ไม่รู้ว่า เชลซี ได้เดินสายทำบุญบ้างหรือเปล่า เพราะนับตั้งแต่กลางปี 2018 จนถึง เดือนกุมภาพันธ์ 2019 พวกเขาต้องเจอแต่เรื่องปวดหัวไม่เว้นวัน หลายๆอย่างประดังถาโถมเข้ามา แบบไม่ยอมพักหายใจ ไล่ตั้งแต่สโมสรยันมาถึงตัวนักเตะ
เรียกว่าทัพ "สิงห์บลูส์" กำลังเจอวิกฤตอย่างหนัก และ ยังไม่รู้ว่าพวกเขามีมาตรการหาทางออกอย่างไร เพราะ 4 เรื่องวุ่นๆที่กำลังจะว่าต่อไปนี้ หนักหนาสาหัสมากเหลือเกิน
4. เสี่ยหมีถูกแบนห้ามเข้า อังกฤษ
เรื่องราววุ่นๆเริ่มแรกของ เชลซี ก็คงต้องบอกว่าเป็นผลกระทบอันใหญ่หลวง ที่เกิดขึ้นกับเจ้าของสโมสร นั่นก็คือ โรมัน อบราโมวิช เศรษฐีผู้มั่งคั่งชาวรัสเซีย เพราะย้อนกลับไปราวๆสักเดือนเมษายน 2018 "เสี่ยหมี" ถูกทางการ อังกฤษ ปฏิเสธให้ต่อวีซ่า ด้วยเหตุผลเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
สาเหตที่ เสี่ยหมี ไม่ได้รับการต่อ วีซ่า ให้ทำงานในประเทศอังกฤษ ว่ากันว่าเพราะเป็นคนสนิทของ วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย จากภาวะความตึงเครียดในเรื่องของการวางยาพิษปลิดชีพ เซอร์เก สครีพอล อดีตสายลับ "หมีขาว" ที่มาพักอาศัยอยู่ในสหราชอาณาจักร
ฉะนั้นเมื่อ โรมัน อบราโมวิช ถูกระงับการต่อวีซ่า ทำงานใน อังกฤษ ก็ทำให้โปรเจ็คท์หลายๆของ เชลซี ล่มลงไป โดยเฉพาะแผนงานสร้างสนามแห่งใหม่ รวมถึงการเดินทางมาให้กำลังลูกทีม "สิงห์บลูส์" ก็ทำไม่ได้ นอกจากต่อสายตรงทางโทรศัพท์เท่านั้น
3. เอแด็น อาซาร์ ปฏิเสธ ต่อสัญญาฉบับใหม่
ถ้าจะให้เลือกว่าใครเป็นนักเตะเบอร์ 1 ของทีม ราวกับเป็นคนสำคัญที่จะขาดไปไม่ได้ ก็คงไม่มีใคร นอกจาก เอแด็น อาซาร์ แนวรุกตัวเทพทีมชาติเบลเยี่ยม แต่นั่นมันเหมือนเป็นการตอกย้ำให้เห็นภาพว่า ถ้า "สิงห์บลูส์" ขาดนักเตะรายนี้ไปเมื่อไหร่ เตรียมงานเข้าได้เลย และ พวกเขาก็เพียงแค่รอเวลาให้เกิดขึ้นเท่านั้น
เพราะ อาซาร์ ปฏิเสธต่อสัญญาฉบับใหม่กับ เชลซี มานับไม่ถ้วน ทั้งๆที่ข้อผูกมัดกำลังจะหมดลงในช่วงซัมเมอร์ปี 2020 เหตุผลเดียวที่ดาวเตะรายนี้ เลือกตัดสินใจไม่ลงลายเซ็นต์ เนื่องจากเขาต้องการทำตามความใฝ่ฝัน อยากย้ายไปค้าแข้งให้กับ เรอัล มาดริด ยักษ์ใหญ่ ลา ลีกา สเปน
และล่าสุด อาซาร์ ได้ประกาศผ่านสื่อไปแล้วว่า ตัวเขาเองได้ตัดสินใจกับเส้นทางในอนาคตได้แล้ว แต่ยังไม่พูดตอนนี้ ขอรอเวลาที่เหมาะสม โดยตั้งเป้าช่วย เชลซี ไปจนจบฤดูกาล แหม่ให้สัมภาษณ์มาแบบนี้ ดูจะเอนเอียงไปทาง "ราชันชุดขาว" มากเหลือเกิน เพราะถ้าคนอยากอยู่ต่อ ก็คงไม่ต้องพูดอะไรให้มากความขนาดนี้
2. เมาริซิโอ ซาร์รี่ เต็ง 1 โดนปลด
เชลซี เป็นสโมสรกินกุนซือเลยก็ว่าได้ และ เสียเงินกับการปลดโค้ชก่อนกำหนดสัญญา ไปแล้วถึง 9 คน เป็นจำนวนเงินเกือบ 90 ล้านปอนด์ (เฉียดๆ 4,000 ล้านบาท) ซึ่งรายล่าสุดก็คือ อันโตนิโอ คอนเต้ เทรนเนอร์ชาวอิตาเลี่ยน ก่อนจะไปแต่งตั้ง เมาริซิโอ ซาร์รี่ เข้ามากุมบังเหียน
แรกๆ เริ่มต้นด้วยความงดงามกับ ซาร์รี่ พาทีมเปิดตัวไร้พ่ายถึง 18 นัด แต่ทว่าสุดท้ายก็พบว่ามันเป็นเพียง "ปฏิมากรรมน้ำแข็ง" เชยชมความสวยงามได้ไม่นาน ก็ละลายหายไป เพราะปัจจุบัน เมาริซิโอ ซาร์รี่ กลายเป็นตัวเต็ง ที่จะโดนปลดออกจากตำแหน่งในไม่ช้านี้
ไม่ว่าจะเป็นการแพ้ อาร์เซน่อล 0-2, แพ้ บอร์นมัธ 0-4, แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-6 และ ตกรอบ เอฟเอ คัพ ด้วยการพ่ายคาบ้านต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-2 รวมถึงมักมีการตำหนิลูกทีมผ่านสื่อบ่อยๆ ดูแล้วถ้าผลงานไม่กระเตื้อง ซาร์รี่ เตรียมตกงานได้เลย ซึ่งมีค่าชดเชยสัญญาแค่ 5 ล้านปอนด์ เท่านั้น หากมีการปลดฟ้าผ่า
1. โดนแบนห้ามซื้อนักเตะ
นี่คือสถานการณ์วิกฤตล่าสุดของสโมสร เชลซี เพราะพวกเขาโดน สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ประกาศสั่งแบนห้ามซื้อนักเตะมาร่วมทีม ในช่วงตลาด 2 รอบถัดไป จากการทำผิดกฎระเบียบเซ็นสัญญานักเตะต่างชาติ ที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งมีมากถึง 29 คน
เอาจริงๆถ้าย้อนกลับไปเมื่อครั้งฤดูกาลที่ "สิงห์บลูส์" คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาได้ เมื่อ 2 ปีก่อน การโดนแบนห้ามซื้อนักเตะ มันอาจจะไม่มีผลกระสบใหญ่หลวง เพราะช่วงนั้นทำอะไรก็ดูดีไปหมด แต่ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน ถ้าหาก เอแด็น อาซาร์ ย้ายไปอยู่กับ เรอัล มาดริด จริงๆ อิมแพ็คมันจะกลับมาสู่ เชลซี แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถึงแม้จะได้ คริสเตียน พูลิซิช มาจาก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ แน่นอนแล้ว แต่การได้นักเตะรายนี้มาคนเดียวคงไม่เพียงพอ เพราะหากให้วิเคราะห์กันดีๆ มีอีกหลายตำแหน่งด้วยซ้ำที่ เชลซี ควรจะซื้อเพิ่ม แต่ในเมื่อบทลงโทษมันออกมา ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ นอกจากก้มหน้ารับกรรม และ ใช้ของใกล้ตัวที่มีอยู่กับทีม
