logo-heading
ตลาดเดือนมกราคม ฤดูกาล 2018/2019 เดินทางมาถึงวันสุดท้ายเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอาจไม่คึกคักเท่าฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ก็มีการย้ายทีมที่เป็นเซอร์ไพรส์ไม่น้อย วันนี้เราจะพาไปย้อนรอยดูกันว่า 10 ดีลดังที่เกิดขึ้นในวันสุดท้ายของตลาดหน้าหนาวมีใครกันบ้าง ย้อนรอย 10 ดีลดังย้ายกันวันเดดไลน์ของตลาดหน้าหนาว 10. ฌูเลียง โฟแบร์ ถือว่าเป็นเรื่องฮือฮาสุด ๆ ในตอนนั้นเมื่อ ฌูเลียง โฟแบร์ ปีกชาวฝรั่งเศสของ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ถูก เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่ ลาลีกา สเปน ดึงไปร่วมทีม ซึ่งตอนนั้น อยู่ภายใต้การคุมทีมของ ฆวนเด้ รามอส ด้วยสัญญายืมตัวในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดนักเตะ แต่อย่างไรก็ตามเขาได้ลงเล่นไปเพียง 2 นัดเท่านั้นก่อนถูกส่งยกเลิกสัญญาและส่งตัวกลับมาให้ “ขุนค้อน” ในเวลาอันรวดเร็ว ในตอนนั้น ฆวนเด้ รามอส ก็ต้องการปีกตัวสำรอง ก่อนจะติดต่อยืมตัวนักเตะฝรั่งเศสผู้นี้มาแบบสุดช็อค อย่างไรก็ตามช่วงชีวิตตลอด 6 เดือนในถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ของ โฟแบร์ เหมือนเป็นเรื่องตลก ทั้งถูกกล่าวหาว่าเผลอหลับคาม้านั่งสำรองในเกมพบ บียาร์เรอัล จนเจ้าตัวต้องออกมาโต้ว่า จริง ๆ แล้วเขาแค่พักสายตาเพราะรู้สึกเบื่อเท่านั้นเอง รวมไปถึงการที่เขาพลาดซ้อมในวันอาทิตย์ เพราะคิดว่าวันนั้นคือวันหยุด จน ฆวนเด้ รามอส ต้องออกมาบอกว่าเขาต้องสับสนอะไรสักอย่างแน่นอน สุดท้ายก็เลยหมดอนาคตทันที แต่อย่างน้อยมันก็ได้ชื่อว่านักเตะของ เรอัล มาดริด คนนึงล่ะวะ ย้อนรอย 10 ดีลดังย้ายกันวันเดดไลน์ของตลาดหน้าหนาว 9. ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ดาวเตะ อาร์เจนไตน์ ย้ายมาร่วมรัง แอนฟิลด์ ด้วยมูลค่า 18 ล้านปอนด์กับข้อตกลงที่กลายเป็นปัญหาสำหรับ เวสต์แฮม ในประเด็นเจ้าของนักเตะกับบุคคลที่สาม หงส์แดง ต้องรอจนถึงวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะเพื่อให้ ฟีฟา รับรองดีลดังกล่าวทว่ายังไม่สามารถลงเล่นกับต้นสังกัดใหม่ได้ทันทีเนื่องจาก พรีเมียร์ลีก ขอเวลาพิจารณาเพิ่มเติม มาสเคราโน่ ต้องรอจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์กว่าที่เขาจะประเดิมสนามให้กับทีมได้ มิดฟิลด์ตัวรับจาก อาร์เจนติน่า พา ลิเวอร์พูล กรุยทางสู่นัดชิงชนะเลิศ ยูฟา แชมเปี้ยนส์ลีก ตั้งแต่ฤดูกาลแรกในถิ่น แอนฟิลด์ น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถย้อนรอยปาฎิหาริย์ที่ อิสตันบูล ให้เกิดขึ้นอีกครั้งได้เมื่อปราชัยต่อ เอซี มิลาน 2-1 ย้อนรอย 10 ดีลดังย้ายกันวันเดดไลน์ของตลาดหน้าหนาว 8. มาริโอ บาโลเตลลี่ ซูเปอร์มาริโอ กับสโมสร แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เดินทางมาถึงจุดแตกหัก ซึ่งเขาตัดสินใจเดินทางไปฟ้องต่อศาลเพื่อให้ต้นสังกัดคืนเงินค่าเหนื่อยของเขาที่โดนปรับเนื่องจากทำผิดกฎสโมสรหลายต่อหลายครั้งกลับคืนเขาให้หมด แต่ทว่าท้ายที่สุดเขาตัดสินใจถอนฟ้องไป อย่างไรก็ตามนอกจากนี้ทางหัวหอกจอมอินดี้ยังเคยบอกกับเอเย่นต์ของเขาว่า เขาต้องการออกจาก แมนเชสเตอร์ และตอนนี้รอเพียงข้อเสนอจากทีมในอิตาลียื่นมาเท่านั้น ท้ายที่สุดเขาก็ได้ย้ายทีมสมใจในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดนักเตะ เอซี มิลาน บรรลุข้อตกลงคว้า บาโลเตลลี่ ด้วยค่าตัวราว 20 ล้านยูโร ไม่รวมโบนัส ไปร่วมทีมแบบสมใจอยากเจ้าตัวไม่กี่ชั่วโมงก่อนตลาดนักเตะจะปิดตัวลง ย้อนรอย 10 ดีลดังย้ายกันวันเดดไลน์ของตลาดหน้าหนาว 7. ฮวน กวาดราโด้ ถือเป็นแข้งที่มีค่าตัวแพงที่สุดในตลาดหน้าหนาวเดือนมกราคม ปี 2015 สำหรับดีลของปีกทีมชาติโคลอมเบีย ตัวริมเส้นสุดโหด และเป็นที่ต้องการของหลาย ๆ สโมสรยักษ์ใหญ่ อย่าง ฮวน กวาดราโด้ ซึ่งย้ายจาก ฟิออเรนติน่า สโมสรดังในศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี มาร่วมทีม เชลซี จ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในขณะนั้น ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ และเปิดตัวในวันเดดไลน์ก่อนตลาดปิดพอดิบพอดี แท้จริงแล้ว กวาดราโด้ ตกลงย้ายซบ เชลซี เรียบร้อยตั้งแต่ 3-4 วันก่อนวันสุดท้ายของตลาดนักเตะจะปิดลง แต่ทว่าเอกสารไม่เรียบร้อยทำให้ต้องมาเปิดตัวในวันสุดท้ายนั่นเอง แม้ว่าจะแทบไม่มีบทบาทในสีเสื้อของ เชลซี แต่ว่าอย่างน้อยเขาก็ได้สัมผัสกับตำแหน่งแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ในปีนั้นร่วมกับทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” ได้สำเร็จ เรียกว่าย้ายมาเอาแชมป์แท้ ๆ ย้อนรอย 10 ดีลดังย้ายกันวันเดดไลน์ของตลาดหน้าหนาว 6. ริคาร์โด้ กวาร์เรสม่า ปีกทีมชาติโปรตุเกส ตัดสินใจย้ายจาก อินเตอร์ มิลาน มาร่วมทีม เชลซี ด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาล เมื่อปี 2009 ในช่วงวันสุดท้ายก่อนตลาดจะปิดตัวลง ถือเป็นอีกหนึ่งดีลฮือฮาไม่น้อย เพราะเขาเป็นอีกหนึ่งดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากสมัยเล่นอยู่กับ เอฟซี ปอร์โต้ ดังนั้นการย้ายทีมในครั้งนี้หลายฝ่ายก็หวังว่าเขาอาจจะกลับมามีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมอีกครั้ง ในการมาร่วมเล่นในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่งขณะนั้น เชลซี อยู่ภายใต้การนำทัพของ หลุยส์ เฟลิเป้ สโคลารี่ อย่างไรก็ตามหลังจาก สโคลารี่ โดนปลด และสโมสรแต่งตั้ง กุส ฮิดดิ้งค์ เข้ามาแทน ปีกทีมชาติโปรตุเกสรายนี้ก็ไม่ได้รับโอกาสลงสนามเลย ท้ายที่สุด เชลซี ก็ไม่เซ็นสัญญาถาวรกับเจ้าตัว ย้อนรอย 10 ดีลดังย้ายกันวันเดดไลน์ของตลาดหน้าหนาว 5. ดาวิด ลุยซ์ เป็นที่ทราบกันดีว่าปราการหลังทีมชาติบราซิลรายนี้ย้ายมาร่วมเล่นให้กับ เชลซี ถึง 2 หนด้วยกัน และเป็นการย้ายในวันสุดท้ายทั้ง 2 หนอีกด้วย แต่เป็นตลาดนักเตะต่างฤดูกาลกันนั่นเอง ย้อนกลับไปเมื่อ 31 มกราคม ปี 2011 เชลซี บรรลุข้อตกลงคว้าตัว ปราการหลังหัวฟูรายนี้จาก เบนฟิก้า มาร่วมทีมในวันสุดท้ายก่อนตลาดนักเตะปิดตัวลงเพียงไม่กี่ชั่วโมง ด้วยค่าตัวสูงถึง 25 ล้านยูโร ด้วยกัน พร้อมกับส่ง เนมานย่า มาติช เป็นอ็อปชั่นเสริมในดีลครั้งนี้ เขาประสบความสำเร็จพอตัวกับสโมสรที่ได้ทั้งแชมป์ เอฟเอ คัพ , ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก แต่ว่า 2013/2014 ลุยซ์ ไม่สามารถคว้าแชมป์อะไรกับเชลซีได้เลยหนำซ้ำยังได้ลงเล่นแค่ 19 เกมเท่านั้นในเกมลีก และที่สำคัญคือเขาเพิ่งโดนวิจารณ์อย่างหนักสำหรับการติดหนึ่งในขุนพลทีมชาติ บราซิล ชุดที่โดน เยอรมัน ถล่มไปถึง 1-7 แม้จะเป็นเจ้าภาพก็ตาม ในช่วงซัมเมอร์ปี 2014 ท้ายที่สุด เชลซี ทำกำไรมหาศาลจากการขาย ดาวิด ลุยซ์ ให้กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ไปเกือบ 50 ล้านยูโร สำหรับดีลนี้ ในช่วงซัมเมอร์ปี 2014 นั่นเอง ย้อนรอย 10 ดีลดังย้ายกันวันเดดไลน์ของตลาดหน้าหนาว 4. อังเดร อาร์ชาวิน ฟอร์มของอาร์ชาวิน เป็นที่ปลาบปลื้มของ อาร์แซน เวนเกอร์ เมื่อครั้งฉายแววสตาร์ระดับยุโรปจากศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2008 อาร์เซน่อล เฝ้าจับตาเพลย์เมกเกอร์ร่างเล็กแห่ง เซนิต เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ผู้นี้ตั้งแต่ช่วงก่อนเปิดฤดูกาล หวังได้ตัวมาเสริมความแกร่งในแนวรุกให้น่ากลัวยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนจะสมใจในช่วงตลาดการซื้อขายรอบ 2 ใกล้ปิดเพียงไม่กี่ชั่วโมง ด้วยค่าตัวสมฐานะทีมปืนใหญ่ 12 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2009 และหนึ่งในลูกยิงมหัศจรรย์ที่ตราตรึงใจแฟน อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล ซึ่งนั่นทำให้เขากลายเป็นดาวเตะดังระเบิดแจ้งเกิดข้ามคืนไปโดยปริยาย สร้างความฮือฮาไปทั่วโลกก็คือ หลังระเบิดฟอร์มเด็ด ในเกมพรีเมียร์ลีกระหว่าง ลิเวอร์พูล พบ อาร์เซนอล ที่จบลงด้วยผลเสมอสุดมันส์ 4-4 จอมเทคนิคทีมชาติรัสเซีย ยิงคนเดียว 4 ประตูในเกมนี้ เป็นนักเตะคนที่ 2 ที่ทำได้ ต่อจาก มาร์ค วิดูกา ของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่สำคัญคือเกมนี้อาร์เซนอลยิงเข้ากรอบแค่ 4 ครั้ง เป็นประตูทั้ง 4 ครั้ง และมาจากผลงานของ อาร์ชาวิน ทั้ง 4 ครั้ง อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีซีซั่นแรกที่สวยสดงดงามแต่ว่าหลังจากนั้น อาร์ชาวิน ก็เริ่มฟอร์มตก โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนหลุดจากทีมไปในที่สุดก่อนจะย้ายกลับไปยัง เซนิต เซนต์​ปีเตอร์สเบิร์ก ต้นสังกัดเก่าของตัวเองอีกครั้งในปี 2013 ย้อนรอย 10 ดีลดังย้ายกันวันเดดไลน์ของตลาดหน้าหนาว 3. แอนดี้ แคร์โรลล์ หัวหอกขวัญใจทูน อาร์มี่ ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล ไม่กี่ชั่วโมงก่อนตลาดนักเตะจะปิดตัวลง ซึ่ง ลิเวอร์พูล ในขณะนั้นอยู่ภายใต้การนำทีมของ เคนนี่ ดัลกลิช กุนซือและอดีตนักเตะระดับตำนานสกอตแลนด์ ต้องการหัวหอกคนใหม่มาแทน เฟร์นานโด ตอร์เรส ที่ตัดสินใจขอขึ้นบัญชีย้ายไป เชลซี ในวันสุดท้าย ซึ่งการมาของเขาเป็นที่ฮือฮามาก เนื่องจากค่าตัวที่สูงถึง 35 ล้านปอนด์ กลายเป็นสถิติสูงสุดของสโมสร ลิเวอร์พูล ในเวลานั้นไปทันที พร้อมกับความกดดันเนื่องจากถูกตั้งความหวังไว้สูง ท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถทดแทน เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้ ตลอดเวลา 2 ปีครึ่งในแอนฟิลด์ อดีตกองหน้าสาลิกาดง ยิงไป 11 ประตู จาก 58 เกม ก่อนถูกส่งต่อให้ เวสต์แฮม ยืมตัว และย้ายถาวรในเวลาต่อมาด้วยค่าตัวที่ขาดทุนกว่าครึ่งทีเดียว ย้อนรอย 10 ดีลดังย้ายกันวันเดดไลน์ของตลาดหน้าหนาว 2. หลุยส์ ซัวเรซ หลังจากที่ดาวยิงชาวอุรุกวัยโดนโดษแบนยาว 7 นัดจากเหตุการณ์ที่ไปกัดแข้ง พีเอสวี ที่หัวไหล่เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2010 ต้นสังกัด อาแจ็กซ์ ก็ได้ขึ้นบัญชีขาย ซัวเรซ ไม่นานหลังจากนั้นและเป็น หงส์แดง ที่สามารถคว้าตัวกองหน้าจากลีก ดัตช์ มาร่วมทีมสำเร็จในปี 2011 ที่มูลค่าราว 22.8 ล้านปอนด์ นั่นทำให้ ซัวเรซ ทำสถิติเป็นแข้งแพงสุดของ ลิเวอร์พูล ทันที ได้อยู่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะถูกทำลายลงด้วยค่าตัวของ แอนดี้ แคร์โรลล์ ที่ 35 ล้านปอนด์ ในวันสุดท้ายของตลาดนักเตะซัวเรซ ได้พา หงส์แดง ไต่อันดับจากที่ 12 เมื่อเดือนมกราคมปี 2011 ในไปจบในอันดับที่ 6 เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล และยิงได้ทั้งหมด 4 ประตูจาก 13 เกมที่ลงสนาม แม้ท้ายที่สุดเขาจะพา ลิเวอร์พูล ไปไม่ถึงปลายทางคว้าแชมป์จากทีมไปอยู่ บาร์เซโลน่า แต่สาวก ลิเวอร์พูล หลายคนก็ยกให้เขาเป็นหนึ่งในกองหน้าที่ดีที่สุดเท่าที่ ลิเวอร์พูล เคยมีมา ย้อนรอย 10 ดีลดังย้ายกันวันเดดไลน์ของตลาดหน้าหนาว 1. เฟร์นานโด ตอร์เรส ถือได้ว่าเป็นดีลที่สร้างความแค้นเคืองใจให้กับสาวก ลิเวอร์พูล เป็นอย่างมาก และเป็นเป็นไฮไลท์ของตลาดซื้อขายในเดือนมกราคมปี 2011 เลยก็ว่าได้ โดยทุกฝ่ายจับจ้องไปที่การย้ายทีมของ เฟร์นานโด ตอร์เรส จาก ลิเวอร์พูล ไป เชลซี ช่วงวันสุดท้ายของตลาดลูกหนัง การมาของ ซัวเรซ นั่นทำให้ ตอร์เรส ตัดสินใจหนีจาก ลิเวอร์พูล และเป็น เชลซี สร้างความตื่นตะลึงให้กับตลาดนักเตะช่วงปีใหม่ ด้วยการคว้าตัว เฟร์นานโด ตอร์เรส สุดยอดกองหน้ามาจากสโมสร ลิเวอร์พูล ด้วยค่าตัว 50 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นค่าตัวระดับสถิติของเกาะอังกฤษในชั่วโมงนั้น รวมถึงเป็นนักเตะที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ก่อนที่เพิ่งจะโดน อัลบาโร่ โมราต้า ทำลายสถิตินี้ไป มันเป็นการย้ายทีมที่เต็มไปด้วยความหวังจากแฟน ๆ เชลซี แต่ผลงานกลับตรงกันข้าม ดาวยิงแก้มแดงไม่สามารถเล่นได้ใกล้เคียงกับตอนที่อยู่กับ ลิเวอร์พูล แม้แต่น้อย การย้ายมาหาแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ครั้งนี้จึงกลายเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด นัดแรกที่ ตอร์เรส ได้ลงสนาม คือ เกมที่เขาพาทีมพ่ายต้นสังกัดอย่าง ลิเวอร์พูล และหลังจากนั้นเขาต้องรออีกถึง 903 นาที กว่าจะที่ยิงประตูแรกให้กับทีมดังแห่งลอนดอนได้ ซึ่งนั่นถือเป็นลูกเดียวตลอดครึ่งซีซั่นที่เขาทำได้ แม้ผลงานส่วนตัวจะไม่ประสบความสำเร็จ ทว่าผลงานของทีมกลับยอดเยี่ยม เมื่อ เชลซี ได้แชมป์เอฟเอ คัพ, ยูโรป้า ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก

- เปี๊ยกบางใหญ่ -

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline