logo-heading

ถือว่าเป็นซีซั่นที่แฟนบอล ลิเวอร์พูล รอคอยเป็นอย่างยิ่ง เพราะก่อนที่ฤดูกาลจะถูกรูดม่านเปิดขึ้นนั้นพวกเขาถูกจับเป็นเต็งที่จะก้าวขึ้นไปเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ครั้งแรกในรอบ 28 ปี

และพลันที่ลงสนามเกมแรกมาถึงนัดที่ 7 ของฤดูกาลพวกเขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ‘ตัวเต็ง’ ที่ถูกยกย่องจากสื่อนั้นไม่ได้เป็นเพียงการคาดเดาบนหน้าหนังสือพิมพ์แต่อย่างใด และด้วยฟอร์มที่โหดจัดในช่วงออกสตาร์ทนี้ทำให้เหล่าสาวก เดอะ ค็อป ฝันหวานถึงโทรฟี่แชมป์กันแล้ว ถึงแม้ระยะทางจะอีกยาวไกลแต่ขึ้นชื่อว่า ฟุตบอล อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้ และวันนี้ ขอบสนาม ได้ทำการถึงสาเหตุที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล ก้าวไปเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในซีซั่นนี้ จะมีเหตุผลอะไรบ้าง ติดตามได้ต่อจากนี้

ออกสตาร์ทได้ไฉไลเป็นบ้า

5 สัญญาณ... ที่ หงส์แดง ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์ลีกเต็มตัว (เสียที) ถึงตรงนี้พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ผ่านพ้นไปแล้วทั้งสิ้น 7 นัด ซึ่ง ลิเวอร์พูล ยังคงสะกดคำว่า ‘พ่ายแพ้’ ไม่เป็น มากไปกว่านั้นคือเป็นเก็บชัยชนะได้มากถึง 6 นัดติดต่อกัน และพึ่งสดุดเสมอกับ เชลซี ในเกมล่าสุดเพียงเท่านั้น ทำให้พวกเขาขึ้นนำเป็นจ่าฝูงร่วมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นรองก็แค่เพียงจำนวนประตู ได้-เสีย เท่านั้น ซึ่งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ "หงส์แดง" สามารถออกสตาร์ทได้กับราวฝันไป  

มีแต้ม แม้ในวันที่เล่นแย่

5 สัญญาณ... ที่ หงส์แดง ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์ลีกเต็มตัว (เสียที) ถ้าสังเกตในแต่ละนัดของ ลิเวอร์พูล นับตั้งแต่เปิดซีซั่นมามีอยู่หลายเกมที่พวกเขาทำท่าเหมือนจะไปไม่รอด หรือไม่น่าจะเก็บ 3 คะแนนได้ ยกตัวอย่างเช่นในเกม นัดที่ 2 ของฤดูกาลที่บุกไปเยือน คริสตัล พาเลซ ถึงแม้สกอร์จะจบที่ 2-0 แต่ถ้ามองไปที่รูปเกมมันไม่ค่อยน่าอภิรมย์เสียเท่าไหร่ แต่ก็สามารถควักสามแต้มออกมาได้ หรือในเกมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่หลังจากโดนตีไข่แตกไล่มา 1-2 พวกเขาโดนกดดันอย่างหนัก ถ้าเป็น "หงส์แดง" ตัวเก่าอาจพังและพลาดเก็บชัยชนะกลับบ้านแต่นี้กลับกลายเป็นว่าเอาตัวรอดออกมาได้แบบน่าชื่นชม และกับในแมตช์ล่าสุดที่บุกเยือน เชลซี พวกเขาได้แสดงออกมาเห็นถึงความตายยากหลังจากตามหลัง 0-1 จนเข้าสู่ช่วง นาที 89 ลูกยิงจับยัดของ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ นั้นแสดงให้เห็นถึงความกระหายที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมของผู้เล่น เพราะตราบใดที่นกหวีดยังไม่ถูกเป่าหมดเวลา พวกเขาก็พร้อมสู้เสมอ

ขุมกำลังที่อัดแน่น

5 สัญญาณ... ที่ หงส์แดง ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์ลีกเต็มตัว (เสียที) นี่เป็นซีซั่นที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ มีตัวเลือกให้ใช้หลากหลายมากยิ่งขึ้นแทบจะทุกตำแหน่งในสนาม ไล่มาตั้งแต่แนวรับที่ตัวจริงทั้ง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ และโจ โกเมซ โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ไหนจะมี โจแอล มาติป ที่คอยสแตนบายได้แบบไร้ที่ติ ขยับมาที่ตรงกลางสนาม การเข้ามาของ นาบี เกอิต้า ทำให้พื้นที่ตรงนี้สมบูรณ์แบบมากยิ่ง เมื่อผสมกับของเดิมอย่าง เจมส์ มิลเนอร์, จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม หรือจอร์แดน เฮนเดอร์สัน เข้าไปอีก ยิ่งลงตัวมากขึ้นกว่าเดิมอีก ส่วนแนวรุกด้านบนที่มี 3 ประสาน มาเน่, ซาลาห์ และฟีร์มีโน่ อยู่แล้ว บวกกับของใหม่อย่าง เซอร์ดาน ชากิรี ที่เข้ามาเป็นอะไหล่ชั้นดีอีก รวมไปถึงในซีซั่นนี้การกลับมาของ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ เหมือนพวกเขาได้นักเตะมาเพิ่มใหม่ยังไงยังงั้น ซึ่งหัวหอกชาวอังกฤษแสดงให้เห็นแล้วในเกมที่ลงมาเป็นสำรองและซัดไกลสุดสวยใส่ เชลซี

ทีมของ คล็อปป์

5 สัญญาณ... ที่ หงส์แดง ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์ลีกเต็มตัว (เสียที) เข้าสู่ฤดูกาลที่ 4 แล้วที่นายใหญ่มาดชาวร็อคอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ มาเป็นนายใหญ่ที่แอนฟิลด์ ซึ่งเขาค่อยๆปรับเปลี่ยน เลือกซื้อนักเตะที่เขาต้องการใช้ และได้ใช้งานจริงเข้าสู่ทีม อาทิเช่น โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่,  เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ และอื่นๆที่หลายคนที่ย้ำว่า คล็อปป์ คือคนเลือกเอง และเจ้าตัวก็ค่อยๆ ปรุงแต่งให้รสชาติมันกลมกล่อมมากขึ้นเรื่อยๆ ตรงนี้ไม่ดีก็แก้ไข จนทำให้ "หงส์แดง" ตัวนี้ค่อยๆสยายปีกได้มากยิ่งขึ้น ไล่ตั้งแต่เข้าชิงชนะเลิศเข้าชิงยูโรปาลีก ตั้งแต่ปีแรกที่เข้ามาคุมบังเหียน ไล่จนมาถึงเกือบเอื้อมมือไปคว้าถ้วยหูยักษ์อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้อยู่แล้ว และการพ่ายแพ้ เรอัล มาดริด ครั้งนั้นทำให้ คล็อปป์ เริ่มการปรับเปลี่ยนขุมกำลังของเขาให้หนักแน่นและจัดเต็มมากกว่าเดิม ทำให้สามารถพูดได้เต็มปากว่า นี้คือทีมของคล็อปป์อย่างแท้จริง

จบสกอร์ยังปัง แม้ 'ซาลาห์' ยังไม่เปรี้ยง

5 สัญญาณ... ที่ หงส์แดง ก้าวขึ้นมาลุ้นแชมป์ลีกเต็มตัว (เสียที) ใครๆ ก็รู้ว่าซีซั่นที่แล้ว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ รับบทบาทเดอะแบก ของทีมมากขนาดไหน ตัวเลข 32 ประตูที่กระซวกในลีกยืนยันได้เป็นอย่างดี ซึ่งฤดูกาลนี้มันค่อนข้างจะแตกต่างไปจากเดิม เพราะ ถึงตรงนี้ฟอร์มของ ซาลาห์ ยังไม่ค่อยปังเท่าที่ควร หลังซัดไปเพียง 3 เม็ดจาก 7 นัดแรก แต่นั้นกลับไม่ใช่ปัญหาของ ลิเวอร์พูล แต่อย่างใด ก็ในเมื่อมีคนอื่นๆ ผลัดเปลี่ยนกันมาผลิตสกอร์แทนที่ 15 ประตูที่พลพรรคคลับหงส์ ซัดไปได้นั้นได้กระจายผู้ผลิตสกอร์ไม่ได้ไปกระจุกอยู่ที่ใครคนนึงอีกต่อไป แต่ถ้าลองคิดดูเล่นๆ เมื่อใดที่ฟอร์มของ ซาลาห์ กลับมาโหดดังซีซั่นก่อน บางครั้งคำว่า น่ากลัว อาจจะน้อยเกินไปที่จะบรรยายสรรพคุณแนวรุกของ ลิเวอร์พูล

- PAOLINHO -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline