นับตั้งแต่ขึ้นศักราชใหม่เป็นปี 2018 ผลงานของ อาร์เซน่อล ก็เริ่มดำดิ่งลงเหวอย่างไม่มีชิ้นดี ลงแข่งไป 15 นัดรวมทุกรายการ ชนะได้แค่ 4 เกม
หากใครไม่เชื่อวันนี้เราจะพาไปรื้อฟื้นกันหน่อยแม้มันจะเพิ่งผ่านมาแค่ 2 เดือนนิดๆ ก็ตามที
เริ่มตั้งแต่เกมแรกเลย ใครเป็นสาวก "เดอะ กันเนอร์ส" คงจะจำกันได้นะครับว่า คุณต้องดูบอลข้ามปี เพราะมันดันมาแข่ง 5 ทุ่มครึ่งของวันที่ 31 ธันวาคม ตามเวลาบ้านเรา ซึ่งเกมทำท่าว่าจะเป็นทัพ "ไอ้ปืนใหญ่" ที่บุกมายัดเยียดความปราชัยให้ "เดอะ แบ็กกี้ส์" หลังได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 83 แต่แล้ว 6 นาทีถัดมา คัลลั่ม แชมเบอร์ส ก็มาทำแฮนด์บอลในเขตโทษ เจย์ โรดริเกวซ สังหารไม่พลาดจบเจ๊าไม่เร้าหรือที่ 1-1 การเสมอกับแชมป์เก่า อาจจะไม่ใช่เรื่องแย่อะไร แต่จริงๆ แล้วพวกเขาควรจะปิดเกมได้ เพราะได้ประตูขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 63 จาก แจ็ค วิลเชียร์ แต่ก็มาโดนยิงแซงซะงั้นจากจุดโทษของ เอแด็น อาซาร์ และ ลูกผีจับยัดของ มาร์กอส อลอนโซ่ ยังดีที่มาได้ เบเยริน ซัดตีเสมอให้ในนาทีสุดท้าย แบ่งแต้มไปอีก 1 เกม ถึงแม้จะไม่ได้จัดชุดใหญ่ลงเล่น แต่การแพ้ทีมที่ต่ำชั้นกว่าถึง 4-2 ในช่วงเวลาที่ทีมกำลังต้องการจุดเปลี่ยน แถมเป็นแชมป์เก่าในรายการนี้ด้วย ย่อมเป็นสิ่งที่แฟนบอลรับไม่ได้ และจะว่าไปแล้วตัวสำรอง อาร์เซน่อล ก็ไม่ใช่ขี้หมูขี้หมา วันนั้นตัวจริงมีทั้ง แดนนี่ เวลเบ็ค, ธีโอ วัลคอตต์, อเล็กซ์ อิโวบี้, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ และ แพร์ แมร์เตซัคเกอร์ เป็นต้น แต่กลับแพ้ซะได้ ที่สำคัญนอกจากทัพ "เจ้าป่า" จะอยู่ใน แชมเปี้ยนชิพ ลีกที่ต่ำกว่าแล้ว ยังอยู่ครึ่งล่างของตารางอีกด้วย ผมเป็นแฟนปืน ผมก็อาย ลีกคัพ แทบจะเป็นความหวังเดียวของ อาร์เซน่อล ณ ตอนนั้น หากอยากมีแชมป์ติดมือเมื่อสิ้นฤดูกาล เพราะได้ผ่านมาถึงรอบรองชนะเลิศแล้ว แต่ เวนเกอร์ ก็ยังจัดทีมชุดผสม โชคดีที่เอาตัวรอดมาได้ในเลกแรก ทำให้ได้เปรียบในการกลับไปเล่นที่บ้านเลกสอง หลังจากยังไม่ชนะใครเลย นับตั้งแต่เปลี่ยนศักราชใหม่ แฟนๆ อาร์เซน่อล ต่างคาดหวังว่าเกมนี้แหละจะตบเด็กโชว์ แต่กลับกลายเป็นเจอทีเด็ดทีมวิ่งสู้ฟัดอย่าง บอร์นมัธ ยิงแซงชนะภายใน 4 นาทีเท่านั้น ในนาทีที่ 70 และ 74 ส่งให้ "ไอ้ปืนใหญ่" ชนะใครไม่เป็น 5 เกมติดต่อกัน และแล้วแมตซ์ปลดล็อคก็มาถึง "ปืนโต" จัดชุดใหญ่ไฟกะพริบวิบวับ กะจะฆ่า พาเลซ คู่ปรับร่วมกรุงลอนดอนให้ตายสนิท ซึ่งก็ทำได้สำเร็จเมื่อพวกเขาจัดการสังหารโหดกระโดดยิงไป 4 เม็ดภายใน 22 นาที ก่อนจะผ่อนเกม และจบลงด้วยชัยชนะ 4-1 เรียกความมั่นใจได้อย่างต่อเนื่อง โดยเลกสองของรอบรองลีกคัพคราวนี้ เวนเกอร์ จัดชุดใหญ่เต็มสูบ ยกเว้นแค่ตำแหน่งผู้รักษาประตู เช่นเดียวกับ เชลซี และแม้จะโดนกระทุ้งขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่ 7 นาทีแรก แต่ก็ได้คืนเร็วจากการทำเข้าประตูตัวเองของ อันโตนิโอ รูดิเกอร์ ในนาทีที่ 12 จากนั้นก็มาได้ประตูชัยโดยลูกซัลโวของ กรานิต ชาก้า ในนาทีที่ 60 รวมผล 2 นัด "ปืนใหญ่" ชนะไป 2-1 กรุยทางเข้าชิงเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นอีกหนึ่งเกมที่แฟนๆ อาร์เซน่อล ต่างก็มั่นใจกันมากๆ หลังเก็บชัยชนะได้ 2 เกมติด แถมมาได้เจอกับทีมท้ายตารางอย่าง สวอนซี แต่แล้ว "หงส์ขาว" ก็ได้วิญญาณ "หงส์แดง" เข้าสิง รัวแซงเอาชนะไปได้เฉย 3-1 ทั้งๆ ที่ อาร์เซน่อล ชิงขึ้นนำก่อนตั้งแต่นาทีที่ 33 จาก นาโช่ มอนเรอัล อยู่ดีๆ ก็กลับมาโหดซะงั้น ทั้งๆ ที่เจอกับ เอฟเวอร์ตัน ที่ช่วงนั้นของเค้ากำลังมา โดยรัวยิงในครึ่งแรกถึง 4 แผล ก่อนที่ครึ่งหลังจะซัดเพิ่มอีกฝั่งละเม็ด "นอร์ธ ลอนดอน ดาร์บี้" ศึกแห่งศักดิ์ศรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับทั้ง 2 ทีม ซึ่งก็เป็นไปตามคาด สเปอร์ส ที่ฟอร์มการเล่นสม่ำเสมอกว่า ได้ แฮร์รี่ เคน ดาวยิงตัวเก่งซัลโวประตูชัย ดับ "ไอ้ปืนใหญ่" เป็นชัยชนะเกมเยือนเกมแรกในปีนี้ของ อาร์เซน่อล และบุกไปอัดทีมดังจาก สวีเดน ไปเละเทะ 3-0 ทำให้เลกสองจะเล่นง่ายขึ้นเยอะ ไอที่ว่าแน่ๆ มันก็เกือบจะไม่แน่แล้ว เพราะโดนยิงนำก่อน 2-0 ภายใน 2 นาที คือนาทีที่ 22 กับ 23 ซึ่งหากโดนอีกลูกล่ะงานงอกแน่ๆ แต่ท้ายสุด อสสเตอร์ซุนด์ ก็สร้างเซอร์ไพร้ส์ไม่สำเร็จ อย่างไรก็ตามความพ่ายแพ้คาบ้านต่อทีมแบบนี้ ย่อมเป็นเรื่องที่รับกันไม่ได้หรอก เป็นนัดชิงที่หลุดลุ่ยเกินคาด เล่นแบบเหมือนบอลคนละเกรดอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็อย่างว่า วินาทีนี้ต่อให้ บาร์ซ่า มาเจอ "เรือใบ" ยังไม่น่าจะผ่านเลยด้วยซ้ำ สรุปก็คือ "ปืนใหญ่" อดแดก คาราบาว ไปจ้าา โชคชะตาฟ้าช่างกลั่นแกล้ง เพิ่งโดนสอยมาหยกๆ ยังไม่ทันหายแสบรูดากซ์ ก็ต้องวนมาเจอกันอีกแล้ว คราวนี้ แมนฯ ซิตี้ จัดการบุกมาสอนบอล ขโยกถึงรัง 3-0 สกอร์เดิม เพิ่มเติมคือคาบ้าน ส่งผลให้ อาร์เซน่อล แพ้ 3 นัดติดต่อกันเข้าไปแล้ว นี่แหละจะเป็นเกมเรียกความมั่นใจก่อนยกพลบุกไปเยือน เอซี มิลาน ที่ซาน ซิโร่ เพื่อกรุยทางไปลุ้นคว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก ซึ่งเป็นแชมป์เดียวที่เหลือ และแทบจะเป็นหนทางเดียวที่จะพาพวกเขาไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า แต่แล้วเกมเรียกความมั่นใจ กลับกลายเป็นเกมทำลายความมั่นใจซะอย่างงั้น เพราะดันแพ้ไป 2-1 ชนิดที่ครึ่งแรกน่าโดน 4-5 เม็ดด้วยซ้ำบทสรุปก็คือตั้งแต่ย่างเข้าเดือน 6 ฝนก็ตก พรำๆ เอ้ย ไม่ใช่! ตั้งแต่เข้าปี 2018 อาร์เซน่อล เขวี้ยงถ้วยทิ้งไปแล้ว 2 ใบ คือ เอฟเอ คัพ กับ คาราบาว คัพ พร้อมกับทิ้งโอกาสติดท้อปโฟร์ เพื่อโควต้า ชปล. ฤดูกาลหน้า ไปแทบจะ 100% แถมยังเสีย อเล็กซิส ซานเชซ แข้งตัวหลักไปให้ แมนฯ ยูไนเต็ด อีก ไอถ้วยยูโรปา รอบ 16 ทีม ก็มีทีมตั้งเยอะตั้งแยะ ดั๊นจับโดน เอซี มิลาน ที่กำลังฟอร์มขึ้นหม้อ เห้ออ ยกพลมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ล้างซวยปีชงที่ไทยหน่อยมั้ยเล่า!
ชิน ชินพัฒน์