logo-heading

ฟุตบอลลีกไทยเพิ่งจะผ่านพ้นนัดที่ 5 ของฤดูกาล แต่ประเด็นการ “เปลี่ยนโค้ช” เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ นับเฉพาะลีกสูงสุดเปลี่ยนแปลงไปแล้ว 2 สโมสรแบบเกือบมีรายที่ 3 ด้วย !!!

คนแรกที่ไปตั้งแต่หัววันคือ ดาร์โก มามิช กุนซือชาวโครเอเชียของ ชัยนาท ฮอร์นบิล ที่ตัดสินใจโบกมือลาหลังคุมทีมได้เพียงแค่ 1 นัด ตามข่าวระบุว่า “มามิช” ให้เหตุผล “ปัญหาส่วนตัว” เลยต้องกลับบ้านเกิดไปอย่างเร็ว แต่เหตุผลที่แท้จริงยังมีการนินทากันเสียงดังว่าไม่ใช่อย่างนั้นเสียทีเดียว !!! รายต่อมาที่ไปแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอีกคนคือ คริสเตียน ซีเก้ ตำนานนักเตะ “อินทรีเหล็ก” ทีมชาติเยอรมัน ที่เปิดตัวกับ ราชบุรี มิตรผล แบบเป็นข่าวดังระดับโลก แต่สุดท้ายดันอยู่ไม่นาน แต่ “ซีเก้” นี่เป็นประเด็นไม่น้อย เพราะคุมทีมได้แค่ 2 นัดก็เซย์กู๊ดบายด้วยเหตุผลคล้ายๆ “มามิช” คือ “ปัญหาครอบครัว” ทว่าสื่อนอกตีข่าวคำสัมภาษณ์ว่า “ถูกแทรกแซงการทำงาน” !!! “มามิช” และ “ซีเก้” เป็นกุนซือ 2 รายแรกที่อยู่ไม่จบ แต่นั่นไม่ฮือฮาเท่าที่เกือบมีรายที่ 3 เมื่อ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน ประกาศลาออกจาก เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด (ไทย)ลีก กินโค้ช !!! กรณีของ “โค้ชแบน” นี่เป็นการลาออกแบบมีเหตุผลเรื่องของฟุตบอลมากที่สุด เพราะเป็นการรับผิดชอบหลังพา “กิเลน” บุกพ่าย พีที ประจวบ ทีมน้องใหม่ถึง 1-6 นี่คือสกอร์ที่ยับเยินที่สุดทั้งของสโมสรและโค้ชทำให้ “โค้ชแบน” ที่ได้ชื่อว่าเป็น “สุภาพบุรุษลูกหนัง” ตัดสินใจลาออกหลังจบเกมในทันที การลาออกของ “โค้ชแบน” มีการวิพากษ์ตามมามากมาย ส่วนใหญ่หนักไปทาง “เห็นใจ” เพราะขุมกำลังพลของ “กิเลนผยอง” ฤดูกาลนี้เสียตัวหลักๆไปเยอะ การที่สโมสรตัดสินใจปล่อย ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีราทร บุญมาทัน และ ธีรศิลป์ แดงดา ไปเจลีก ขาย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ไปเบลเยียมถือเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน ความตั้งใจของผู้บริหาร เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด คือการผลัดดันนักเตะไทย “โกอินเตอร์” มาตลอด นั่นจึงทำให้คนไทยได้ภูมิใจที่เห็นคนไทยลงเล่นในลีกต่างแดน แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาอีกมุมหนึ่งคือความเจ็บปวดจากผลงานสโมสร การเสีย “ตัวหลัก” ออกไปขนาดนั้นทำให้ความแข็งแกร่งของทีมลดน้อยถอยลงไปแน่นอน ประกอบกับการหาผู้เล่นใหม่ๆเข้ามาเสริมในฤดูกาลนี้ถือว่าเงียบมากๆสำหรับ “บิ๊กทีม” อย่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ดูแล้วมีแค่รายเดียวที่ฮือฮาคือ “จาจ้า” ดาวยิงบราซิล ส่วนที่เหลือว่ากันตามตรงคือยังทดแทนตัวหลักๆได้ไม่ดีนัก อีกทั้งผู้เล่นอีกหลายคนถูกผ่องถ่ายไปให้ทีมอื่นๆอีก ทั้งทีบางรายน่าจะดีกว่าตัวสำรองที่มีด้วยซ้ำ นี่ไม่ใช่ปัญหาที่เพิ่งเกิด แต่เป็นประเด็นที่ “โค้ชแบน” พูดมานานแล้วว่าตัวผู้เล่นมีจำกัด หลายครั้งจึงจะเห็นช่วงเวลาที่เกิดอาการ “ยุบ” ติดๆกันหลายต่อหลายเกม ปีนี้หนักหน่อยตรงที่ตัวหลักย้ายทีมไป แถมตัวหลักที่อยู่ยังมีอาการเจ็บเล่นไม่ได้อีก อาการเลยไม่ดีตั้งแต่เริ่ม แต่คงไม่มีใครคิดว่าจะหมดสภาพถึงขั้นโดนน้องใหม่ถล่มแหลก แน่นอนละครับว่า “โค้ชแบน” น่าเห็นใจกับสถานการณ์จริงที่ต้องเจอ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สโมสรจะไม่อนุมัติการลาออกของกุนซือรายนี้ “เสี่ยเป้” รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้อำนวยการสโมสรเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ยืนยันว่าทีมยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ “โค้ชแบน” ยังเป็นกุนซือต่อไป ตามข่าวไม่มีรายละเอียดอะไรมากมายนะครับ บอกแค่ว่าไม่เปลี่ยนแปลง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า “โค้ชแบน” ที่ประกาศลาออกไปแล้วจะยังไงต่อ (ไทย)ลีก กินโค้ช !!! ประเด็นนี้คงต้องไปคุยกันภายใน เพราะเท่าที่ได้ยินมามันมีเรื่องที่ต้อง “เคลียร์” อยู่เหมือนกัน ไม่งั้นสถานการณ์ของทีมคงไม่ดีขึ้น เอาเป็นว่าถึงตรงนี้แฟน “กิเลน” ที่สนับสนุน “โค้ชแบน” คงสบายใจได้ระดับหนึ่ง แต่หลังจากนี้ทีมจะดีขึ้นหรือไม่คงต้องตามลุ้นกันเอา ฟุตบอลไทยชั่วโมงนี้บอกเลยครับว่าอะไรก็ไม่แน่นอน วันนี้อย่าง พรุ่งนี้อาจเป็นอีกอย่าง เช่นเดียวกับเรื่องโค้ชนี่ละ แทบจะไม่มีใครการันตีได้เลยว่าจะอยู่ครบเทอม ตอนนี้บางทีมอยากปลดโค้ชใจจะขาด แต่ติดปัญหาเงื่อนไขในสัญญาที่ค้ำคออยู่ ส่วนบางทีมผลงานอาจจะไม่ดี แต่ยังเปลี่ยนแปลงไม่ได้นอกเสียจากว่าจะไม่ไหวจริงๆ คอยจับตาดูกันให้ดีเถอะครับ เชื่อว่าข่าวฮือฮาเรื่องโค้ชจะมีออกมาเป็นระยะๆ แต่จะมากหรือน้อยกว่าฤดูกาลที่แล้วที่มีการเปลี่ยนโค้ชถึง 15 ครั้งหรือไม่...ลุ้นกันเอา !!!

“บับเบิ้ล”

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline