logo-heading

สิ้นเสียงนกหวีดยาวที่สนามบูกิต จาลิล ด้วยอาการง่วงหงาวหาวนอน ถ้าไม่เรื่องงานผมคงหลับคาจอทีวีไปแล้ว อารมณ์เหมือนเดิมกับเกมที่ฟิลิปปินส์เป๊ะเลย ต่างกันตรงที่คู่นี้น่าเบื่อกว่าเพราะยิงกันไม่ได้เลย

เกมรอบรองชนะเลิศ ซูซูกิ คัพ ที่สนามบูกิต จาลิล ระหว่างมาเลเซีย กับ ทีมชาติไทย จบลงไปเหมือนไม่มีอะไรในกอไผ่สกอร์ 0-0 ชนิดที่รูปเกมน่าเบื่อสาสสสส แทบจะไม่มีได้ลุ้นประตูกันเลย เจ้าถิ่นก็ได้แต่ป้วนเปี้ยนหน้าเขตโทษ ได้เข้ามาในกรอบสี่เหลี่ยมอยู่บ้างครั้งสองครั้ง แต่จังหวะสุดท้ายก็ยิงนกตกปลา ส่วนพี่ไทยจำได้ว่ามีโอกาสสวนเหน่งๆ ครั้งเดียวจังหวะที่ ศุภชัย ยกบอลให้ นูรูล หลุดไปวอลเลย์เต็มข้อแต่ดันไปแฉลบกองหลังเจ้าถิ่นข้ามคานไปนิดเดียว นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเลย อย่างไรก็ดีผลเสมอแบบนี้ก็บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น ยังมีลุ้นพอๆ กันในเกมนัดสอง ซึ่งพี่ไทยอาจจะได้เปรียบตรงที่ได้เล่นในบ้าน แต่การไม่ได้อเวย์โกลกลับออกมามันก็จะทำให้เราเล่นแบบกดดันได้เหมือนกัน ต่อไปนี้เป็นบทสรุป 5 ข้อ ที่ได้จากเกมไทยบุกเสมอมาเลเซีย 0-0 เมื่อคืนวานนี้ (1 ธ.ค.)

1.ไทยมาแบบไม่แพ้ไว้ก่อน

บทสรุป 5 ข้อ หลังไทยบุกไปยันเสมอมาเลเซีย 0-0 จากรูปเกมที่เกิดขึ้นเห็นได้ชัดว่าไทยมาเล่นแบบรัดกุม คือกูขอไม่แพ้ไว้ก่อน แม้จะจัดแนวรุกมาเหมือนเกมกับสิงคโปร์ แต่ดูแล้วสามประสานทั้ง นูรูล,ศุภชัย และ อดิศักดิ์ ก็แทบไม่มีโอกาสเลย ส่วนใหญ่ต้องลงไปช่วยเกมรับด้วยซ้ำ ซึ่งครึ่งแรกอาจจะกะว่าถ้ามีโอกาสสวนดีๆ ก็ขอสักลูกนึง แล้วก็เกือบทำได้จาก นูรูล แต่พอทำไม่ได้ครึ่งหลัง ลุงวัช ก็เปลี่ยนเอา ศุภชัย ออกทันที ซึ่งผมก็งงว่าเห้ยยย จะรีบเอาออกทำไม ยังไงศุภชัย ก็ยังเล่นโอเคอยู่แล้วก็มีทีเด็ด แต่ก็คงเป็นเพราะเขาต้องการจะแพ็คเกมตรงกลางส่ง ปกเกล้า มาแทน ก็ชัดเจนว่าขอไม่โดนยิงพอแล้วเอาหนึ่งแต้มกลับบ้านจะเห็นได้ไว่าครึ่งหลังไทยไม่มี.....อะไรไเลย

2.มาเลย์ไม่คมเอง

บทสรุป 5 ข้อ หลังไทยบุกไปยันเสมอมาเลเซีย 0-0 เกมนี้ถ้าจะบอกว่าเกมรับของไทยเล่นได้ตามแผนก็คงพูดได้ไม่เต็มปาก จริงๆ มีจังหวะผิดพลาดให้เห็นอยู่เหมือนกัน แต่ต้องบอกว่าเป็นเจ้าถิ่นมาเลเซีย เองต่างหากที่แม่งบุกทั้งเกมแต่ไม่มีปัญญายิงเราได้ มีจังหวะเหน่งๆ ตั้งหลายครั้งแต่ยิงเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ข้ามคานบเน ถากเสาบ้าง คือถ้าเกมนี้เปลี่ยนแนวรุกของมาเลย์ เป็นของเวียดนาม ไทยอาจจะโดนยิงไปแล้ว

3.มิโลได้แบ็กโฟร์ตัวจริงแล้ว

บทสรุป 5 ข้อ หลังไทยบุกไปยันเสมอมาเลเซีย 0-0 เท่าที่ดูมาสองเกมล่าสุดของทีมชาติไทย เหมือน ราเยวัช จะได้แผงแบ็กโฟร์ที่ดีที่สุดแล้ว นั่นก็คือ มิก้า ,เฉลิมพงษ์,พรรษา และ กรกช สี่คนนี้เล่นเกมรับกันำได้เยี่ยม โดยเฉพาะเมื่อวาน มิก้า โดดเด่นมาก ตามเก็บจังหวะสองได้ดี สกัดได้หมด แล้วแต่ละคนเมื่อทำเสียก็มักจะแก้ตัวได้ อย่างมีจังหวะนึง เฉลิมพงษ์ จ่ายเสีย แต่เขาก็วิ่งกลับไปสกัดบอลแก้ตัวออกมาได้ คือแบ็กโฟร์ชุดนี้เล่นได้มีวินัยมาก โดยเฉพาะเกมรับ

4.ไทยขาดผู้เล่นตัวเปลี่ยนเกม

บทสรุป 5 ข้อ หลังไทยบุกไปยันเสมอมาเลเซีย 0-0 ทีมชาติไทยชุดนี้ที่ดูเหมือนจะดีที่สุดในซูซูกิ คัพ หนนี้ แต่จริงๆ แล้วมันก็ยังเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง นั่นก็คือนักเตะตัวเปลี่ยนเกม ในยามที่เกมมันอึดอัด หรือเราต้องการเสี่ยงอะไรบางอย่างบางที่เราไม่มีนักเตะตัวที่จะคอยเปลี่ยนเกมได้ เท่าที่ดูมีเพียง สรรวัชญ์ ที่เป็นนักเตะพรสวรรค์ พอจะทำอะไรแปลกๆ ได้ แต่ส่วนใหญ่ก็มาจากการจ่ายบอล แต่เราไม่มีนักเตะแบบเลี้ยงบอลกินตัวทะลุทะลวง บวกกับกองกน้าเชิงสูง ที่สามารถจะทำอะไรที่ไม่คาดคิดได้ จริงๆ มี ศุภชัย ใจเด็ด ที่มีคาเร็คเตอร์นี้แต่ก็ถูกเปลี่ยนตัวเร็วไปหน่อย ส่วนเรารองที่ลงมาเมื่อวานก็ยังไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรให้กับทีมเลย ดูเกมเมื่อวานนี้ก็ได้แต่คิดถึง เมสซี่เจ กับ ธีรมุ้ย ถ้ามีสองคนนี้ บวกกับ โก๋อุ้ม ไปอีกคน ผมว่าจ๊าบบบบเลย

5.สกอร์ 0-0 นัดสองอันตราย

บทสรุป 5 ข้อ หลังไทยบุกไปยันเสมอมาเลเซีย 0-0 ด้วยผลสกอร์ที่ออกมา 0-0 ก็ไม่เสียหายสำหรับทั้งสองทีม ซึ่งไทยก็ได้เปรียบที่กลับไปเล่นในบ้าน ส่วนมาเลย์ ก็ได้เปรียบเพราะไม่เสียในบ้านถ้าไปยิงไทยได้ลูกนึง ก็จะทำให้ไทยเหนื่อยเป้นสองเท่าทันที ดังนั้นเกมนัดที่สองเป้าหมายของไทยคือต้องชนะอย่างเดียวเท่านั้น ห้ามเสมอแบบมีสกอร์เด็ดขาด คือถ้าจะเอาสบายใจต้องยิงให้ขาดตั้งแต่ครึ่งแรก 2 ลูกขึ้นไป เพื่อที่ครึ่งหลังจะได้เล่นรับเต็มสูบโดยไม่ต้องกลัวโดนยิง อิอิ แต่อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์ทำข่าวซูซูกิ คัพ มา 5 ครั้ง ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ด้วยสถานการณ์แบบนี้ กับคู่แข่งอย่างมาเลเซีย ชุดนี้ บอกเลยไทยผ่านสบาย และสภาพทีมเสือเหลืองก้จะไม่ต่างจากสิงคโปร์ เมื่อเกมที่แล้ว ไม่เชื่อคอยดู

มูซาชิ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline