logo-heading

เหตุการณ์ไทยลีกที่เกิดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่คงไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ ความพ่ายแพ้มโหฬารจนต้องบันทึกเป็นสถิติใหม่ของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ที่มีต่อ พีที ประจวบ เอฟซี 1-6 ณ สนามสามอ่าว สเตเดี้ยม

สนามเล็กๆ แต่กองเชียร์ยิ่งใหญ่ ยิ่งใหญ่ซะจนนักฟุตบอลของพวกเขาวิ่ง สู้ ฟัด กัดไม่ปล่อย และสามารถเก็บแต้มได้เต็มเม็ดเต็มหน่วยเป็นของขวัญแก่แฟนบอลทุกนัดที่สนามแห่งนี้ สกอร์ดังกล่าว เหมือนมีฟ้าผ่าแผดเผาร่างกิเลนให้หมองไหม้เป็นจุณ จนเป็นเหตุให้เกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมา เมื่อความสุขในการทำงาน มันหายไปในรั้วกิเลน อาฟเตอร์ช็อกหลังจากสกอร์อันน่าตื่นตะลึง นั่นคือการประกาศลาออกของ “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน เฮ้ดโค้ชเจ้าของฉายา สุภาพบุรุษลูกหนัง โดยมีใจความตอนหนึ่งของการประกาศลาออกว่า “ก็จริงๆ แล้ว มันเป็นมาตั้งแต่ต้นฤดูกาล ก็อาจจะเป็นที่ตัวผมด้วย เพราะน้องๆ อาจจะขาดแรงจูงใจที่จะเล่น ทั้งในเรื่องแทคติกของเรา ในเรื่องของเกมเรา เขาอาจไม่มีความสุขในการเล่นหรือเปล่า” ขึ้นชื่อว่า “นักฟุตบอล” ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่า ค่อนข้างแบกรับความกดดัน ในฟอร์มที่ถูกคาดหวังว่าต้องดี ในลักษณะการทำงานที่ต้องขยัน เป็นงานที่ใครๆ ก็โฟกัสได้ ทุกคนมองเห็น เพราะมีการถ่ายทอดสด ฉายฟอร์มการเล่นไปทั่วประเทศ และเป็นงานที่ต้องถูกวิจารณ์เป็นประจำ ชนิดหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้น “งานที่ยากงานนี้ หัวจิตหัวใจสำคัญ ความสุขในการเล่นก็สำคัญ” ครั้งหนึ่ง โรนัลโด้ (เหยินใหญ่) ตำนานแห่งบราซิล ได้กล่าวถึง โรนัลดินโญ่ อย่างน่าฟังว่า “เขา คือ นักเตะที่สามารถเล่นงานนักเตะคนอื่นในเกมการแข่งขัน แล้วพอจบเกม เขาก็สามารถหัวเราะ และคุยเล่นหยอกล้อกับนักเตะเหล่านั้นได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งผมไม่เคยเห็นใครทำได้แบบนี้มาก่อน” ใช่แล้ว นั่นเป็นเพราะ โรนัลดินโญ่ มีความสุข มีรอยยิ้ม ในการทำงานทุกครั้งที่เขาได้รับมอบหมายให้ลงสนาม เขาเลยเป็นตำนานที่ใครๆ ก็จดจำ แต่รอยยิ้มของนักฟุตบอลในแบบที่โรนัลดินโญ่มี มันกำลังจะหายไปจากรั้วกิเลน เมื่อความสุขในการทำงาน มันหายไปในรั้วกิเลน อาจเป็นเพราะการขาดหายไปทีละคนทีละคนของนักเตะแม่เหล็ก ที่เป็นเสมือนแกนหลักในการอำกัน หยอกล้อกันตอนซ้อมตอนวอร์มตอนแข่ง ได้ถูกผ่องถ่ายไปอยู่ทีมอื่นๆ ทั้ง ชนาธิป สรงกระสินธ์, ธีรศิลป์ แดงดา, ธีราทร บุญมาทัน และ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ อาจเป็นเพราะความคาดหวังที่โถมเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว ในวันที่ไร้ “พี่น้องกำลังหลัก” ที่เคยอยู่ชายคาเดียวกัน เราต้องยิงประตูแทนเขา เราต้องสร้างสรรค์เกมให้ได้เหมือนเขา เราต้องปกป้องประตูให้ได้เหมือนเขา เราต้อง เราต้อง เราต้อง... อาจเป็นเพราะ แบกความคาดหวัง จนกลายเป็นความกดดัน เลยส่งผลให้ รอยยิ้ม และความสุขถูกบั่นทอนจนหายไปทีละเล็กทีละน้อย จากรอยยิ้มที่เคยปรากฏบนสีหน้าของเหล่านักเตะกิเลนผยอง ในยามชื่นคืนสุข เมื่อความสุขในการทำงาน มันหายไปในรั้วกิเลน กลับกลายเป็นสีหน้าที่ดูเหนื่อยของ ชาริล ชัปปุยส์ สีหน้าที่ดูกดดันของ สิโรจน์ ฉัตรทอง สีหน้าที่ดูละเหี่ยใจ (กับความไม่เข้าใจร่วมกับกองหลัง) ของ กัมพล ปฐมอรรรฆย์กุล สีหน้าที่ดูคิดมากของ สารัช อยู่เย็น สีหน้าที่ดูเคร่งเครียดของ นาโออากิ อาโอยามะ สีหน้าที่ซีเรียสกับฟอร์มการเล่นตนเองของ เซลิโอ ซานโต้ส สีหน้าที่อะไรๆ ก็ไม่เป็นใจของสองกองหน้าอย่าง แฮเบอร์ตี้ แฟร์นานเดส และ ชาช่า โคเอลโญ่ และสีหน้าที่ดูวิตกกังวลของทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ช และเหล่าสำรองข้างสนาม คนเราเกิดมาก็ต้องทำงานกันทั้งนั้น งานไม่ว่าจะเล็ก ไม่ว่าจะใหญ่ หากทำด้วยใจที่มีความสุข ผลตอบรับมันก็มักจะดีเสมอ เพราะรอยยิ้มกับความสุข ไม่มีขาย และประเมินค่าไม่ได้ ในทางกลับกัน หากวันหนึ่งเราต้องทำงานแบบไร้ความสุข ดังเช่นที่ โค้ชแบน ได้ตั้งคำถามลูกทีมกิเลนผยองแบบเปรยๆ ก่อนลาออกว่า “พวกเขาอาจจะไม่มีความสุขในการเล่นหรือเปล่า” เมื่อนั้นผลลัพท์ทุกอย่างก็จะเลวร้ายอย่างที่เห็น ณ สามอ่าว สเตเดี้ยม เพราะความสุข คือ ตัวแปรต้นที่ดีที่สุดในการทำงานนั่นเอง…  

จอน

ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมของ ขอบสนาม
logoline