ตอนนี้คงต้องเลิกพูดเรื่องซูซูกิ คัพ ที่เราตกรอบกันไปได้แล้ว แม้มันจะยังวนเวียนอยู่ในหัวก็ตาม แต่คิดไปก็เท่านั้น ยังไงเราก็ตกรอบไปแล้ว จากนี้มามุ่งมั่นสำหรับเอเชี่ยน คัพ ที่เขาบอกว่าจะเป็นรายการตัดสินอนาคตของทีมชาติไทย ว่าสอบผ่านหรือไม่
อย่างที่ท่านนายกสมาคมฯ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ไปเมื่อวันสองวันนี้กับผลงานของทีมช้างศึก ที่ด่วนตกรอบอาเซียน คัพ ไปแบบปัจจุบันทันด่วน ชนิดที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน
"ว่าทีมชาติไทยชุดนี้เราไม่ฟูลทีม ขากตัวหลักตั้ง 4 คน มันยังวัดอะไรไม่ได้ เช่นเดียวกับอนาคตของ "ราเยวัช" ที่ก็ต้องไปตัดสินกันกับผลงานในเอเชี่ยน คัพ เดือนหน้านี้"
ส่วนตัวผมเองไม่มีปัญหาครับกับคำพูดจองท่านนายก เพราะผมรู้อยู่แล้วว่าที่เราเอา "ลุงวัช" เข้ามาก็เพื่อภารกิจในเอเชี่ยน คัพ ไม่ใช่ซูซูกิ คัพ ซึ่งรายการในอาเซียน เป็นแค่รายการที่อยู่ระหว่างทางและถือเป็นการอุ่นเครื่องเตรียมทีมเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าเราจะตกรอบแบบนี้ ดังนั้นผมจึงไม่มีปัญหาอะไรที่จะไปวัดฝีมือกุนซือชาวเซิร์บในเอเชี่ยน คัพ
เพียงแต่ว่าไอ้ที่ท่านนายกบอกว่าไปวัดกันที่เอเชี่ยน คัพ นั้น คือเราจะเอาอะไรมาเป็นตัวชี้วัด หรือเป้าหมายที่จะบอก
"ว่าทีมชาติไทย สอบผ่าน หรือสอบตก"
คือถ้าพูดถึงเอเชี่ยน คัพ หรือฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติเอเชีย ที่ 4 ปี จะมีครั้งนึง ทีมชาติไทย เอาเฉพาะที่มีการเพิ่มเป็น 16 ทีมในช่วง 4-5 ครั้งหลังสุด ราไม่เคยผ่านเข้าสู่รอบสองได้เลย ดังนั้นหากเอเชี่ยน คัพ ที่ยูเออี ครั้งนี้เราเข้าสู่รอบสองได้ถือว่าสอบผ่านแล้วหรือเปล่า
บอกเลยว่ายังไม่พอนะครับ เพราะเอเชี่ยน คัพ ครั้งนี้มีการเพิ่มทีมในการแข่งขันจากเดิม 16 ทีม เป็น 24 ทีม และโอกาสลุ้นเข้ารอบสองก็โคตรจะง่ายแสนง่าย เพราะนอกจากจะเป็นที่ 1 หรือ 2 ของกลุ่ม ที่เข้าโดยอัตโนมัติแล้ว ทีมอันดับ 3 ของกลุ่มก็ยังมีโอกาสลุ้นเป็นอันดับสามที่ดีที่สุด 4 ทีมจาก 6 กลุ่ม คือจะมีอันดับ 3 แค่ 2 ทีมที่ไม่ได้ไปต่อ ดังนั้นโอกาสเข้ารอบมันสูงมากๆ
คือถ้าทีมชาติไทย ผ่านเข้าสู่รอบสองคือรอบ 16 ทีมได้ ด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม หรือรองแชมป์กลุ่ม อันนี้ถือว่าโอเค แต่ก็ยังไม่ถือว่าสอบผ่านซะเลยทีเดียวนะครับ แต่ถ้าเข้ารอบสองไปได้ด้วยการเป็นทีมอันดับสามที่ดีที่สุดนั้นผมว่ามันยังไม่โอเค
เอาหล่ะสมมติเราผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ รอบนี้แหล่ะที่จะได้มาวัดผลงานกันว่าไทยสอบผ่านหรือสอบตก คือเราต้องพยายามผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายให้ได้ ถ้าทำได้นี่สิถึงจะเรียกว่าสอบผ่าน เพราะในฟุตบอลโลก รอบคัดเลือกปีที่ผ่านมา เราเข้าถึงรอบ 12 ทีมสุดท้าย นั่นแสดงว่าเราเป็น 12 ทีมที่ดีที่สุดในเอเชีย
ดังนั้นมาในเอเชี่ยน คัพ เราก็ต้องไปให้ใกล้เคียงกับการเป็น 12 ทีมที่ดีที่สุดของเอเชียให้ได้ นั่นก็คือรอบ 8 ทีม ไม่ใช่รอบ 16 ทีม เพราะถ้าได้แค่ 16 ทีม ก็เท่ากับว่าผลงานถอยหลัง ไม่พัฒนาไปข้างหน้าอย่างที่ท่านนายกบอกเอาไว้
จริงๆ แล้วโอกาสที่ทีมชาติไทย จะไปถึงรอบ 8 ทีม บอกเลยมันไม่ยากอย่างที่คิด โดยเฉพาะรอบแรก เราอยู่ร่วมสายกับ อินเดีย,บาห์เรน และ เจ้าภาพยูเออี ผมมองว่าขั้นต่ำเราต้องมี 3-4 คะแนน แค่นี้โอกาสเข้ารอบก็สูงแล้ว พอเข้าไปรอบ 16 ทีมก็ต้องไปรอดูว่าจะเจอกับใคร ถ้าเจอกับทีมไม่หนักก็พอลุ้นได้ แต่ถ้าเจอทีมเต็งก็คงเหนื่อยหน่อย ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเข้ารอบมาแบบไหน
ทั้งหมดนี้เป็นโจทย์ที่ "ราเยวัช" และสมาคมฯ จะต้องตีมันให้แตก ผมเชื่อว่าทีมชาติไทยทำได้ โดยเฉพาะไสตล์การทำทีมของลุงวัช มันเหมาะมากกับเอเชี่ยน คัพ
ซึ่งผมว่าคำตอบทั้งหมดมันอยู่ที่เกมแรกที่เราจะพบกับอินเดีย ในวันที่ 6 ม.ค.62 เกมนี้ถือว่าเป็นเกมที่เราจะต้องได้สามแต้มหากจะเข้ารอบ ไม่ได้ดูถูกอินเดียนะครับ แต่ถ้าจะมองถึงชัยชนะก็คงต้องลุ้นกับอินเดียนี่แหละ ถ้าไม่ชนะก็อ่าหวังจะเข้ารอบ
ที่น่าสนใจก็คือ ถ้าจะมาเล่นรับเหมือนในซูซูกิ คัพ ละก็ เจออินเดียคุณอาจจะได้แค่เสมอนะครับ และถ้าเป็นเช่นนั้น ก็บอกได้เลยว่าตัวใครตัวมัน เตรียมเก็บกระเป๋ากลับบ้านก่อนกำหนดได้เลย
จะอย่างไรก็ตามผมก็ยังเชื่อว่าไทยจะมีผลงานที่โอเคในเอเชี่ยน คัพ ครั้งนี้ เพราะเราจะได้ผู้เล่นตัวหลักกลับมา พร้อมกับการทำทีมของลุงวัช ที่น่าจะเหมาะกับบอลเอเชียมากกว่าในอาเซียน ซึ่งที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับการเตรียมทีมและวางแผนในแต่ละเกมของโค้ชชาวเซอร์เบียแล้ว
อนาคตของคุณจะได้ไปต่อกับทีมชาติไทย หรือจะต้องตกงานก็ขึ้นอยู่กับเอเชี่ยน คัพ นี่ละครับ ขอให้ได้ขอให้โดน ยังไงก็เชียร์ทีมชาติไทยเหมือนเดิม
จากนี้จะไม่พูดถึงอนาคตของราเยวัช และผลงานของสมาคมฯ อีกแล้ว รอให้ผลงานในเอเชี่ยน คัพ เป็นคำตอบ แล้วเราค่อยมาว่ากันอีกครั้ง
มูซาชิ
