู้คนทั่วโลกให้ความสนใจมากที่สุด อย่าง "พรีเมียร์ลีก อังกฤษ" ประจำฤดูกาล 2018-19 จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

เพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อยกับความมันส์อีก 9 เดือนต่อจากนี้ พวกเราจึงได้จัด 10 สิ่งที่น่ารู้ ก่อนลีกลูกหนังแดน "ผู้ดี" จะลุกเป็นไฟ

  1. ตลาดนักเตะเปลี่ยนเวลาปิดเร็วกว่าเดิม
โดยปรกติแล้ว พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะปิดตลาดซื้อ-ขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ คือวันที่ 31 ส.ค. เท่ากับว่าสโมสรใดที่ออกสตาร์ทห่วยแตก ก็ยังพอมีเวลาหาผู้เล่นหน้าใหม่มาเสริมทัพได้ แต่เพื่อเป็นการลดความได้เปรียบ เสียเปรียบ จึงมีการโหวตจาก 72 ทีม ทั้ง 4 ดิวิชั่นของลีกแดน "ผู้ดี" และผลเป็นเอกฉันท์ว่า ฤดูกาลใหม่ 2018-19 ตลาดนักเตะ จะเลื่อนมาปิดเร็วขึ้นเป็นวันที่ 9 สิงหาคม และไม่สามารถช็อปผู้เล่นได้อีก จนกว่าจะถึงตลาดหน้าหนาว อย่างไรก็ตามทุกสโมสร ยังสามารถขายนักเตะออกจากทีมไปยังลีกอื่้นๆ ตามกำหนดเดดไลน์ตลาดซื้อ-ขายของลีกอื่นๆ
  1. ฤดูกาลใหม่ เริ่มฟาดแข้งวันศุกร์
สาเหตุที่ตลาดซื้อ-ขายนักเตะ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เลือกปิดฤดูกาลวันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม เนื่้องด้วยเกมเปิดสนามคู่แรกฤดูกาลใหม่ 2018-19 จะฟาดแข้งกันในคืน "ฟรายเดย์ ไนท์" คือวันที่ 10 สิงหาคม เป็นการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของ เลสเตอร์ ซิตี้ ฉะนั้นอย่าปาร์ตี้ หรือ แฮงค์เอาท์ กันจนเพลิน โน๊ตกันไว้ให้ดีว่าเวลา ตี 2 ตามเวลาประเทศไทย นับเป็นการลั่นกองรบคู่แรกของ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ซีซั่นใหม่
  1. มีบิ๊กแมตช์ ตั้งแต่เกมแรกของฤดูกาล
ถึงแม้ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะเริ่มต้นฟาดแข้งกันในคืนวันศุกร์ แต่ที่น่าสนใจยิ่งไปกว่านั้น ก็คือเกมแรกของฤดูกาลใหม่ จะมีคู่บิ๊กแมตช์ทันที เป็นการเจอกันระหว่าง อาร์เซน่อล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คืนวันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม เวลา 4 ทุ่ม แต่ก็ไม่ใช่เพียงแค่คู่นี้คู่เดียว ยังมี ลิเวอร์พูล เปิดถิ่นแอนด์ฟิลด์ รอพบกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ซึ่งบอกเลยว่า "ขุนค้อน" ซีซั่นนี้ ไม่ธรรมดา ใช้จ่ายเงินไปแล้ว 95 ล้านปอนด์ มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ช่วงซัมเมอร์นี้ รองจาก "หงส์แดง"
  1. ทีมตัวเต็งแชมป์ลีก 2018-19
จากการคว้าแชมป์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้ฝีมือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พร้อมทั้งทำลายสถิติไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นชนะมากสุด, ยิงประตูมากสุด และเป็นทีมแรกที่เก็บได้ถึง 100 แต้ม ทำให้ "เรือใบสีฟ้า" ยังคงเป็นเต็งหนึ่งที่มีโอกาสป้องกันแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ไว้ได้ ส่วนอันดับ 2 ล่าสุด กลายเป็น ลิเวอร์พูล แซงหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นมาด้วย จากการเสริมทัพ หลายจุด บวกกับผลงานในช่วงอุ่นเครื่อง ขณะที่อันดับ 4 บ่อนพนันถูกกฎหมายของประเทศอังกฤษ ยกให้กับ เชลซี
  1. เซอร์ไพรส์กับกุนซือตัวเต็งตกงานคนแรก
เวลาที่สโมสรจะเลือกปลดกุนซือ ก็คงต้องวัดเรื่องฟอร์มการเล่นเป็นมาตรฐานตั้งต้น และส่วนใหญ่จะเป็นเฮดโค้ชทีมหนีตกชั้น ที่ส่อแววตกงานก่อนใครเพื่อน แต่กระนั้นสำหรับฤดูกาล 2018-19 มันแตกต่างออกไปจากเดิม เมื่อบ่อนพนันถูกกฎหมายของ อังกฤษ ยกให้ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมฝีปากกล้า เป็นเต็ง 1 ที่จะโดนไล่ออกจากตำแหน่งมากที่สุด จากผลงานช่วงปรีซีซั่น หลังโดนคู่อริอย่าง ลิเวอร์พูล ยิงแบบย่อบยับ 1-4 แต่กระแสน่าจะเบาลง เมื่อกลับมาชนะ เรอัล มาดริด 2-1
  1. เหล่าทีมน้องใหม่ เลื่อนชั้นจาก เดอะ แชมเปี้ยนส์ ชิพ
ตามธรรมเนียม เมื่อจบซีซั่น ก็ต้องมีทีมตกชั้นทั้งสิ้น 3 ทีม และก็จะมีน้องใหม่จาก เดอะ แชมเปี้ยน ชิพ เลื่อนชั้นมาแทนที่ โดย 3 สโมสร ที่ได้ก้าวขึ้นมาวาดลวดลายบนลีกสูงสุดแดน "ผู้ดี" ซีซั่นนี้ ล้วนแต่มีประสบการณ์ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาแล้วทั้งนั้น ประกอบด้วย วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส แชมป์ลีกรอง, คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ รองแชมป์ และ ฟูแล่ม ผู้ชนะมาในรอบเพลย์ออฟ
  1. ลูกบอลใหม่ ไฉไลกว่าเดิม
จริงๆมีการเปิดตัวลูกบอลโฉมใหม่ ที่จะใช้ในการแข่งขัน ฤดูกาลใหม่ 2018-19 ไปสักพักแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะมีใครจำหน้าตามันได้หรือเปล่า โดยยังเป็นผู้ผลิตเดิมภายใต้แบรนด์ไนกี้ แต่การดีไซน์ในรูปแบบการเย็บ จะเปลี่ยนจาก 5 เหลี่ยม มาเป็น 6 เหลี่ยม ซึ่งจะมีสีขาว เป็นสีพื้นหลัก ตัดด้วยสีดำ, เขียว และ น้ำเงิน ซึ่งได้วางจำหน่ายให้แฟนบอลได้จับจองเป็นเจ้าของไปแล้วก่อนหน้านี้ ?ref_src=twsrc%5Etfw%7Ctwcamp%5Etweetembed%7Ctwterm%5E1002351540680773633&ref_url=http%3A%2F%2Fk8s.khobsanam.com%2Fnews-football%2F22557
  1. เหล่าผู้จัดการทีมหน้าใหม่
ถ้าหากซีซั่นที่ผ่านมา ผลงานไม่เข้าตา หรือ มีปัญหาไม่ลงรอย ระหว่างตัวกุนซือกับบอร์ดบริหาร ก็จะลงเอยกันด้วยการแยกทางเสมอ โดยฤดูกาลที่กำลังจะเริ่มก็มีหลายๆทีม เลือกเปลี่ยนผู้นำทีมคนใหม่ อาทิ 2 ยักษ์ใหญ่ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เชลซี แยกทางกับ อันโตนิโอ คอนเต้ มาเป็น เมาริซิโอ ซาร์รี่ ส่วน อาร์เซน่อล ก็ปิดฉากอันยาวนานของ อาร์แซน เวนเกอร์ และเปลี่ยนมาเป็นยุค อูไน เอเมรี่ อดีตกุนซือ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ขณะที่บรรดาทีมกลางตาราง เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้เปลี่ยนมาใช้บริการ มานูเอล เปเยกรินี่, เอฟเวอร์ตัน เลือก มาร์โก ซิลวา ขณะที่ทีมน้องใหม่ วูล์ฟแฮมตัน มีกุนซือชาวโปรตุกีส นามว่า นูโน่ เอสเปริโต้ ซานโต, คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ มีโค้ชวัยเก๋าอย่าง นีล วอร์น็อค และ ฟูแล่ม เป็นอดีตเทรนเนอร์ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด  สลาวิซ่า โยคาโนวิช
  1. ลิเวอร์พูล เจ้าพ่อทำลายสถิติค่าตัว
ถ้าหากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ในช่วงอีกประมาณ 9 วันก่อนตลาด พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะปิดตัวลง ลิเวอร์พูล จะเป็นทีมที่ใช้เงินมากที่สุด ประมาณ 177 ล้านปอนด์ และหนึ่งในนั้นก็เป็นการทุบสถิติโลกตำแหน่งผู้รักษาประตู หลังเปย์หนักคว้าตัว อลิสซอน เบ็คเกอร์ มือกาวทีมชาติบราซิล จาก โรม่า สูงถึง 67 ล้านปอนด์ โดยก่อนหน้านี้ก็ทุบสถิติกองหลัง โดยค่าตัวสถิติโลกเช่นกัน จากการซื้่อ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
  1. พรีเมียร์ลีก ยังไม่ใช้ระบบ VAR
ถึงแม้เทคโนโลยี VAR กำลังระบาดไปหลายๆลีกทั่วโลก โดยเฉพาะ กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี, บุนเดสลีกา เยอรมัน และล่าสุดคือ ลา ลีกา สเปน แต่กระนั้นสำหรับ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น จะยังไม่มีการใช้ VAR เข้ามาเป็นตัวช่วยผู้ตัดสิน โดยเป็นการลงคะแนนโหวตจากทุกสโมสรในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เท่ากับว่าลูกหนังแดน "ผู้ดี" จะใช้ VAR เพียงแค่การแข่งขัน ฟุตบอลถ้วย อย่าง เอฟเอ คัพ และ คาราบาว คัพ เท่านั้น
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline