logo-heading

ไทยลีกกำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายเพื่อให้เวลาทีมชาติไทย ได้เตรียมทีมทันซูซูกิ คัพ 2018 และเป็นที่แน่นอนว่ามิโลวาน ราเยวัช จะไม่มีคำกล่าวอ้างในเรื่องการเรียกนักเตะที่คุ้นเคยอีกต่อไป

ผู้เล่น 4 รายที่ไปค้าแข้งยังต่างแดนจะไม่ถูกเรียกตัวมาเล่นในทัวร์นาเมนต์ปลายปีแน่นอน และนั้นคือการบ้านชิ้นใหญ่ที่บุรุษชาวเซิร์บต้องไปขบคิดจะเฟ้นหานักเตะผลงานในไทยลีกอย่างไรให้เข้ามาอยู่ทีมชุดป้องกันแชมป์อาเซียนเป็นสมัยที่ 6 ราเยวัช เข้ามาทำทีมชาติไทย 1 ปีกับเวลาอีกประมาณ 4 เดือน ผู้เขียนได้เห็นบางสิ่งบางอย่างเวลาที่กุนซือชาวเซิร์บเรียกนักเตะประเภทหน้าเดิมๆติดทีมชาติ ซึ่งจุดนี้มันสะท้อนและตีโจทย์ให้รู้สึกว่า อุปสรรคใหญ่ๆมันมาจากทรัพยากรหลายๆตำแหน่งนั้นโดนบทบังจากผู้เล่นนำเข้าจากต่างแดน ขอบสนามชำระแหละ 5 ตำแหน่งที่ทีมชาติไทยขาดหาย และจำเป็นต้องสร้างขึ้นมาก่อนที่มันจะสายเกินไป 1.เซ็นเตอร์แบ็ค 5 ตำแหน่งที่ทีมชาติไทยขาดแคลนยุคสมัยใหม่ เซ็นเตอร์แบ็ค เปรียบเสมือนป้อมปราการด่านสุดท้าย ค่อยพิทักษ์หลังบ้าน ค่อยสกัดกั้นไม่ให้แนวรุกคู่ต่อสู้ ฝ่าด่านมาพังประตู ในอดีตทีมชาติไทยผลิตแข้งในตำแหน่งดังกล่าวเยอะแยะมากมาย ทั้ง 2 โคตรบอลหมายเลข 7 ต่างยุคต่างสมัย อํานาจ เฉลิมเชาวลิต, นที ทองสุขแก้ว ที่เปี่ยมไปด้วยทักษะยอดเยี่ยม การอ่านเกมที่ยอดเยี่ยม, สมศักดิ์ คํามณี, อดิพงษ์ นุกรณ์นวรัตน์, ไพโรจน์ พ่วงจันทร์ ที่แข็งแกร่งดุดันโหดเหี้ยม สกัดบอลได้เด็ดขาด จนคู่แข่งขยาดไปตามๆกัน ต่อยอดมาถึงยุค 90 เช่นโชคทวี พรหมรัตน์,พัฒนพงษ์ ศรีปราโมทย์, สัจจา ศิริเขตต์, นิเวศ ศิริวงศ์, ณัฐพร พันธ์ฤทธิ์, เกียรติประวุฒิ สายแวว ที่จัดอยู่ในแถวหน้าของวงการลูกหนังแดนสยาม ที่สลับสับเปลี่ยนมารับใช้ชาติ แม้ว่าในยุคสมัยปัจจุบัน พรรษา เหมวิบูลย์ แนวรับร่างโย่งจากบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ขยับขึ้นมาแจ้งเกิดประดับวงการลูกหนังไทยก็ตามที แต่ทีมชาติยังเจอปัญหาในการให้กำเนิดผู้เล่นตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คหน้าใหม่อยู่วันอย่างค่ำ เนื่องจากหลายสโมสรมักนิยมชมชอบใช้บริการโควต้าต่างชาตินั้นเอง นั้นจึงกลายเป็นเรื่องยากที่เราจะได้เห็นผลผลิตดีๆมาประดับวงการเพิ่ม และโอกาสดาวรุ่งจึงมีน้อยเต็มที และทำให้บ้างครั้ง มิโลวาน ราเยวัช ต้องไปเอากองหลังตัวสำรองที่ไม่ค่อยมีโอกาสลงเล่นในลีกมาติดทีมชาติแทน 2.แบ็คขวามีวินัยเกมรับ 5 ตำแหน่งที่ทีมชาติไทยขาดแคลนยุคสมัยใหม่ ฟุตบอลสมัยใหม่ผู้เล่นฟูลแบ็คมีอิทธิพลมากในการขึ้นเกมสร้างจังหวะให้เพื่อนร่วมทีม ในช่วงเวลาที่บอลไทยอุดมไปด้วยแบ็คซ้ายชั้นดีเดินกันให้ทั่วไทยลีก แต่สำหรับผู้เล่นไทยในตำแหน่งเกมรับฝั่งขวายังคงประสบปัญหามายาวนาน นับตั้งแต่หมด สุรีย์ สุขะ เราแทบไม่พบเห็นใครที่เข้ามาสานต่อตำแหน่งดังกล่าวได้ดี ที่ผ่านมาทีมชาติไทยไม่เคยขาดแบ็คดีๆ ทั้งสุพล เสนาเพ็ง,กฤษดา เพี้ยนดิษฐ์, สิงห์ โตทวี, สุทิน ไชยกิตติ ที่เล่นได้ครบเครื่องเกมรุกดีรู้หน้าที่ป้องกันเกมรับ ยุคสมัยใหม่มีแบ็คขวาหลายรายสลับสับเปลี่ยนขึ้นมาติดธงทีมชาติ ทั้ง นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, ฟิลิป โรลเลอร์,ทริสตอง โด แต่ชื่อที่เอ่ยมานั้นมีจุดบอดในการเล่นเกมรับแทบทั้งสิ้น คือตะบี้ตะบันมัวแต่เล่นเกมบุก แต่หน้าที่ของตัวเองในเกมรับกลับทำไม่ได้ เมื่ออะไหล่ในยุคปัจจุบันไว้เนื้อเชื่อใจไม่ได้ นั้นจึงให้ แบ็คขวาเรามองตัวเลือกยากเต็มทีที่ให้จะขึ้นมาเป็นตัวหลักฝากผีฝากไข้ได้ แม้ ศศลักษณ์ ไหประโคน กำลังไปได้สวยในการเล่นแบ็คกับบุรีรัมย์ แต่กระดูกเวทีระดับชาติมันต้องใช้เวลาพอควร 3.กองกลางตัวรับธรรมชาติ 5 ตำแหน่งที่ทีมชาติไทยขาดแคลนยุคสมัยใหม่ กองกลางตัวรับหมายเลข 6 สำหรับทีมชาติไทยมันเริ่มค่อยๆมีตัวเลือกน้อยลงไปทุกที แม้ ธนบูรณ์ เกษารัตน์ จะอยู่ในราดาร์ของใครหลายๆคน แต่เราต้องยอมรับ ตัวเลือกที่ 2 และ 3 เป็นอะไหล่ฉุกเฉินเพื่อสลับสับเปลี่ยน โดยที่เราจะอิงอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ อดุล หละโสะ ก็อยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิตการค้าแข้ง, วัฒนา พลายนุ่ม ก็ถูกจับไปเล่นตำแหน่งอื่นที่ไม่ถนัด, สารัช อยู่เย็น ก็ไม่ใช้นักเตะสไตล์นี้ แถมเด็กจากทีมชุด23 ปี ชั้นเชิงก็ดีไม่พอจะขึ้นมาเป็นชุดใหญ่ นั้นจึงทำให้ทีมชาติไทย ยังหานักเตะแบบฉบับ เสนาะ โล่งสว่าง, นิรุจน์ สุระเสียง, อิศวะ สิงห์ทอง ไม่เจอสักที กองกลางในประเภทที่ว่าพร้อมหยุดคู่ต่อสู้ทำลายเกมรุกคู่แข่งก่อนเข้าถึงหน้าเขตโทษคู่แข่ง ที่ผ่านมาเราจึงเห็นโค้ชทีมชาติไทย หลายๆคนพยายามจับนักเตะประเภทอเนกประสงค์ วิ่งไปเอาบอลได้ทั่วสนาม เล่นเกมรับสุดตั้งแต่เขตโทษฝ่ายตัวเอง และเล่นเกมรุกขึ้นสุดจนถึงเขตโทษของคู่ต่อสู้ เหมือนอย่างที่ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, จักรพันธ์ แก้วพรม เล่นกับสโมสรตัวเอง 4.เพลย์เมกเกอร์หมายเลข 10 5 ตำแหน่งที่ทีมชาติไทยขาดแคลนยุคสมัยใหม่ ผู้เล่นหมายเลข 10 จอมทัพหรือเพลย์เมกเกอร์ คือตำแหน่งที่ใครหลายคนใฝ่ฝันอยากเป็น เพราะมันคือหัวใจสำคัญในเกมรุก ออกบอลปั้นเกมให้ศูนย์หน้าทำประตู เมื่อยุคสมัยที่เปลี่ยนไปไม่เอื้อประโยชน์ให้ตำแหน่งเบอร์ 10 แถมอิทธิพลฟุตบอลในต่างแดน ย่อมกระทบชิ่งมาถึงแดนสยามด้วยเช่นกัน เราแทบไม่เห็นผู้เล่นที่ครบเครื่อง มีทีเด็ดในเรื่องการจ่ายบอล, ยิงฟรีคิก จังหวะยิงไกลอีกเลย ฟุตบอลยุคใหม่กำลังฆ่าจอมทัพหมายเลข 10  ให้ตายลงไปเรื่อยๆ ที่ผ่านมาเราเคยมีนักเตะชั้นนำในตำแหน่งนี้  เช่น วรวรรณ ชิตะวณิช, ตะวัน ศรีปาน, เทิดศักดิ์ ใจมั่น, ณรงค์ชัย วชิรบาล, ดัสกร ทองเหลา, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว ฯลฯ แต่เมื่อตัดภาพมาดูที่ปัจจุบัน เราปราศจากจอมทัพมานานมากแล้ว ถ้าไม่นับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ที่ประจำการณ์ในตำแหน่งดังกล่าว เราก็มองหาใครที่ขึ้นมาแทนที่ไม่ได้สักคน 5.กองหน้าตัวเป้า 5 ตำแหน่งที่ทีมชาติไทยขาดแคลนยุคสมัยใหม่ โคตรกองหน้าหมายเลข 1 ตลอดกาลทีมชาติคงไม่มีใครเกิน ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน เพราะครบเครื่องทั้งเลี้ยง, ส่ง, โหม่งยิง พี่แกทำได้ทุกรูปแบบในจังหวะการสังหารประตู ทีมชาติไทย ไม่เคยสิ้นกองหน้าดีๆ นอกจาก”เดอะ ตุ๊ก” ยังมี,เจษฎาภรณ์ ณ พัทลุง,  พิชัย คงศรี, เนติพงษ์ ศรีทองอินทร์, เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง คือชื่อขึ้นหิ้งและเป็นยอดดาวยิงทีมชาติไทย แต่มันก็นานมาแล้ว ผู้ใหญ่วงการฟุตบอลบ้านเราก็ได้แต่บ่นๆกันถึงเรื่องว่าทีมในไทยลีกชอบใช้บริการกองหน้าต่างชาติ เพื่อไล่ล่าความสำเร็จและเอาตัวรอดในลีก แต่ไม่มีใครเปิดพื้นที่ให้แก่เด็กไทยในตำแหน่งดังกล่าวเลย หลายๆฝ่ายพูดกันจะปั้นหา ปิยะพงษ์ 2 จัดทัวร์นาเมนต์ระดับเยาวชนขึ้นมาปั้นกองหน้า แต่สิ่งที่เราเห็นคือดาวรุ่งขึ้นมาไม่ได้เพราะทำได้แค่เล่นบอลระดับไทยลีก 3-4 หรือไม่ก็นั่งสำรอง ไร้เวทีไร้โอกาสลงเล่น อย่าลืมว่าทุกวันนี้เราได้แต่ฝากความหวังไว้กับ  “มุ้ยซัง” ธีรศิลป์ แดงดา ก็อายุเตะวัย 30 ปีพอดิบพอดีแล้ว ซึ่งหมอนี่ก็รับใช้ชาติมานานร่วม 10 ปีแล้ว แต่เรายังไม่มีคลื่นลูกใหม่ เข้ามาแบ่งเบาภาระกองหน้าจากซานเฟรซเซ่ ฮิโรชิม่าได้เลย

เอ็มเร่

 
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline