logo-heading

ปิดฉากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับชีวิตในสีเสื้อทีมชาติไทย สินทวีชัย (โกสินทร์) หทัยรัตนกุล หนุ่มใหญ่วัย 36 ปีที่ได้รับโอกาสครั้งสำคัญที่นักเตะไทยระดับตำนานบางคนไม่เคยได้ลิ้มรสนั้นคือ การได้มีเกมเทสติโมเนียลแมตซ์เฝ้าเสารับใช้ธงชาติเป็นครั้งสุดท้าย

เกมกับตรินิแดดฯ ดูเหมือนอาจเป็นช่วงเวลาอันหน่อยนิดแต่มันคือ 14-15 นาทีที่มีคุณค่าทางจิตใจ แด่คนที่ทุ่มเทเพื่อฟุตบอลทีมชาติ ตลอดชีวิต "บอล" หรือ"ซุปเปอร์ตี๋" ผ่านช่วงเวลาที่ดีและแย่ของวงการลูกหนังไทยมาทุกรูปแบบ คนดูน้อยกว่านักเตะ หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ฟีเวอร์คนดูแห่กันจองตั๋วไปดูไทยลีกกันแน่นสนาม และบรรยากาศราชมังคลากีฬาสนามแตก สินทวีชัย เป็นเพียงนักเตะไทยเพียงไม่กี่คนที่ยืนหยัดอยู่ในฟุตบอลไทย โดยที่รักษาระเบียบวินัยทั้งในและนอกสนามเป็นอย่างดี เขาไม่เคยปฏิเสธทีมชาติแม้แต่ครั้งเดียว เขามุ่งมั่นซ้อมจริงจัง จนบางครั้งเรายังรู้สึกว่าเหมือนวันเวลาที่ชายจากสกลนครรายนี้ อยู่ในสารบบทีมชาติมันเพิ่งผ่านไปไม่นาน ทั้งที่ความเป็นจริงนามสกุลหทัยรัตนกุล ปักอยู่บนหลังสีเสื้อทีมชาติยาวนานกว่า 15 ปี ขอบสนามหยิบยกเรื่องราวหลายแง่มุมในชีวิตการค้าแข้งเป็นนักกีฬาอาชีพของสินทวีชัย หทัยรัตนกุล 1.หอบหิ้วความฝันมาคัดตัวที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน แต่ไม่ติดและโชคชะตาพาเขาไปคัดตัวที่โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา ได้รับเลือกให้เข้าเรียนด้วยทุนนักกีฬาตอน ชั้นม.3 พร้อมสุรีย์-สุรัตน์ สุขะ 14 ปี สดุดี "สินทวีชัย" นายทวารช้างศึก 2.ติดทีมชาติครั้งแรกชุด 17 ปี ที่มี ท่านสนทยา คุณปลื้ม เป็นผู้จัดการทีม ,"น้าติ๊ก" สมชาติ ยิ้มศิริ เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน และได้โค้ชประตูระดับตำนานทีมชาติไทย อย่าง ไชยวัฒน์ พรหมมัญ มาเป็นโค้ชประตูคนแรกในนามทีมชาติ 14 ปี สดุดี "สินทวีชัย" นายทวารช้างศึก 3.เกือบไม่ได้ติดทีมชาติไทย ชุด17 ปีเยาวชนโลกที่นิวซีแลนด์ ถ้า โกสินทร์ เหมบุตร มือ2 ในทีมชุดมีปัญหาบาดเจ็บ ทำให้ โกสินทร์ หทัยรัตนกุล ที่เป็นตัวสแตนด์บายถูกสมชาติ ยิ้มศิริ ใส่ชื่อไปตะลุยแดนกีวีแทน 4.สินทวีชัย สวมใส่เสื้อหมายเลข 18 เป็นประจำและเป็นเบอร์ประจำตัวมาจนถึงปัจจุบัน 5.นัดแรกในนามทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 17 ปี โกสินทร์ มีโอกาสลงเฝ้าแค่ 2 นาทีกว่าๆ เท่านั้น (ลงสนามนาทีที่ 88) หลังถูกเปลี่ยนตัวลงไปแทนที่ อินทรัตน์ อภิญญากุล นายด่านมือ 1 ชุดนั้น ในศึกชิงแชมป์โลก ยู-17 นัดสุดท้าย รอบแบ่งกลุ่ม เกมที่แพ้ กาน่า 1-7 เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 1999 14 ปี สดุดี "สินทวีชัย" นายทวารช้างศึก 6.เกือบติดทีมชาติไทย ชุด23 ปีไปแข่งซีเกมส์ 2001 ที่มาเลเซีย ตอนอายุ19 ปี ทว่าโดนตัดและเป็นภานุวัฒน์ ตั้งอนุรักษ์ เข้าไปแทนที่ เนื่องจากดื่มเหล้า และเกิดขับรถไปประสบอุบัติเหตุรถคว่ำลงไหล่ทาง แถวทางด่วนทับช้าง แม้รอดจากอุบัติเหตุ แต่มันเป็นบทเรียนชีวิตทำให้เขาปรับปรุงตัวจนกลายเป็นนักบอลไทยมืออาชีพ 14 ปี สดุดี "สินทวีชัย" นายทวารช้างศึก 7.มีไอดอลคือลูกหนังคือ"สิงโตเผือกปากน้ำโพ" วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์ 14 ปี สดุดี "สินทวีชัย" นายทวารช้างศึก 8.ชื่อเล่นจริงๆคือบอล แต่เพราะถูก วิฑูรย์ กิจมงคลศักดิ์ สต๊าฟฟ์โค้ชทีมชาติเรียกทำให้กลายเป็นชื่อที่หลายๆคนเรียกติดปาก 9.นักเตะไทยรุ่นราวคราวเดียวกันที่เขายกย่อง คือ รุ่งโรจน์ สว่างศรี ซึ่งร่วมทีมในชุดคว้าเหรียญทองซีเกมส์2003 ที่เวียดนาม และเอเชียน คัพ 2004 ที่จีน เนื่องจากเป็นกองหลังที่เล่นบอลฉลาด อ่านเกมตัดจังหวะคู่แข่งได้เยี่ยม รวมถึงขึ้นไปทำเกมรุกยิงประตูคู่แข่งได้ด้วย 14 ปี สดุดี "สินทวีชัย" นายทวารช้างศึก   10.เป็นนักบอลทีมชาติไทย เพียงไม่กี่คนในประเทศ ที่ได้รับโอกาสติดทีม ตั้งแต่ระดับ 17 ปี,19 ปี,23 ปี และทีมชาติชุดใหญ่ 14 ปี สดุดี "สินทวีชัย" นายทวารช้างศึก 11.ร่วมงานกับโค้ชทีมชาติไทย ชุดใหญ่ทั้งสิ้น 11 คน ปีเตอร์ วิธ, คาร์ลอส โรแบร์โต้ คาร์วัญโญ่,ชัชชัย พหลแพทย์, ซิกกี้ เฮลด์, ชาญวิทย์ ผลชีวิน, ปีเตอร์ รีดส์, ไบรอัน ร็อบสัน, วิลฟรีด เชเฟอร์, สุรชัย จตุรภัทรพงศ์, เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, มิโลวาน ราเยวัช 12.ได้ลงเล่นเกมทีมชาติอย่างไม่เป็นทางการ ถูกส่งลงสนามมาเป็นสำรองในครึ่งหลังแทนที่กิตติศักดิ์ ระวังป่า ที่แพ้เรอัล มาดริด 1-2 เมื่อเดือนสิงหาคมปี 2003 14 ปี สดุดี "สินทวีชัย" นายทวารช้างศึก 13.เกมทีมชาติชุดใหญ่อย่างเป็นทางการคือเกมคัดเลือกฟุตบอลเอเชียน คัพ 2004 ลงเฝ้าเสาในเกมชนะฮ่องกง 4-0 ณ สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2003 โดยที่คาร์ลอส โรแบร์โต้ คาร์วัญโญ่ เป็นคนที่มอบโอกาสลงเล่นหลังร่วมงานกันในทีมชุดเหรียญทองซีเกมส์ 2003 ที่เวียดนาม 14 ปี สดุดี "สินทวีชัย" นายทวารช้างศึก 14.ทีมฟุตบอลไทยลีกทีมแรกคือสโมสรพนักงานยาสูบ ลงเล่นอยู่2 ฤดูกาล หลังย้ายไปอยู่กับโอสถสภา "สิงห์อมควัน" อดีตต้นสังกัดเก่าคว้าแชมป์ไทยลีกได้แบบหักปากกาเซียน ฤดูกาล 2004-2005 15.เป็นนักบอลในโครงการช้างเผือกของโรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา และเมื่อชลบุรี เอฟซี ได้สิทธิ์ลงแข่งขันไทยลีก เข้าตัดสินใจกลับมาร่วมทีมฉลามชล เมื่อปี 2007 และช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดแดนสยามเป็นสมัยแรกและสมัยเดียว 14 ปี สดุดี "สินทวีชัย" นายทวารช้างศึก 16.มีโอกาสไปเล่นฟุตบอลยังต่างแดนกับสโมสรเปอร์ซิบ บันดุง ในลีกสูงสุดของอินโดนีเซีย ถึง 2 หนในปี 2006 และ 2009 ในรูปแบบการยืมตัวเมื่อปี 2009 ซึ่งแข้งต่างชาติที่ได้รับการยกย่องจากแฟนบอลในครั้งนั้น 14 ปี สดุดี "สินทวีชัย" นายทวารช้างศึก 17.เปลี่ยนชื่อจริงจาก โกสินทร์ มาเป็น สินทวีชัย หทัยรัตนกุล เมื่อวันที่ 9 กันยายน ปี คศ. 2009 (พ.ศ.2552) 18.มีโอกาสได้ลงเล่นในรายการฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน 6 ครั้ง ตั้งแต่ปี2004,2007,2008, 2010, 2012, 2016 ได้แชมป์1สมัย อยู่ในทีมชุดรองแชมป์ 3 ครั้ง และตกรอบแรก 2 ครั้ง 14 ปี สดุดี "สินทวีชัย" นายทวารช้างศึก 19.เป็นนักเตะไทยคนที่ 5 ที่มีเกมอำลาสนามในนามทีมชาติ ต่อจาก อำนาจ เฉลิมชวลิต, สุรชัย จตุรภัทรพงศ์, เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง, ตะวัน ศรีปาน โดยที่ตำนานอย่างปิยะพงษ์ ผิวอ่อน, นที ทองสุขแก้ว, วิทยา เลาหกุล หรือดุสิต เฉลิมแสน ไม่เคยมีโอกาส 14 ปี สดุดี "สินทวีชัย" นายทวารช้างศึก 20.ได้โอกาสลงสนามเฝ้าเสาเกมนัดอำลาทีมชาติ ให้กับเกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่พบกับยูเออี เมื่อเดือนตุลาคม ปี 2007 และตะวัน ศรีปาน เกมพบนิวซีแลนด์  เมื่อเดือนมีนาคมปี 2009 14 ปี สดุดี "สินทวีชัย" นายทวารช้างศึก 21.ชีวิตที่ไม่ข้องเกี่ยวกับฟุตบอลจะชอบหนังสือประเภทในเชิงปรัชญา และอัตชีวประวัติของพวกนักเตะระดับโลก

เอ็มเร่

ขอบคุณภาพ siamfootball.com, แฟนเพจสารานุกรมบอลไทย, สโมสรชลบุรี เอฟซี, นิตยสารฟุตบอลสยาม, แฟนเพจบินเดียว

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline