logo-heading

คอนซาโดเล ซัปโปโร นี่คือคลับลูกหนังจากแดนอาทิตย์อุทัยที่ชื่อติดหูแฟนบอลไทยมากสุดทีมหนึ่งในช่วง 2 ปีหลังสุด เนื่องจากเป็นต้นสังกัดของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ดาวเตะดีกรีทีมชาติไทย และแข้งร่างเล็กจากสามพราน นครปฐม ใช้ความสามารถถีบตัวเองจนก้าวมาเป็นตัวหลักได้อย่างน่าภาคภูมิใจภายในเวลา1 ปีเท่านั้น

แม้ซัปโปโร จะเป็นเมืองใหญ่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทำเงินในแดนอาทิตย์อุทัย แต่ในแง่ในของฟุตบอลสโมสรประจำเมือง นี่ไม่ใช่เต้ยลูกหนังเท่าที่ควร แม้จะมีรังเหย้าใหญ่เคยผ่านสังเวียนฟุตบอลโลก 2002 มาแล้ว อย่างซัปโปโร โดม สโมสรแห่งนี้วนเวียนขึ้นลงระหว่างลีกสูงสุดในประเทศแล้วก็หล่นชั้นมาเล่นในเจลีก 2 เป็นว่าเล่น จนกระทั่งสิ้นสุดฤดูกาล2017 ทีมนกฮูกแห่งฮอกไกโดรอดตายในเจลีกเป็นหนแรก และเวลานี้ทีมก็ยกระดับเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าจนทะยานมาอยู่กลุ่มนำในลีก ขอบสนามขอคัดสรร 5 เหตุผลที่พลิกโฉมหน้าคอนซาโดเล่ ซัปโปโร จากทีมหนีตายสู่หัวตารางเจลีกภายในเวลาแค่ 8 เดือน 1.ใช้โค้ชนอกประสบการณ์สูง 5 เหตุผลพลิกโฉมหน้าซัปโปโรทีมหนีตายสู่หัวตารางเจลีก หลังรอดพ้นการตกชั้นเจลีก 2017 บอร์ดบริหารคอนซาโดเล่ ซัปโปโร รู้ดีว่าชูเฮ โยโมดะ กุนซือที่ร่วมหัวจบท้ายมายาวนานตั้งแต่ปี2015 นั้นดีไม่พอที่จะบัญชาการข้างสนามในฐานะกุนซือใหญ่ จึงตัดสินใจเปลี่ยนแปลงดึงตัว มิไฮโล เปโตรวิช โค้ชจอมเก๋าชาวเซิร์บ ที่หากันในลีกอาชีพญี่ปุ่น ยาวนานร่วม 12 ปี ทั้งซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่า และ อูราวะ เรดส์ ไดมอนส์ เข้ามาทำทีมแทน เปโตรวิช นั้นรู้จักทุกซอกทุกมุมวงการฟุตบอลญี่ปุ่น เขารู้ดีว่าซัปโปโรไม่ได้มีทุนมากมายสร้างผู้เล่นตามใจชอบ เขาจึงเน้นทรัพยากรภายในทีมที่มีอยู่ และใช้ระบบ 3-4-3 สร้างความสมดุล ด้วยการใช้ทีมเวิร์คเข้าสู้กับคู่แข่ง  มากกว่าที่จะเน้นวัน-แมนโชว์ ยึดติดที่ตัวบุคคล จนกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งยากที่ใครจะมาขโมยแต้มจากพวกเขาไปได้ในปี 2018 2.เกมรับแน่นหนา 5 เหตุผลพลิกโฉมหน้าซัปโปโรทีมหนีตายสู่หัวตารางเจลีก จุดเด่นของพวกโค้ชจากคาบสมุทรบอลข่าน (พวกเซิร์บ, บอสเนียน หรือโครแอตคือ) มักมีติดตัวมาอยู่เสมอ เรื่องของการเน้นอุดแพ็คเกมรับให้มีความแน่นหนาเป็นลำดับแรก ในกรณีที่เจาะประตูคู่แข่งไม่ได้ ก็อย่าไปเสียประตูก่อน เปโตรวิช รู้ว่าเมื่อใช้แท็คติกเข้าสู้ทีมรองบ่อนอย่างเขา จำเป็นต้องมีเกมรับที่แข็งแกร่งยากที่คู่ต่อสู้จะมาเข้าเจาะ ระบบกองหลัง 3 ตัว อาจมีจุดบอดอยู่ตรงช่องว่างระหว่างเซ็นเตอร์ฮาล์ฟกับวิงแบ็คซ้ายและขวา แต่ เปโตรวิช ใช้วิธีการเล่นคุมโซน สั่งวิงแบ็คเติมเกมบุกเท่าที่จำเป็น รักษาระยะห่างเพื่อให้ลงมาช่วยเกมรับ ซึ่งดูไปดูมาซัปโปโร เกมรับบางนัดเหมือนยืนกองหลัง 5 คน ซึ่งผลลัพธ์ที่ตามมาในซีซั่น 2018 เมื่อผ่านการลงสนามไป 24 เกมในลีก พวกเขาเสียไป 23 ประตู หากเทียบกับเมื่อฤดูกาลก่อน โดนยิงไป 47 ประตู เรียกว่าลดลงไปจากเดิม 3.ผู้เล่นเก๋าประคองทีมได้ 5 เหตุผลพลิกโฉมหน้าซัปโปโรทีมหนีตายสู่หัวตารางเจลีก เมื่อมิไฮโล เปโตรวิช เข้ามาทำทีมซัปโปโร เขาไม่ได้ดึงลูกน้องเก่าที่อูราวะ เรดส์ ไดมอนส์ มาร่วมทีม แต่อาศัยการหยิบยื่มพวกดาวรุ่งไร้ประสบการณ์ในเจลีกเข้ามาเสริมทีมแทน ผนึกกำลังกับกลุ่มนักเตะจอมเก๋าภายในทีม กลับกลายเป็นว่าเป็นการผสมผสานเคมีที่ลงตัวมาก เปโตรวิช ใช้แข้งเก๋าเป็นแกนหลัก คือแดนหน้าวาง เจย์ โบธรอยด์ กองหน้าที่อายุอานาม 36 ปี และ เคน โทกูระ อาศัยความสูงใหญ่ร่างกายให้เป็นประตูเน้นการเข้าทำประตูแบบโป้งเดียวจอด และฮิโรชิ มิยาซาว่า กองกลางหมายเลข 10 คือคนคุมจังหวะบอลจากแนวรับเปลี่ยนเป็นเกมรุก โดยทั้ง 3คนมีบทบาทสำคัญต่อซัปโปโรในซีซั่นนี้ เพราะประสบการณ์ของพวกเขาช่วยประคับประคองแข้งดาวรุ่งอายุน้อยภายในทีมให้โชว์ฟอร์มเจ๋งออกมาได้แบบชนิดหักปากกาสื่อหลายสำนักในประเทศ 4.มีแนวรุกรูปร่างเล็กที่เทคนิคเยี่ยม 5 เหตุผลพลิกโฉมหน้าซัปโปโรทีมหนีตายสู่หัวตารางเจลีก ฟุตบอลเจลีก ญี่ปุ่น สโมสรชั้นนำส่วนใหญ่จะใช้ผู้เล่นเกมรุกต่างชาตินำเข้าจากบราซิล หรือไม่ก็เป็นนักเตะญี่ปุ่นที่มีทีเด็ดในการเปิดบอลหรือยิงฟรีคิก ซึ่งเราไม่ค่อยได้เห็นนักเตะประเภทรูปร่างเล็กมากเท่าไหร่ แต่สำหรับซัปโปโร พวกเขามีจุดเด่นแตกต่างกว่าชาวบ้านทั่วไป คือคีย์แมนเกมรุกจัดอยู่ในประเภทสร้างความต่างได้ อย่างเลี้ยงกินตัวจี้ใส่คู่ต่อสู้ ทั้ง ชนาธิป สรงกระสินธ์, โคจิ มิโยชิ, โยชิอากิ โคมาอิ, ไดกิ ซูงะ เรียกว่าเปโตรวิช มีอาวุธเด็ดที่หลายทีมได้แต่อิจฉา 5.ทำประตูสำคัญท้ายเกมเป็นประจำ 5 เหตุผลพลิกโฉมหน้าซัปโปโรทีมหนีตายสู่หัวตารางเจลีก หนึ่งสิ่งที่เพิ่มเข้ามาสำหรับซัปโปโร ในเจลีกซีซั่นนี้ จนกลายเป็นไคลแม็กซ์สำคัญคือพวกเขามักชอบทำประตูสำคัญในช่วงจังหวะชี้เป็นชี้ตาย มีถึง 9 เกมที่ซัปโปโร ทำประตูในช่วง 20 นาทีสุดท้าย และเก็บแต้มได้ถึง 25 คะแนน เรียกว่าเป็นทีมตายยากจริงๆสำหรับพลพรรคนกฮูกจากแดนเหนือ จนอันดับในตารางขยับขึ้นมาอยู่กลุ่มท็อปโฟร์ในลีกแบบที่พวกเขาไม่เคยทำได้มาก่อน และมีความหวังลุ้นโควตาเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีกในปีหน้าอีกด้วย

ทั้งนี้ทีมงานขอบสนามขอแสดงความเสียใจต่อเหตุภัยพิบัติในจังหวัดฮอกไกโด และขอให้ชาวเมืองทุกท่านปลอดภัยจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ครับ

นิรนาม

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline