logo-heading

สัญญาว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขียนถึงฟุตบอลอาเซียน และซูซูกิ คัพ ในปีนี้ แต่วันนี้มันอดไม่ได้พอดีไปนึกถึงเรื่องเก่าๆ กับความผิดหวังต่างๆ ของทีมชาติไทยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในฟุตบอลระดับอาเซียน มันมีถึง 5 เหตุการณ์ด้วยกันที่ชอกช้ำระกำทรวงเสียนี่กะไร และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ 5 ที่ว่าผมเองอยู่ในเหตุการ์จริงๆ ถึง 4 ครั้งด้วยกัน 

ก่อนหน้านี้ผมเองเคยบอกไว้ว่าจะไม่เขียนอะไรเกี่ยวกับซูซูกิ คัพ ที่ทีมชาติเพิ่งตกรอบไปอีกแล้ว เพราะไม่รู้จะไปเขียนถึงอะไรอีก ก็ว่ากันไปหมดแล้ว ทั้งผลงาน และเรื่องตัวกุนซืออย่าง "มิโลวาน ราเยวัช" แต่พอดีวันนี้ก็นึกถึงเรื่องเก่าๆ ความผิดหวังต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งประจวบเหมาะกับผมเองได้อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยถึง 4 ครั้ง ก็เลยอยากจะมาเล่าสู่กันฟังซะหน่อย โดยทั้งหมดก็เป็นผลงานอันน่าผิดหวังของทีมชาติไทย ทั้งในฟุตบอลซีเกมส์ และฟุตบอลซูซูกิ คัพ ที่แต่ก่อนสมัยผมมาทำข่าวบอลไทยใหม่ๆ มีแต่ตกรอบแรก แพ้แล้วแพ้อีก เพิ่งจะมาดีได้ก็ปี 2013 โน่น ที่เราปลดล็อกคว้าแชมป์ซีเกมมาครองได้

ไปดูกันว่า 5 เหตุการณ์ที่เกริ่นไปนั้นมีอะไรบ้าง

5 โมเม้นต์สุดช้ำ! ของ "ทีมชาติไทย" ในเวทีอาเซียน

เริ่มเหตุการณ์แรกคือ "การตกรอบแรกซีเกมส์ 2009" ผมเองเริ่มเป็นนักข่าวฟุตบอลไทยในปี พ.ศ.2552 ซึ่งก็คือฤดูกาล 2009 นี่แหละ เข้ามาทำงานตั้งแต่ช่วงเดือน มิ.ย. ซึ่งปลายปีก็ถูกส่งให้ไปตามทำข่าวกีฬาซีเกมส์ครั้งแรกในชีวิต ที่ประเทศลาว แน่นอนผมได้รับมอบหมายให้เกาะติดทีมชาติไทย ตอนนั้นทีมช้างศึกคุมทัพโดย สตีฟ ดาร์บี้ ทุกคนคงจำกันได้ มี "ซิโก้" ตอนนั้นเพิ่งลาออกจากชลบุรี มาเป็นผู้ช่วยโค้ช เราไปซีเกมส์ครั้งนั้นด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม ด้วยดีกรีแชมป์เก่า 8 สมัยติด อีกทั้งเด็กชุดนั้นก็มีตัวเทพๆ ทั้งนั้นอย่าง ธีรศิลป์ แดงดา,สมปอง สอเหลบ,กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์,อภิภู สุนทรพนาเวศ,อาทิตย์ สุนทรพิธ,อดุล หละโสะ,เกียรติประวุฒิ สายแวว และอีกมากมาย แต่สุดท้ายเราไปแพ้มาเลย์ นัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม 2-1 ตกรอบเลยจร้า ท่ามกลางความมึนงง และก็ช็อคกันทั้งประเทศ ผมเองอยู่ในสนามกีฬาแห่งชาติลาว ที่เวียงจันทน์ ยังจำได้เลยว่าทุกอย่างมันหยุดนิ่งไปหมด หูชา มึน งง แล้วก็อึ้งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่มีใครคาดคิด นั่นถือเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงมากๆ ที่ทีมชาติไทยตกรอบแรกซีเกมส์เป้นครั้งแรก

5 โมเม้นต์สุดช้ำ! ของ "ทีมชาติไทย" ในเวทีอาเซียน

ปีถัดมาทีมชุดใหญ่มีคิวลงเตะฟุตบอลซูซูกิ คัพ 2010 อินโดฯ กับ เวียดนาม เป็นเจ้าภาพ ซึ่งทีมชาติไทยของเราเล่นที่เมืองอิเหนา ทีมชุดนั้นมี ไบรอัน ร็อบสัน คุมทัพไป และมี ดาร์บี้ เป็นผู้ช่วย ผมเองไม่ได้ไปทำข่าวในครั้งนั้น แต่เราก็รู้อยู่แล้วว่าการเตรียมทีมในครั้งนั้นไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ ขนาด ร็อบสัน เองก้ยังบ่นเรื่องเวลาในการเตรียมทีมฝึกซ้อม บอกเลยว่าเราไปในสภาพที่ไม่พร้อมจริงๆ ในอาเซียน คัพ ครั้งนั้น และเราก็ตกรอบแรกแบบทีไม่ชนะใครเลย เสมอลาว,เสมอมาเลย์ แพ้เจ้าภาพอินโด ไม่มีคะแนน ยิงได้แค่ 3 ลูก เสียไป 4 ลูก เป้นผลงานที่บรมห่วยเลยในซูซูกิ คัพ ครั้งนั้น และเราก็ตกรอบแรกมาแบบเจ็บปวด

5 โมเม้นต์สุดช้ำ! ของ "ทีมชาติไทย" ในเวทีอาเซียน

ปีถัดมาเรากลับไปเล่นซีเกมส์อีกครั้ง ที่ประเทศอินโดนิเซีย โดยทีมชุดนี้คุมทัพโดย "น้าเหม่งผู้ล่วงลับ" ประพล พงษ์พานิช มี "บิ๊กเษม" เกษม จริยวัฒน์วงศ์ เป็นผู้จัดการทีม ครั้งนี้ผมเองไปทำข่าวซีเกมส์ครั้งที่สองในชีวิต บินไปที่อินโดนิเซียด้วย แต่จ็อบหลักของผมไม่ใช่ตามฟุตบอลทีมชาติ แต่ไปตามกีฬาอื่นๆ แต่ในเกมที่ทีมชาติไทยลงสนาม ซึ่งกีฬาอื่นๆ มันก้จะแข่งจบหมดแล้ว นักข่าวทุกคนก็จะมาเชียร์ทีมชาติไทยกันที่สนามฟุตบอล ในซีเกมส์ครั้งนั้น จำได้ว่ามันจะชนกับฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ซึ่งไทยมีคิวไปเยือนซาอุ แล้วก็มีติ่งอยู่คนนึงก็คือ ธีราทร บุญมาทัน ที่ "น้าเหม่ง" อยากได้ตัวมาเล่นซีเกมส์ ซึ่งก็มาตอนนัดสามที่เจอกับเจ้าภาพอินโด โดยสองนัดก่อนหน้านั้นเราแพ้มาเลเซีย 2-1 ชนะกัมพูชา 4-0 และก็มาแพ้อินโดฯ 3-1 พร้อมกับใบแดงของอุ้ม ถือเป็นซีเกมส์อีกหนนึงที่ไม่น่าจดจำเอาเสียเลย

5 โมเม้นต์สุดช้ำ! ของ "ทีมชาติไทย" ในเวทีอาเซียน

ต่อมาเป็นการแข่งขันซูซูกิ คัพ เมื่อปี 2012 ตอนั้นทีมชาติไทย มี วินฟรีด เชเฟอร์ คุมทีม โดยเราเป็นเจ้าภาพในรอบแรก ทีมชาติไทยชุดนั้น จะว่าไปก็เป็นชุดผสมผสาน นักเตะใหม่กับนักเตะเก่า เมสซี่เจ ก้าวมาติดชุดใหญ่ครั้งแรก และทีมชาติไทยชุดนั้นส่วนใหญ่มาจากผู้เล่นของทีมกิเลนผยอง เรามีผลงานที่ดีมากในรอบแรก เล่นได้ตื่นตาตื่นใจ ชนะ 3 นัดรวดคว้าแชมป์กลุ่ม เข้ารอบมาด้วยความคาดหวัง และรอบตัดเชือกเราก็ผ่านมาเลเซีย มาได้ 2 นัดชนะไป 3-1 เข้าไปชิชนะเลิศกับสิงคโปร์ ที่มี ราดอจโก้ อัฟราโมวิช คุมทัพ ซึ่งสิงคโปร์ชุดนั้นอุดมไปด้วยนักเตะโอนสัญชาติ และเป็นชุดที่ดีชุดนึงของทีมลอดช่องเลยก็ว่าได้ นัดชิงชนะเลิศเกมแรกเราต้องบุกไปเยือนที่สนามจาลัน เบซาร์ ตอนนั้นสนามแห่งชาติสิงคโปร์ปิดปรับปรุงอยู่ ต้องไปเล่นที่จาลัน เบซาร์ ซึ่งเป็นสนามหญ้าเทียม และเล็กมากๆ ผมเองเดินทางไปกับทีมชาติไทยครั้งนั้นด้วย อยู่ในสนามรอบชิงชนะเลิศ ปรากฎว่าเล่นไปเล่นมาเราแพ้สิงคโปร์ 3-1 ในเกมแรก ผมก็คิดในใจแล้วว่า "โอ้โห! แม่งเอ้ย แบบนี้กลับมายากแล้ว เพราะต้องกลับไปยิงในบ้านถึงสองลูก ซึ่งกับสิงคโปร์ชุดนี้ดูแล้วไม่ง่าย" แต่เราก็มั่นใจว่าไทยจะทำได้นะ เพราะเล่นในบ้าน แต่สุดท้ายก็ชนะไปแค่ 1-0 ได้แค่รองแชมป์ แต่การแพ้ครั้งนั้น เหมือนแฟนบอลจะไม่เสียใจเท่าไหร่ เพราะมันมีผลงานที่ดี และมีพัฒนาการที่ดีขึ้นจากตกรอบแรก มาเข้าชิง แฟนบอลส่วนใหญ่จึงรับได้กับผลการแข่งขันที่เกิดขึ้น

5 โมเม้นต์สุดช้ำ! ของ "ทีมชาติไทย" ในเวทีอาเซียน

ปิดท้ายที่ซูซูกิ คัพ 2018 ล่าสุด ที่คงไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เพราะทุกคนเข้าใจถึงความผิดหวังทั้หมดดี ก็เอาเป้นว่านี่เป็น 5 เหตุการณ์ที่น่าผิดหวังและชอกช้ำ สำหรับทีมชาติไทยในการแข่งขันฟุตบอลระดับอาเซียน ตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา

บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าหรือเพราะตัวกูว่าที่เป็นอีแร้ง ทีมชาติไทยตกรอบตลอด แต่บอกเลยไม่ใช่อย่างนั้นนะฮ่ะ เพราะผมเองก็อยู่ในสนามวันที่ทีมชาติไทยได้แชมป์ซูซูกิ คัพ 2014,แชมป์ซีเกมส์ที่สิงคโปร์ 2015 ผมก็ไปทำข่าว รวมทั้งซูซูกิ คัพ 2016 ผมก็อยู่ในสนามนัดชิงด้วย เพียงแต่ว่าเกมที่บุกไปเยือนอินโดฯ เราแพ้ออกมาเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของอดีต จากนี้เรามารวมใจกันใหม่ เพื่อเชียร์ทีมชาติไทย ในเอเชี่ยน คัพ ให้ประสบความสำเร็จก็แล้วกัน

มูซาชิ

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline