logo-heading

อีกเพียงแค่ 6 เกมเท่านั้น “ไทยลีก 2018” ก็จะจบลง ซึ่งไฮไลท์ของช่วงโค้งสุดท้ายนั้น ดูเหมือนว่า ทุกสายตาจะไม่ได้จับจ้องไปที่การลุ้นแชมป์ซะแล้ว เพราะ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นั้น นำห่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ไปแล้วถึง 9 แต้ม เรียกได้ว่า ยากเหลือเกินที่จะตามทัน และจะสามารถแซงได้

ส่วนตำแหน่งรองแชมป์ที่ได้สิทธิ์ลุยศึกเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก ก็เห็นจะเป็นตำแหน่งของ “แข้งเทพ” แบบเกือบจะแบเบอร์ไปแล้วเช่นกัน เพราะมีแต้มนำห่าง “กิเลนผยอง” เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมอันดับสาม อยู่ถึง 9 แต้มเช่นเดียวกัน “แชมป์ กับ รองแชมป์ เหมือนจะเห็นภาพกันไปแล้วเกือบ 100%” ฉะนั้น ไฮไลท์แต่ละสัปดาห์ ถูกถ่ายเทไปที่การหนีตกชั้น ซึ่งซีซั่นนี้ จะต้องมีทีมตกชั้นทั้งหมดถึง 5 ทีมด้วยกัน เพื่อการปรับลดสโมสรให้เหลือ 16 ทีมในปีหน้า ปัจจุบันการหนีตกชั้นนั้น มีหนึ่งทีมที่ไม่รอดแน่นอนเรียบร้อยแล้ว นั่นคือ “อินทรีทัพฟ้า” แอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี ที่ต้องโบกมือบ๊ายบาย ลงไปเที่ยวทั่วไทยอีกครั้งในลีก T2 ทำให้ขณะนี้ก็เหลือโควตาการตกชั้นที่ไม่มีใครอยากได้อีกจำนวน 4 ที่นั่ง โดย 2 ที่นั่งในการลงสู่ลีกรองนั้น อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด ที่ห่างจากโซนปลอดภัย 12 แต้ม และ ราชนาวี ที่ห่างอยู่ 8 แต้มนั้น เป็นเรื่องยากถึงยากมากที่พวกเขาจะพลิกสถานการณ์ได้ในช่วง 6 นัดสุดท้าย ฉะนั้น แม้ในทางทฤษฎีแล้ว ยังพอมีโอกาสให้ “เทพอินทรี” กับ “ตะหานน้ำ” รอดพ้นอย่างปาฏิหาริย์ แต่ในทางปฏิบัติก็ต้องให้แฟนบอล “ทำใจ” ไว้ในระดับหนึ่งเลย ดังนั้น ก็จะเหลือโควตาอีกเพียง 2 ทีมสุดท้าย ซึ่งปัจจุบัน มีอยู่ถึง 8 ทีมที่เข้าข่ายยังต้องดิ้นรนหนีกการตกชั้น นับตั้งแต่ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ทีมอันดับ 8 ของตารางที่มี 39 แต้ม จนไปถึงทีมอันดับ 15 อย่าง สุโขทัย เอฟซี ที่มี 33 แต้ม อันดับ 8 ถึงอันดับ 15 จำนวนถึง 8 ทีมด้วยกัน ที่ยังต้องดิ้นรน เพื่อไม่ต้องเป็น 2 ทีมสุดท้าย ที่จะต้องตกชั้นลงไป ไล่ตั้งแต่ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี, ชลบุรี เอฟซี, บางกอกกล๊าส เอฟซี, ราชบุรี มิตรผล เอฟซี, ชัยนาท ฮอร์นบิล, สุพรรณบุรี เอฟซี, โปลิศ เทโร เอฟซี และ สุโขทัย เอฟซี เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้ชมเกมระหว่าง การท่าเรือ เอฟซี ที่เปิดบ้าน สนาม แพท สเตเดี้ยม พบกับ ชัยนาท ฮอร์นบิล ซึ่งผมขออนุญาตหยิบยกเกมนี้ เป็นเคสตัวอย่างในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ในเกมดังกล่าว เจ้าบ้านได้จุดโทษก่อน ซึ่งกรรมการ วิวรรธน์ จำปาอ่อน ได้ขอดู VAR ก่อน และยืนยันตัดสินให้เป็นลูกโทษ แต่ทว่า ดราแกน บอสโควิช ยิงจุดโทษไม่เข้า จนมาโดนทีมเยือนทำประตูขึ้นนำไปได้ 1-0 ซึ่งนับเป็นประตูที่สำคัญอย่างมากของ “นกใหญ่พิฆาต” เนื่องจากพวกเขาต้องการสามแต้มในการดิ้นรนหนีตกชั้น แต่ท้ายที่สุด ก็เกิดประตูปัญหาจนได้ จากจังหวะที่ อาทิตย์ บุตรจินดา มีมือไปผลักที่หลังของนักเตะชัยนาท ก่อนที่จะทำให้เสียหลักจนฉกบอลเข้าไปยิงตีเสมอได้สำเร็จนั้น ซึ่งจังหวะดังกล่าว ทางกรรมการ วิวรรธน์ จำปาอ่อน ก็ได้ขอดู VAR เข่นเดิม และยังยืนยันคำตัดสินเดิม หลังจากจบเกม แน่นอนครับ ฝ่ายเสียหายอย่าง “ชัยนาท ฮอร์นบิล” นำโดย ''เฮียรุท'' อนุรุทธิ์ นาคาศัย รองประธานสโมสรและผู้จัดการทีม ได้ทำหนังสือยื่นประท้วงการทำหน้าที่ของผู้ตัดสินอย่าง ''วิวรรธน์ จำปาอ่อน'' ต่อฝ่ายจัดการแข่งขัน ผมได้เห็นทั้งภาพสดๆ ระหว่างถ่ายทอดสด และจากการรีรันนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งก็ต้องยอมรับจริงๆ ว่า ทางด้านของ “เจ้านุ๊ก” มีการใช้มือช่วยในการเล่น และผลักไปที่บริเวณหลังของนักเตะชัยนาทจริง แต่โอเค จุดนึงก็ต้องยอมรับว่า สุดท้ายแล้ว เมื่อกรรมการดู VAR แล้ว ก็ต้องอยู่ที่ดุลยพินิจของกรรมการผู้ตัดสินที่ได้สิทธิ์ขาดในสนาม สุดท้าย การประท้วงที่เกิดขึ้น ก็น่าจะเป็นเหมือนเดิม คือ เปลี่ยนแปลงผลการแข่งขันไม่ได้ แต่อาจจะมีบทลงโทษกรรมการผู้ตัดสิน หรือไม่มี แล้วแต่กรณี ซึ่งหนึ่งแต้ม ที่การท่าเรือ เอฟซี ได้มานั้น ทำให้พวกเขามีแต้มขยับขึ้นเป็น 49 แต้ม กลายเป็นอันดับ 4 ของตาราง แต่ก็ยังมีโอกาสคว้าอันดับสาม ซึ่งมีสิทธิ์ลุยเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก รอบคัดเลือกได้ หากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คว้าดับเบิ้ลแชมป์มาครองได้ โดย “สิงห์เจ้าท่า” มีแต้มตามหลัง “กิเลนผยอง” คู่ปรับตลอดกาลอยู่ 2 แต้มเท่านั้น ส่วน 1 แต้มที่ ชัยนาท ฮอร์นบิล ได้มานั้น ในสายตาของพวกเขา ก็คงคิดว่า พวกเขาแต้มหายไป 2 แต้มจากจังหวะปัญหาดังกล่าว โดยปัจจุบันพวกเขามี 34 แต้ม อยู่อันดับที่ 12 ของตาราง ซึ่งห่างจากสามทีมที่มี 33 แต้ม อยู่เพียง 1 แต้มเท่านั้น ซึ่งถ้าเกมในวันนั้น จบลงด้วยชัยชนะของ “นกใหญ่พิฆาต” พวกเขาจะมีแต้มขยับเป็น 36 แต้ม ทำให้แซง ราชบุรี มิตรผล เอฟซี และแต้มทาบ บางกอกกล๊าส เอฟซี ด้วยซ้ำ การหนีตกชั้นของพวกเขาจะหายใจคล่องคอแค่ไหน ลองคิดดู หากวันนั้น ได้สามแต้ม อีก 6 เกมที่เหลือของไทยลีก ที่มีการชิงตั๋วหนีตายเป็นเดิมพัน มันต้องมีความดุเดือดเลือดพล่านอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการพบกันของทีมหนีตกชั้น ฉะนั้น “การตัดสินในจังหวะต่างๆ ต้องเด็ดขาดนะครับ ต้องมี VAR หรือมีเหตุผลรองรับว่า ทำไมถึงได้ ทำไมถึงไม่ได้” เพราะการตกชั้นแบบมีคำถามค้างคาใจของแฟนบอลนั้น เป็นเรื่องไม่สนุกอย่างแน่นอน…                                                                                                                  “จอน”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline