logo-heading

จบคำถามที่สงสัยกันเสียทีว่า “เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2018 ปลายปีนี้ทีมชาติไทยจะเรียก 4 นักเตะที่ไปค้าแข้งต่างแดนกลับมาหรือไม่ เมื่อ มิโลวาน ราเยวัช บอกแล้วว่า “ไม่”

เหตุผลหลักคือเกมชิงแชมป์อาเซียนที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ตรงกับช่วง “ฟีฟ่าเดย์” การแข่งขันที่ยาวนานตั้งแต่เปิดสนามวันที่ 8 พ.ย.ไปจนถึงนัดชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 วันที่ 15 ธ.ค.คงเป็นไปไม่ได้ที่นักเตะที่เล่นในลีกที่ยังไม่จบฤดูกาลจะได้กลับมารับใช้ชาติ ช่วงเวลานั้น “โอเอช ลูเวิน” ของ “ตอง” กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ กำลังลุย “พรอกซิมัสลีก” หรือดิวิชั่น 2 เบลเยียม ในช่วงจบสเตจที่ 1 เริ่มต้นสเตจที่ 2 ส่วน 3 หนุ่มในแดนซามูไรทั้ง “มุ้ย” ธีรศิลป์ แดงดา “เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ต้องลุย “เจลีก” ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนปิดฤดูกาลวันที่ 1 ธ.ค. แม้เดือนพฤศจิกายนจะมี “ฟีฟ่าเดย์” วันที่ 12-20 พ.ย. แต่คิวเตะของไทยใน “ซูซูกิคัพ” จะมีแค่นัดเดียวที่ตรงช่วงเวลานั้นคือการพบ อินโดนีเซีย วันที่ 17 พ.ย. เมื่อระยะเวลาไม่ได้กัน “ราเยวัช” จึงตัดสินใจไม่เรียก “จตุรเทพ” ทั้ง 4 คนลุย “ซูซูกิคัพ” เอาไว้ว่ากันอีกทีในรายการที่ใหญ่กว่า หนักกว่า อย่าง “เอเชี่ยนคัพ 2019” ช่วงต้นปี 62

ใครจะแทน “จตุรเทพ” บู๊ “ซูซูกิคัพ” ?

คำถามที่น่าสนใจคือ.... “ราเยวัช” จะเรียกใครมาแทนทั้ง 4 คนนี้ใน “ซูซูกิคัพ” ?

ถึงตรงนี้ “ราเยวัช” ยังมีเวลาพอที่จะพิจารณาและเลือกนักเตะที่จะมาทดแทน ทั้งดูจากฟอร์มใน “ไทยลีก” และเกมอุ่นเครื่องของ “ช้างศึก” ที่รออยู่ 2 นัด ทีมชาติไทยมีคิวอุ่นเครื่องอีก 2 เกมในช่วง “ฟีฟ่าเดย์” รอบต่อไป วันที่ 11 ต.ค.เยือน ฮ่องกง แล้ววันที่ 14 ต.ค.กลับมาเล่นในบ้านที่สนามกีฬากลางจังหวัดสุพรรณบุรีเจอ ตรินิแดด น่าสนใจว่าจะมีนักเตะหน้าใหม่ๆถูก “ราเยวัช” เรียกเข้ามาบ้างหรือเปล่า หรือถ้าเรียกมาแล้วจะโดดตัดออกตอนไหน เพราะพักหลังๆตัวผู้เล่นมักไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง แต่ด้วยเหตุผลที่ว่า 4 นักเตะในต่างแดนไม่ได้มาร่วมทีมก็น่าจะเป็นการบังคับให้ “ราเยวัช” จำเป็นต้องเปิดโอกาสให้หลายๆคนในทีมชาติไทยบ้าง ลองไล่เรียงตามตำแหน่งต่างๆที่ตัวหลักทั้ง 4 คนขาดหายไปใน “ซูซูกิคัพ” แล้วต้องถือว่ามีทั้งเลือกไม่ยากและไม่ง่าย ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูที่ “ตอง” ไม่มา และ “ซูเปอร์ตี๋” สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ประกาศเลิกเล่นทีมชาติไทยไปแล้วก็ถือว่าหาไม่ยาก ใครจะแทน “จตุรเทพ” บู๊ “ซูซูกิคัพ” ? ทั้ง “แชมป์” ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน และ “บอย” ฉัตรชัย บุตรพรม น่าจะเข้าตาที่สุดทั้งฝีไม้ลายมือและประสบการณ์ ขยับมาที่ริมเส้นฝั่งซ้ายในตำแหน่งของ “อุ้ม” ตรงนี้อาจต้องพิจารณาเยอะหน่อย เพราะต้องเลือกว่าจะเอา “ตัวบน” หรือ “ตัวล่าง” จะรับหรือรุก ปกติแล้ว “ราเยวัช” จะให้ “อุ้ม” เล่นตัวบน แล้วเอา “โน๊ต” พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา เล่นตัวล่าง แต่เมื่อ “อุ้ม” ไม่มาจะขยับยังไงยังเดาใจไม่ถูก ใครจะแทน “จตุรเทพ” บู๊ “ซูซูกิคัพ” ? แต่ถ้าดูจากฟอร์มในลีก ฝั่งซ้ายตอนนี้ฮอตที่สุดน่าจะ “มิ้ง” กรกช วิริยะอุดมศิริ หรือ “พี” ศศลักษณ์ ไหประโคน ที่เพิ่งหายเจ็บกลับมานี่เล่นได้โดดเด่นทั้งริมซ้าย-ขวา

ที่น่าหนักใจเป็นตัวรุกในตำแหน่งของ “เจ” กับ “มุ้ย” มากกว่าที่ “ราเยวัช” อาจต้องปวดหัวมากหน่อย !!!

ตรงกลางรุกหรือหน้าต่ำมีหลายชื่อที่ส่งเข้าประกวด ทั้งคนที่ติดทีมชาติอยู่แล้วอย่าง “โน๊ต” จักรพันธ์ แก้วพรม ที่ว่ากันว่าดันถูกจับไปใช้งานผิดตำแหน่งในทีมชาติไทย ใครจะแทน “จตุรเทพ” บู๊ “ซูซูกิคัพ” ? ขณะที่ตัวใหม่ที่ฟอร์มเด่นในลีกและหลายคนเชียร์คือ “ตั๊ก” สุมัญญา ปุริสาย ที่เป็นนักเตะไทยที่ยิงประตูมากที่สุดในตอนนี้ รวมถึงดาวรุ่งอย่าง “อาร์ม” ศุภชัย ใจเด็ด ที่ทำผลงานได้ดีกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และขยับไปเล่นกองหน้าได้จนแจ้งเกิดใน “เอเชี่ยนเกมส์” ที่ผ่านมา ตำแหน่งกองหน้าจริงๆนี่แทบไม่มีให้เลือก สโมสรส่วนใหญ่ใช้ต่างชาติทั้งนั้น มองดูรายชื่อแล้วมีหัวหอกคนไทยเพียงไม่กี่ราย เมื่อ “มุ้ย” ไม่มาจึงเป็นปัญหาใหญ่ !!! ศูนย์หน้าที่มีประสบการณ์ในทีมชาติไทยมาไม่น้อยอย่าง “กอล์ฟ” อดิศักดิ์ ไกรษร หายเจ็บแล้ว แต่จะสมบูรณ์แค่ไหนต้องว่ากันอีกที ใครจะแทน “จตุรเทพ” บู๊ “ซูซูกิคัพ” ? ที่น่าสนใจมากๆอีกรายคือ “ทู” ชนานันท์ ป้อมบุบผา ที่ช่วงนี้ฟอร์มค่อนข้างดี ส่วนที่มีคนแอบเชียร์มีทั้งชื่อของ “ลีซอ” ธีรเทพ วิโนทัย และ “เก่ง” สุรชาติ สารีพิมพ์ รายชื่อที่ร่ายเรียงมาแค่เป็นมุมมองจากที่เห็นฟอร์มในลีกเท่านั้น บางคนฟอร์มดีในสโมสรก็ใช่ว่าจะดีในทีมชาติเสมอไป เพราะ “ตัวประคอง” มันต่างกัน แต่ทั้งหมดทั้งมวลอยู่ที่ “ราเยวัช” ว่าจะพิจารณาเลือกใครมาติดทีมชาติไทยบ้าง แน่นอนว่าคงไม่ถูกใจทุกคน เพราะหากจะให้ถูกใจทุกคนคงต้องเรียกนักเตะทั้งลีกมาติด

ไม่ต้อง “ดราม่า” เรื่อง “เด็กเส้น” เพราะเชื่อว่าไม่มีแน่ แต่คำว่า “โค้ชชอบ” น่ะมีชัวร์ และจงจำเอาไว้ว่า....ท้ายที่สุดแล้วโค้ชคือคนที่ต้องรับผิดชอบผลงานตามที่ตัวเองเลือกมา

“บับเบิ้ล”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline