logo-heading
ในที่สุดรางวัล บัลลง ดอร์ ก็ไม่ใช่เรื่องของคนสองคน ระหว่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ ลิโอเนล เมสซี่ อีกต่อไป เพราะว่า ลูก้า โมดริช จอมทัพทีมชาติ โครเอเชีย จาก สโมสร เรอัล มาดริด ก็จัดการคว้ารางวัลอันทรงเกียรตินี้ไปครองสมความตั้งใจ แต่ว่าบางคนก็ยังกังขากับการคว้ารางวัลนี้ของ โมดริช โดยเฉพาะเหล่า เอฟซีของ เมสซี่ และ โรนัลโด้ ที่โวยวายกันเละเทะว่าทำไมนักเตะคนโปรดถึงไม่ได้รางวัล ว่าแล้วทางขอบสนามก็จะพาไปดูเหตุผลต่าง ๆ ประกอบว่า ทำไม โมดริช ถึงคู่ควรที่จะได้รางวัลในปีนี้ไปครอง 1. ผ่านหลัก 3P นักเตะที่คว้ารางวัล บัลลง ดอร์ นั้นคณะกรรมการผู้ลงคะแนนโหวตจะมีเกณฑ์หลักในการให้คะแนนโดยวิเคราะห์จาก 3 ปัจจัย หรือ ปัจจัย 3P ได้แก่ Prize คือความสำเร็จที่ได้ ซึ่งตัวของ โมดริช นั้นเป็นกำลังหลักที่ช่วยให้ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สามสมัยซ้อน ซึ่งมันก็เพียงพอที่จะผ่านเกณฑ์ข้อนี้ ส่วน P ที่สองก็คิอ Performance นั่นคือผลงานในสนามก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า โมดริช นั้นคือกองกลางที่ดีที่สุดของโลกคนหนึ่งจริง ๆ ในข่วงหลายปีหลัง แต่ว่ามาโหดสุด ๆ ก็คงจะเป็นในศึกฟุตบอลโลกที่เขาได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของรายการ แม้ว่าในช่วงฤดูกาลใหม่เขาอาจจะโดนวิจารณ์ไปบ้างจากผลงานอันย่ำแย่ของ เรอัล มาดริด แต่ก็ต้องบอกว่าจาก ฟอร์มการเล่นจากเมื่อซีซั่นก่อนรวมถึงฟุตบอลโลก มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาผ่านเกณฑ์ข้อนี้เช่นเดียวกัน และ P สุดท้ายก็คือ Personality หรือการวางตัว ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า ข้อนี้ก็สำคัญเช่นเดียวกัน โดย โมดริช นั้นมีการวางตัวที่ค่อนข้างดีเวลาอยู่นอกสนาม จริงอยู่ที่ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าเขาพัวพันกับคดีให้การเท็จกับศาลโครเอเชีย เรื่องส่วนแบ่งการเซ็นสัญญาเมื่อสมัยอยู้กับ ดินาโม ซาเกร็บ และมีข่าวว่าอาจต้องนอนคุก แต่ว่าเขาก็เคลียร์ตัวเองได้สำเร็จ จนศาลนั้นยกฟ้องคดีดังกล่าวไปเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งสื่อของต่างประเทศมองว่านี่ก็คือหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เขาเฉือนเอาชนะ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่มีข่าวพัวพันกับ คดีฉาว ผิดกับทางฝั่ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เต็งหนึ่งในตอนแรก ที่ดันมามีข่าวเรื่องคดีฉาวเรื่องข่มขืนหญิงสาวพอดี มันก็เลยประจวบเหมาะ ซึ่งปัจจัยเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้นี่แหละ มันก็มีส่วนให้ตัวของ โมดริช นั้นได้คะแนนในส่วนนี้ไปเช่นกัน เปิดบทวิเคราะห์ 4 เหตุผลส่ง โมดริช คว้า บัลลง ดอร์ 2. บัลลง ดอร์ แบบเก่า กับ ปีแห่งฟุตบอลโลก หลายคนที่เพิ่งตาม บัลลง ดอร์ ในยุคที่เอาฟีฟ่า มารวม อาจจะไม่คุ้นเคยกับเหตุผลในข้อนี้ โดยปัจจุบัน บัลลง ดอร์ นั้นได้เอากลับมาให้นักข่าวโหวตกันอีกครั้ง ไม่ต้องให้โค้ชกับกัปตันทีมชาติมาร่วมลงคะแนนแต่อย่างใด และบัลลง ดอร์ แบบเก่านั้น จะค่อนข้างให้น้ำหนักกับปีที่มีรายการใหญ่อย่างฟุตบอลโลก และ ฟุตลอลยูโร ยิ่งนักเตะที๋โดดเด่นมาก ๆ ในฟุตบอลโลก ก็มีหลายครั้งที่ได้รางวัลไปครอง มากกว่านักเตะที่เด่นมาทั้งซีซั่น แล้วดันไปได้ไม่ไกลในฟุตบอลโลก ก่อนหน้านี้ก็เคยมีเช่นเดียวกัน อย่างในรายของ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ กองหลังทีมชาติอิตาลีที่โดดเด่นเหลือเกินในฟุตบอลโลก 2006 ที่พา อิตาลี เป็นแชมป์โลก ซึ่งจริง ๆ ถ้าหากว่าไม่มี บอลโลก ในปีนั้น รางวัลน่าจะตกเป็นของ โรนัลดินโญ่ ที่พา บาร์เซโลน่า คว้าทั้งแชมป์ ลา ลีกา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ แต่กลายเป็นว่าจากฟอร์มพังในฟุตบอลโลกของ ดินโญ่ ทำให้ เขาไม่ติดแม้แต่ 1 ใน 3 ด้วยซ้ำ หรือจะเป็นปี 2002 ที่ โรนัลโด้ R9 บาดเจ็บมาตลอดทั้งปี แต่ว่าก็มาหายทันระเบิดฟอร์มในฟุตบอลโลก และช่วยให้ บราซิล คว้าแชมป์โลก พ่วงด้วยรางวัลดาวซัลโว ก่อนที่จะแซงหน้าหยิบชิ้นปลามันคว้า บัลลง ดอร์ ในปีนั้นไปครอง ถ้าจะให้ชัดก็คือในปี 1982 ที่เปาโล รอสซี่ ปีนั้นได้ลงในลีกไปแค่ 3 นัดเนื่องจากว่าโดนแบนจากคดีล็อกกผล แต่ว่าเขามาระเบิดฟอร์มโคตรโหดกระโดดยิงในฟุตบอลโลกที่ประเทศสเปน ที่พาอิตาลี คว้าแชมป์ และก็คว้าบัลลง ดอร์ ปีนั้นไป ที่ยกตัวอย่างให้เห็นขนาดนี้ไม่ใช่อะไร เพราะอยากจะให้เห็นภาพว่า บัลลง ดอร์ แบบดั้งเดิมนั้นให้ความสำคัญขนาดไหน กับผลงานในฟุตบอลโลก และนี่ก็คือสิ่งที่ โมดริช นั้นได้คะแนนไปเต็ม ๆ จากศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ที่มันเป็นเหมือนฟุตบอลโลก ของเขา แม้ว่า แชมป์ คือฝรั่งเศส แต่ว่าคนที่โดดเด่นที่สุดในรายการก็คือ โมดริช กับการร่ายฟอร์มระดับเทพ พาทีมม้ามืดอย่าง โครเอเชีย เข้าชิงชนะเลิศแบบไม่มีใครคาดคิด จนคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของศึก ฟุตบอลโลกไป และนั่นล่ะคือตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้เขาได้กลายเป็นนักเตะ บัลลง ดอร์ ในที่สุด ซึ่ง หลายคนอาจจะไม่โอเคกับการที่ โรนัลโด้ หรือ เมสซี่ ที่ยิงกระจุย ได้รางวัล แต่อยากจะบอกว่า ถ้าเป็นการโหวตบัลลง ดอร์ แบบเก่าที่นำกลับมาใช้อีกครั้ง มันคือเรื่องปกติอยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เปิดบทวิเคราะห์ 4 เหตุผลส่ง โมดริช คว้า บัลลง ดอร์ 3. การเป็นนักเตะ เรอัล มาดริด อันนี้หลายคนอาจจะมองว่าไม่เกี่ยว แต่ความจริงนั้นมันค่อนข้างเกี่ยวเต็ม ๆ เลย ก่อนหน้านี้ถ้าหากว่าเราตัด โรนัลโด้ กับ เมสซี่ ออกไป แล้วดูพวกรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมในตำแหน่งต่าง ๆ ยิ่งถ้าให้มีการลงคะแนนโหวตกัน พวกนักเตะ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ก็มักจะกวาดรางวัลพวกนี้ไปครองซะเป็นส่วนใหญ่ เต็มที่ก็จะมีนักเตะจากทีมอื่นแซมเข้ามาบ้าง แต่ก็เป็นส่วนน้อย นั่นล่ะครับ เหล่าบรรดาผู้สันทัดกรณีหลายคนก็โยงว่าส่วนหนึ่งที่เป็นปัจจัยที่ทำให้ โรนัลโด้ ชวดรางวัล บัลลง ดอร์​สมัยที่ 6 นอกจากการที่ โปรตุเกส ไปได้ไม่ไกลในฟุตบอลโลก อีกสาเหตุที่อาจจะมีส่วนก็คือการที่ พี่โด้ นั้นเลือกที่จะย้ายไปร่วมทัพ ยูเวนตุส ด้วย เพราะก็ต้องยอมรับว่า พวกแฟนบอล หรือบรรดาสื่อ ก็มักจะยกให้พวกนักเตะ เรอัล มาดริด กับ บาร์เซโลน่า เป็นนักเตะระดับโลกง่ายกว่านักเตะทีมอื่น ๆ พวกนักข่าวก็เช่นกัน เพราะว่าช่วงหลายปีที่ผ่านมาทั้งสองทีมคือทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด และโดดเด่นขึ้นมาเหนือกว่าทีมอื่น มันก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลก ที่นักเตะของพวกเขาจึงอยู่ในสถานะที่จะคว้ารางวัลได้ง่ายกว่านักเตะจากสโมสรอื่น ที่สำคัญ โมดริช ก็ดันเล่นได้ดีพอที่จะได้รางวัลด้วย มันก็เลยเป็นฐานส่งให้เขาไปกันใหญ่ เปิดบทวิเคราะห์ 4 เหตุผลส่ง โมดริช คว้า บัลลง ดอร์ 4. สัญญาณจากรางวัลก่อนหน้า อันที่แนวโน้มเรื่องการคว้ารางวัลของ โมดริช นั้นมันมาตั้งแต่รางวัลนักเตะยอดเยี่ยม ยูฟ่า และ ฟีฟ่า เดอะ เบสต์ แล้ว นอกจากมันจะเป็นปีที่ดีของ โมดริช ด้วยแล้ว สื่อก็ยังบิ๊วถึงการที่จะเป็นการสิ้นสุดการคว้ารางวัลของ โด้ กับ เมสซี่ มันก็ยิ่งทำให้หลายคนอยากจะเห็นสิ่งนั้นกับหน้าประวัติศาสตร์ใหม่เกิดขึ้นเสียที การที่ได้ทั้งสองรางวัลก่อนหน้านี้ มันเป็นเครื่องยืนยันชัดเจนว่า โมดริช นั้นได้รับคะแนนความนิยมอย่างมากจากทั้งสื่อแฟละแฟนบอล ที่สำคัญรางวัลในปีนี้มันก็ถูกปูเหมือนกับว่าจะเป็นการหยุดสถิติของ เมสซี่ และ โรนัลโด้ อีกทั้งยังมีคะแนนเชิงสงสารที่มองว่าถ้าหากว่า โมดริช ไม่ได้ในปีนี้ชีวิตนี้เขาก็คงไม่ได้มันอีกแล้วล่ะ และเมื่อบวกกับผลงานของเขาที่ดีพอจะได้รางวัล มันก็เลยทำให้เขาได้รับเลือกให้คว้า บัลลง ดอร์ ในที่สุด และกวาดครบทุกรางวัลใหญ่ในปีนี้ ซึ่งเจ้าตัวก็คงรู้ดีแต่แรกแล้วว่า เขาจะเป็นเจ้าของรางวัลด้วยการพาครอบครัวชนิดขนมากันทั้งบ้าน เพื่อไปเป็นสักขีพยานค่ำคืนแห่งชีวิตของเขา สุดท้ายนี้อยากจะบอกหลายคนที่พยายามดิสเครดิต ว่า โมดริช ไม่สมควรได้รางวัล นั้นก็อยากให้วางอคติแล้วมองตามหลักความเป็นจริงว่า ฟุตบอล มันไม่ได้มีแค่เรื่องของการทำประตู มันมีส่วนอื่น ๆ ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้จากสถิติ ไม่อย่างงั้นก็ไม่ต้องให้รางวัลนักเตะตำแหน่งอื่นหรอก ในเมื่อนักข่าวผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนต่างพร้อมใจกันเลือกให้ โมดริช คว้ารางวัลอย่างสมเกียรติ และไม่ได้ผิดกติกาแต่อย่างใด เราในฐานะแฟนบอลก็ควรที่จะยกย่องความสำเร็จของเขา ไม่ใช่ไปหาข้อตำหนิด่าเขาเสีย ๆ หาย ๆ เพียงแค่ว่าคนที่ได้รางวัลมันดันไม่ใช่นักเตะที่เราชอบ การไม่ได้รางวัลในปีนี้ ไม่ได้ทำให้ความสุดยอดที่ เมสซี่ และ โรนัลโด้ สร้างมาลดลงไปแต่อย่างใด และในเวลานี้ เราในฐานะคนดูบอลก็ควรจะแสดงสปิริตยินดีกับ ความสำเร็จของ ลูก้า โมดริช ผู้นำรางวัล บัลลง ดอร์ กลับมาสู่มนุษย์อีกครั้ง
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline