ถือว่าเป็นธรรมเนียมก่อนการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกจะเรื่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ที่เราจะนำเสนอเหล่า "คีย์แมน" ของทุกๆ ทีม ให้แฟนๆ ฟุตบอลได้รู้จักกัน โดยในปีนี้มีเพียงแค่ 16 ทีม 16 คีย์แมนเท่านั้น
แต่ในวันนี้ "ขอบสนามบอลไทย" ขอนำเสนอครึ่งหนึ่งก่อนคือ 8 คีย์แมนของ 8 ทีม และจะต่อด้วยอีก 8 ทีมในวันพรุ่งนี้ โดยวันนี้ "คีย์แมน" ของแต่ละทีมจะเป็นใครบ้าง ลองมาดูกันเลยครับ ???
1.บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
ทุกๆ ปีชื่อที่จะถูกพูดถึงมากที่สุดของ "ปราสาทสายฟ้า" คงหนีไม่พ้น ดิโอโก้ หลุยส์ ซานโต ดาวซัลโวตลอดกาลของทีมที่แบกทีมมาตลอด แต่ในปีนี้เมื่อไร้ชื่อของ "เทพเจ้าสายฟ้า" ที่ย้ายไปแล้ว ดังนั้นคงต้องมองหา "คีย์แมนคนใหม่" ที่จะมารับหน้าที่แทน และจากการผลงานในช่วงปรีซีซั่นที่ผ่านมา เราคงต้องยกตำแหน่งสำคัญนี้ให้กับ
ศุภชัย ใจเด็ด ที่สามารถยกระดับผลงานของตัวเองขึ้นมาได้อย่างยอดเยี่ยมตลอด 1 - 2 ปี จากดาวรุ่ง ขยับมาเป็นกำลังสำคัญ ที่ทีมจะขาดไม่ได้ไปแล้ว ซึ่งปีนี้เรามองว่าถึงเวลาแล้วที่ "เจ้าอาร์ม" จะขึ้นมาเป็นความหวังใหม่ของแชมป์เก่าไทยลีก
2. ทรู แบงค็อก
ด้วยความที่ปีนี้ต้องมาให้ได้เลยทำให้ ทรู แบงค็อก จัดการเสริมทัพแบบจัดหนัก จัดเต็ม กันเลยทีเดียว แต่ถ้าจะกวาดสายตาดู "คีย์แมน" ของ บียู เราคงต้องยกไปให้ที่ผู้เล่นในเกมรุกที่จัดจ้านในย่านนี้ทุกๆ ตำแหน่ง แต่คนที่เด็ดดวงและน่าจะเป็นตัวความหวังที่สุด
ทีมงานขอบสนามบอลไทยขอยกให้กับ วานเดอร์ หลุยส์ กองกลางตัวปั้นเกมชาวบราซิลเลี่ยน ที่ปีที่แล้วเป็นเจ้าพ่อแอสซิสของทีมด้วย ดังนั้นจึงมองว่าปีนี้การขึ้นเกมต่างๆ ดูแล้วน่าจะต้องมาขึ้นเขาอีกแน่นอน และจากการเกมอุ่นเครื่องหรือเกมใน เอเอฟซี ชปล. ที่ผ่านมาก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
3. การท่าเรือ เอฟซี
ลูกทีมของ "มาดามแป้ง" ที่ปีนี้เสริมมาไม่เยอะมาก ทำให้เมื่อดูแล้ว "คีย์แมน" ก็คงจะเป็นคนดีคนเดิมอย่าง "เซร์คิโอ ซัวเรส" กองกลางชาวสเปนที่เพิ่งต่อสัญญากับทีมออกไปอีก 1 ปี เพราะความสำคัญของหมอนี้ไม่ใช่แค่ปั้นเกม แต่เป็นการสอดขึ้นมายิงประตู โดยปีที่แล้วช่วงที่ทีมปืนฝืดและหลุดฟอร์มไปก็เพราะเขาเจ็บอยู่บ่อยครั้ง แต่พอ "ซัวเรส" กลับมาสู่ทีมได้ ผลงานก็ดีขึ้นตามลำดับจนพาทีมจบอันดับที่ 3 ไทยลีกได้สำเร็จ
ดังนั้นคิดว่าปีที่แล้วความสำคัญมากขนาดไหน ปีนี้ ซัวเรส กับ ท่าเรือ ก็คงจะไม่ต่างกัน
4. เอสซีจี เมืองทอง
คำว่าเดอะแบกที่ปีที่แล้วฮิตกันเหลือเกิน ก็เริ่มมาจาก "เดอะแบก แห่ง กิเลนผยอง" คนนี้นี่แหละ และปีนี้แม้ เอสซีจี เมืองทอง จะมีแข้งหน้าใหม่เข้ามาเยอะ พร้อมกับการกลับมาของ "เทพมุ้ย" ธีรศิลป์ แดงดา แต่เชื่อเถอะว่าความสำคัญของ "เฮแบร์ตี้ เฟอร์นานเดส" ไม่น้อยลงแน่นอน แต่อย่างน้อยๆ เขาน่าจะมีคนมาช่วยแบ่งเบาการยิงมากขึ้น เพราะการมีทั้ง มุ้ย, กอล์ฟ, อ่อง ธู น่าจะพอทำให้เกมรุกของ เมืองทอง ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขาคนเดียวอีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้น "เดอะแบก ก็ยังเป็น เดอะแบก" อยู่วันยันค่ำอยู่ดีเชื่อสิ
5. สิงห์ เชียงราย
มาต่อกันที่ "สิงห์ เชียงราย" ทีมจากเมืองเหนือที่ปีที่แล้วคว้า 3 แชมป์บอลถ้วย แต่ในปีนี้มีการขยับเยอะโดยเฉพาะเรื่อง "เฮดโค้ช" และ "ตัวผู้เล่น" แต่หนึ่งในคนที่ยังอยู่และน่าจะเป็น "คีย์แมน" ของทีมต่อไปได้อีก 1 ปี ได้แก่ บิลล์ โรซิมาร์ กองหน้าชาวบราซิลที่ปีที่แล้วย้ายมาสู่ทีมในเลกที่ 2 แต่ยิงกระจาย ซึ่งถ้านับตอนนี้ก็เฉียดๆ 30 ประตูไปแล้ว
และหลายๆ เกมที่ผ่านมา หาก บิลล์ เล่นได้ดีทีมมักจบลงด้วยการชนะ ซึ่งมันบ่งบอกถึงความสำคัญของเขากับทีมว่าสำคัญขนาดไหน
6. พีที ประจวบ
ปีที่แล้ว "เดอะแบก" ของ "พีที ประจวบ" อย่าง โจนาธาน เฮส ที่ย้ายมาปีแรกแล้วยิงกระฉูดจนกลายเป็นรองดาวซัลโวของไทยลีก แต่ปีนี้ไม่มี นายเฮส อีกแล้ว พร้อมกับการหายไปของ ลอสซาน่า ดุมบูย่า ด้วย
ทำให้เมื่อกวาดสายตาไปแล้วเกมรุกคงจะดร็อปลงไปพอสมควร ดังนั้น "คีย์แมน" อาจจะต้องมองต่ำลงมาหน่อย ซึ่งเราขอยกตำแหน่งนี้ให้กับ จิตปัญญา ทิสุด กองกลางตัวคลาสสิคของทีมที่ปีนี้น่าจะกลับมาฟิตอีกครั้งหลังเจ็บไปนาน โดย "เจ้าหน่อง" น่าจะแบกความหวังการปั้นเกมของ ต่อพิฆาต เอาไว้เยอะพอสมควร
7. นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี
ด้วยความที่ปีนี้ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ยังคงเซ็ตนักเตะเดิมๆ เอาไว้หลายคนพอสมควร ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ เลอันโดร อัสซัมเซา กองหน้าชาวบราซิล ที่เลือกต่อสัญญากับทีมออกไปอีก 1 ปี
ทำให้เมื่อนำมารวมกับแข้งใหม่ๆ อย่าง เฮนรี่ ดุมเบีย หรือ อมาดู อ็อตตาล่า น่าจะทำให้เกมรุกของสวาทแคทดุดันขึ้นเยอะ โดยมี "อัสซ่า" เป็นศูนย์กลางในการเล่นเกมรุกและการคอยจบสกอร์เหมือนเดิม
8. สมุทรปราการ ซิตี้
สำหรับทีมอันดับที่ 8 เมื่อปีที่แล้วอย่าง สมุทรปราการ ซิตี้ เราขอยกตำแหน่งนี้ให้กับอีกหนึ่งแข้งคนไทยได้แก่ "เจ้าชายเขี้ยวสมุทร" พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี กองกลางดีกรีทีมชาติไทย โดยล่าสุด "นิวฉ่ำ" เพิ่งจะรับตำแหน่งกัปตันทีมคนใหม่ของทีมอีกด้วย ซึ่งหมายถึงความสำคัญของเขาที่มีต่อทีมมากในระดับนึง โดยปีนี้เจ้าตัวฟิตเต็มร้อยอีกครั้งและพร้อมแล้วสำหรับการเล่นให้กับทีมในฤดูกาล 2019
ติดตาม EP. 2 ในวันพรุ่งนี้ครับ ...
บทความโดย : บอลกูรู (เจษดาพร ศรีสรง)
