แม้ว่าแดงเดือดจะจบลงไปแล้วด้วยความพ่ายแพ้ของ ลิเวอร์พูล ในการบุกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-2 ที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด นั่นทำให้พวกเขาพ่ายแพ้ต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่รักคู่แค้นในนัดที่ 170 ของการพบกัน
สำหรับการพบกันทั้ง 170 นัดในลีกที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าชัยไป 68 ครั้ง เสมอ 47 ลิเวอร์พูล แพ้ 55 และเป็นทีมที่เก็บชัยชนะเหนือ ลิเวอร์พูล ได้มากสุดในการพบกันอีกด้วย
อย่างไรก็ตามแม้ว่าสถิติ ลิเวอร์พูล จะเป็นรอง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ทว่าในการแข่งขันคว้าตัวนักเตะก็มีปาดหน้าทำเอา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างสะใจเช่นกัน มาดูกันว่า 5 ดีลเด่นที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องถูก ลิเวอร์พูล ปาดหน้าเอาไปในตลาดลูกหนังมีอะไรบ้าง
1. เฟร์นานโด ตอร์เรส
ลิเวอร์พูล ตัดสินใจยื่นเงินจำนวน 20.2 ล้านปอนด์ คว้าตัวหัวหอกกัปตันทีม แอตเลติโก มาดริด มาร่วมทัพ เมื่อปี 2007 หลังจากย้ายมาหัวหอกแก้มแดง ก็กลายเป็นศูนย์หน้าเบอร์ 9 ขวัญใจแฟนหงส์ไปในระยะเวลาอันสั้น ด้วยการระเบิดฟอร์มยอดเยี่ยม ถล่มประตูคู่แข่ง และช่วย ลิเวอร์พูล มีลุ้นแชมป์พรีเมียร์อีกด้วย อย่างไรก็ตาม เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน กุนซือระดับตำนานของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ออกมายอมรับผ่านสื่อ เทเลกราฟ เมื่อปีเดียวกันกับที่ ลิเวอร์พูล คว้า ตอร์เรส ว่า
“เราพยายามยื่นข้อเสนอไปเป็นเวลานานหลายปี แต่ได้ถูกปัดปฏิเสธมาตลอด แอตเลติโก มาดริด ไม่ต้องการขายเขา และตอนนั้นเขายังรู้สึกว่าตัวเขายังอายุน้อยไม่พร้อมสำหรับการย้ายออกมา ดังนั้นพวกเราเลยล้มเลิกความสนใจในตัวเอา ผมคิดว่าการที่ ลิเวอร์พูล มีผู้จัดการทีมอย่าง ราฟาเอล เบนิเตซ ซึ่งเป็นชาวสเปนด้วยเหมือนกัน จึงเป็นข้อดีของเขาในการเจรจาต่อรองกับ แอตเลติโก มาดริด จนคว้านักเตะที่ยอดเยี่ยมมาร่วมทีมได้ที่สุด”
ตอร์เรส ถือได้ว่าเป็นศูนย์หน้าที่คุ้มค่าและประสบความสำเร็จในแอนฟิลด์ไม่น้อย เขาทำไป 81 ประตู จากการลงสนาม 142 เกม ก่อนจะตัดสินใจหักอกแฟน หงส์แดง ย้ายทีมในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาดนักเตะไปหาแสงสว่างที่ปลายอุโมง์กับ เชลซี ในเดือนมกราคม ปี 2010
2. โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่
ในปี 2015 มีข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล กำลังเจรจาคว้าตัวหัวหอก ฮอฟเฟ่นไฮม์ อย่าง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ที่มีจุดเด่นในการจบสกอร์ที่เฉียบคม อีกทั้งยังสามารถถอยลงมาทำเกมในแดนกลางได้อีกด้วย มาร่วมทัพ อย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ต้องแห้ว เนื่องจากแนวรุกแซมบ้าตัดสินใจย้ายมาร่วมทีม ลิเวอร์พูล ที่ได้จรดปากกาเซ็นสัญญากับเขาในเดือนกรกฎาคม ปี 2015 ค่าตัว 29 ล้านปอนด์
ปัจจุบัน ฟีร์มิโน่ มีส่วนกับการทำประตูไปแล้ว 80 ประตู โดยเป็น 45 ประตู กับอีก 35 แอสซิสต์ จากการลงสนามไปกว่า 130 เกม และยังกลายเป็นแนวรุกสุดโหดเมื่อได้ลงเล่นประสานงานกับ ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ อีกด้วย
3. ซาดิโอ มาเน่
หนึ่งในแข้ง เซาธ์แฮมป์ตัน ที่ ลิเวอร์พูล สอยมาร่วมทีม ทีมชาติเซเนกัลรายนี้ตกเป็นข่าวว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังจับตามองและให้ความสนใจในตัวเขา ซึ่งตอนนั้น หลุยส์ ฟาน กัล นั่งกุมบังเหียนอยู่เช่นกัน อย่างไรก็ตามแม้ว่ากุนซือชาวดัตช์จะถูกปลดออกไป โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งแทนจะยืนยันว่าให้ความสนใจในตัวเขา แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ท้ายที่สุด มาเน่ ตัดสินใจย้ายมาร่วมทัพ ลิเวอร์พูล ซึ่งมีกุนซือเฮฟวี่เมทัลอย่าง เยอร์เก้น คล็อปป์ คุมทีมอยู่
ทั้งนี้ ลิเวอร์พูล เอคโค่ สื่อดังท้องถิ่นของ ลิเวอร์พูล เคยเปิดเผยบทสัมภาษณ์ของ มูรินโญ่ และ ซาดิโอ มาเน่ ไว้ว่า
“ใช่ มันเป็นเรื่องจริง เราให้ความสนใจตัวเขา” มูรินโญ่ กล่าว
“มีหลายสโมสรที่ยื่นข้อเสนอเข้ามาไม่ใช่เพียงแต่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เมื่อผมได้รู้ว่า ลิเวอร์พูล ก็ยื่นข้อเสนอมาด้วย ผมร้สึกทันทีว่านี่คือสโมสรที่มีกุนซือที่ผมปรารถนาไปร่วมเล่นด้วย ดังนั้นผมจึงตัดสินใจย้ายมาที่นี่ มันเป็นการย้ายทีมที่ถูกต้องแล้ว สำหรับ ลิเวอร์พูล ที่มีประวัติศาสตร์มากมาย ผมพยายามอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาฝีเท้าช่วยทีมให้ได้มากที่สุด” มาเน่ กล่าว
4. แฮร์รี่ คีเวลล์
ย้อนกลับไปเมื่อครั้ง เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสันยังคงคุม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่เขาให้ความสนใจในตัวปีกรายนี้มาก อย่างไรก็ตามตอนนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีทั้ง ไรอัน กิ๊กส์ รวมไปถึง เดวิด เบ็คแฮม ที่สามารถขยับมาเล่นกลางได้ และทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งในช่วงยุค 1990 อย่างไรก็ตาม
แม้ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พยายาม ที่จะคว้าตัวเขาไปร่วมทีม แต่ทว่า ลิเวอร์พูล ก็ได้ตัวเขาไปครองในท้ายสุด เมื่อปี 2003 ซึ่ง คีเวลล์ เปิดเผยผ่านสื่อ การ์เดี้ยน ว่า
“การลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล คือสิ่งที่เขาปรารถนามากที่สุด”
หลังจากที่พลาดคว้า คีเวลล์ เซอร์ อเล็กซ์ ก็ตัดสินใจไปคว้า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวเตะซูเปอร์สตาร์นั่นเอง
5. เยอร์เก้น คล็อปป์
เดวิด มอยส์ กลายเป็นกุนซือ “Chosen One” เมื่อ เซอร์ อเล็กซ์ ตัดสินใจเลือกเขาเข้ามาสานต่องานกุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2013 อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ลิสต์ตัวเลือกอื่นไว้ด้วย ซึ่งมีทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แต่ก็ต้องอกหัก เพราะ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เลือกไปคุม บาเยิร์น มิวนิค ในตอนนั้น อีกคนที่มีรายชื่อติดโผก็คือ เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือเลือดเบียร์ฮาร์ดคอร์ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในตอนนั้น
การ์เดี้ยน รายงานบทสัมภาษณ์ของ คล็อปป์ ไว้ว่า “เรามีการพูดคุยมากมาย มันเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่ แต่ผมยังไม่คิดที่จะย้ายออกจาก ดอร์ทมุนด์ ตอนนี้คุณกำลังมีแผนงานกับสโมสรในฤดูกาลต่อไป คุณมีนักเตะที่เพียบพร้อมในทีม และนักเตะใหม่ที่กำลังเข้ามา แล้วคุณจะทิ้งที่นี่ไปหรือ ? มันไม่ดีแน่นอน มันไม่ใช่แนวทางชีวิตของผม”
ท้ายที่สุด 2 ปีถัดมา หลังจากที่ คล็อปป์ ตัดสินใจอำลา ดอร์ทมุนด์ และว่างงานอยู่ ได้ตัดสินใจเข้ามาคุมทีม ลิเวอร์พูล และสร้างทีม ลิเวอร์พูล ให้กลับมาโลดแล่นบนเวที แชมเปี้ยนส์ลีก รวมไปถึงมีลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก และติดท็อปโฟร์อีกครั้ง
