logo-heading

การกระเด็นตกรอบ "ช้าง เอฟเอคัพ 2018" ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายคือการปิดฉากความหวังการลุ้นถ้วยแชมป์ทุกรายการในประเทศอย่างเป็นทางการสำหรับ การท่าเรือ เอฟซี

เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาตกรอบ "ลีกคัพ" ไปก่อนแล้ว พร้อมกับในไทยลีก ที่ปัจจุบันรั้งอยู่ที่อันดับ 3 แม้ว่าจะยังมีโอกาสแต่ตามทรงบอลแล้วคงเป็นไปได้ยาก วันนี้ทีมงาน "ขอบสนามบอลไทย" จึงขอไล่เรียงเหตุผลที่ การท่าเรือ เอฟซี ยังไปไม่ถึงฝั่งฝันเสียที ทั้งที่ลงทุนด้วยเม็ดเงินมากกว่าทุกๆ ปีที่ผ่านมา ทั้งการเสริมนักเตะระดับท็อปมากมาย แต่สุดท้ายก็ยังจบด้วยมือเปล่าอีกปี จะมีเหตุผลอะไรบ้างลองไปดูกันนะครับ   5เหตุผลทำไม "เจ้าท่า" ถึงยังไปไม่ถึงฝั่งฝันสักที !!!

1. แข้งตัวหลัก บาดเจ็บบ่อย

แม้ว่าปีนี้ การท่าเรือ เอฟซี จะมีขนาดเชฟทีมที่ใหญ่ขึ้น เพราะซื้อตัวผู้เล่นระดับท็อปเข้ามามากมาย ไล่ตั้งแต่ ดราแกน บอสโควิช, นูรูล ศรียานเก็ม, เควิน ดีรมรัมย์ ขนาดตัวทีมชาติอย่าง บดินทร์ ผาลา ยังเป็นตัวสำรองเลย แต่สุดท้ายขนาดทีมที่ใหญ่กลับต้องเจอปัญหาเดิมซ้ำๆ นั่นคือตัวผู้เล่นเจ็บและก็เป็นหน้าเดิมๆ อย่าง เซร์คิโอ ซัวเรส ที่เจ็บเมื่อไหร่ทีมถอยหลังลงคลองเท่านั้นและปีนี้ปีเดียว "แข้งสเปน" รายนี้เจ็บและต้องพักอย่างต่ำมาแล้วร่วมๆ 2 เดือน หรือล่าสุดอย่าง นูรูล ศรียานเก็ม ที่ต้องนอนเล่นอยู่บ้านร่วม 2 เดือน ซึ่งปัญหานี้เป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกทีมต้องเจอและ ท่าเรือ ก็แก้ปัญหานี้ไม่ได้   5เหตุผลทำไม "เจ้าท่า" ถึงยังไปไม่ถึงฝั่งฝันสักที !!!

2. สำรอง ที่ยังเปลี่ยนทีมไม่ได้

ปัญหาข้อนี้มันจะต่อยอดมาจากข้อที่แล้วทันที เพราะในเมื่อทุกทีมต้องเจอก็ต้องมีแผนสำรองหรือนักเตะสำรองเอาไว้ทดแทน แต่ การท่าเรือ ในปีนี้พอแข้งหลักๆ อย่าง ดราแกน, ซัวเรส หรือ นูรูล เจ็บไป แข้งสำรองก็ยัง "มีดีไม่มากพอ" ในการก้าวขึ้นมาทดแทนแข้งตัวหลัก และในเมื่อสำรองยังแทนไม่ได้ฟอร์มก็เลยกระท่อนกระแท่นยามที่ทีมหลักลงเล่นไม่ได้ทีมก็เลยไปไม่ถึงฝั่งฝันแบบนี้นั่นเองครับ   5เหตุผลทำไม "เจ้าท่า" ถึงยังไปไม่ถึงฝั่งฝันสักที !!!

3. บอสโควิช ที่ไม่เหมือนเดิม

ต้องยอมรับว่าการที่ ท่าเรือ ไปดึงตัว ดราแกน บอสโควิช เข้ามาคงไม่ได้เอามาเพื่อลงประดับทีมเฉยๆ แน่นอน เพราะสถิติเมื่อปีที่แล้ว 38 ลูกกับ ทรู แบงค็อก คือสิ่งที่เจ้าท่าหวังว่ามันจะเกิดขึ้นกับพวกเขาในปีนี้ แต่สุดท้ายแล้วมาถึงตอนนี้ 13 ประตูในไทยลีกหลังผ่าน 25 เกม คือคำตอบชัดเจนว่าเขายังช่วยทีมได้ไม่มากเหมือนที่ทีมตั้งเป้าเอาไว้ โดยเฉพาะในยามที่ ท่าเรือ ไม่มี ซัวเรส ยิ่งทำให้ ดราแกน ดูดร็อปลงไปด้วย เพราะไม่มีลูกคู่คอยเล่นด้วยกัน ซึ่งต้องบอกตรงๆ ว่าปีนี้แนวรุก ท่าเรือ ไม่ได้ช่วยให้ ดราแกน เป็นคนเดิมเหมือนปีที่แล้ว   5เหตุผลทำไม "เจ้าท่า" ถึงยังไปไม่ถึงฝั่งฝันสักที !!!

4. ยิงเยอะ แต่เสียเยอะ เกมรับที่ยังไม่นิ่ง

หลายคนคงรู้ว่าสถิติ การท่าเรือ ปีนี้ไม่ได้เป็นรองใครในเกมรุกเพราะพวกเขาคืออันดับที่ 2 ในไทยลีกเป็นรองเพียงแค่ บุรีรัมย์ ทีมเดียวเท่านั้น แต่ปัญหาของพวกเขาคือเกมรับที่มักจะเสียประตูง่ายๆ ดูได้จากสถิติในไทยลีกที่เสียไปถึง 35 ประตูจาก 25 นัด เฉลี่ยนัดละ 1 ประตูนิดๆ เลยก็ว่าได้ ซึ่งตรงนี้จะไปโทษกองหลังอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองให้เป็นภาพรวมที่กองกลางชุดนี้ของ "เจ้าท่า" ไม่มีตัดเกมแบบฮาร์ดคอเลย เพราะตัวที่ลงประจำทั้ง ศิวกร หรือ คิม ซุง วาน ก็ไม่ใช่ตัวตัดเกมเป็นตัวทำเกมมากกว่า ทำให้คู่แข่งเข้าหน้าบ้านได้ง่ายๆ ดังนั้นจุดนี้ท่าเรือควรหันกลับมามองได้แล้วว่าปัญหาตรงนี้มันเกิดขึ้นจริงๆ   5เหตุผลทำไม "เจ้าท่า" ถึงยังไปไม่ถึงฝั่งฝันสักที !!!

5. เซอร์เด็จ ยังไม่หลากหลายมากพอ

การทำทีมเป็นแชมป์บางทีมันต้องการอะไรที่มากกว่าการทำหรือการเล่นแบบเดิมๆ ซ้ำๆ เราจะเห็นในปีที่ เมืองทอง คว้าแชมป์พวกเขามีความหลากหลายในเกมรุกมากๆ เพราะด้วยศักยภาพนักเตะที่สามารถเล่นได้ทั้งลูกตามช่องหรือแม้แต่การครอสบอลจากด้านช้าง เช่นเดียวกับ บุรีรัมย์ เมื่อปีที่แล้วที่คว้าแชมป์พวกเขาไม่มีได้มีแค่ ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต แต่พวกเขายังมี ชาช่า โคเอลโญ่ มาช่วแบ่งเบาภาระจนสามารถช่วยกันเล่น ช่วยกันยิง จนทีมเป็นแชมป์ แต่ ท่าเรือ ในการทำทีมของ เซอร์เด็จ ต้องยอมรับว่าความหลากหลายยังไม่มากพอ เราจึงเห็นเกมของ ท่าเรือ ที่มักจะใช้อาวุธเด็ดจากการคลอสด้านข้างเพราะมีตัวเปิดดีๆ อย่าง เควิน ดีรมรัมย์ และ ปกรณ์ เปรมภักดิ์ แต่พอแผนนี้ไม่ได้ผลก็มักจะตกม้าตายเหมือนที่เราเคยเห็นๆ กันมา ซึ่งต้องนี้ผมว่าเซอร์น่าจะรู้ดี แต่จะแก้ยังไงกคงต้องว่ากันไปในแต่ละเกม เพราะบางทีนักเตะที่มีอยู่มันอาจจะยังไม่ตอบโจทย์แผนอื่นๆ มากนักก็เป็นได้    

บทความโดย : บอลกูรู (เจษดาพร ศรีสรง)

ภาพจาก : การท่าเรือ เอฟซี 

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline