ฟุตบอล “ไทยลีก 2019” ออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ไปแล้ว ภาพรวมจากทั้งหมด 8 เกมในนัดประเดิมสนามถือว่าโอเคเลยทีเดียว เกมสนุก มาตรฐานดีขึ้น คนดูหนาตา
จาก 8 คู่มีแค่ 4 ทีมที่ชนะ ตำแหน่ง
“จ่าฝูง” ตกเป็นของ
ราชบุรี มิตรผล ที่ขึ้นนำร่วมกับ
สมุทรปราการ ซิตี ที่ผลงานเท่ากันหมดทั้ง 3 แต้ม ยิงได้ 3 ประตู ผลต่างประตูได้-เสีย บวก 1
ส่วนอีก 2 ทีมที่ชนะคือ
พีที ประจวบ และ
นครราชสีมา มาสด้า ที่ยิงได้ทีมละ 1 ประตู แต่เป็นการชนะในเกมเยือนทั้งคู่ ถือว่าไม่ธรรมดา
ขณะที่
“ทีมเต็ง” โดยเฉพาะ
“ท็อปโฟว์” ฤดูกาลที่แล้วไม่มีใครที่ชนะเลย ทั้ง “แชมป์เก่า”
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และ “ผู้ท้าชิง”
ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด การท่าเรือ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด
ที่หนักสุดน่าจะเป็น “กิเลนผยอง” ที่ถึงขั้นพังคาบ้าน เล่นเอา “โค้ชเบ๊”
ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เลยว่าจะอยู่รอดจนครบเทอมหรือไม่ !!!
ด้าน
“น้องใหม่” พ่ายรวดกันหมด ไม่ว่าจะเป็นแชมป์จาก “ไทยลีก 2” อย่าง
พีทีที ระยอง ที่แพ้คาบ้าน รวมถึงเพื่อนที่ขึ้นชั้นมาด้วยกันทั้ง
ตราด และ
เชียงใหม่ ต่างไม่มีแต้มในเกมแรก
อย่างไรก็ดีนี่แค่นัดแรกเท่านั้น ระยะทางยังอีกยาวไกล เชื่อว่าการ
“ลุ้นแชมป์” และ
“หนีตกชั้น” น่าจะต้องลุ้นกันยาวๆ แต่ละทีมดูไม่ห่าง ไม่มีใครเด่นโดดๆหรือแย่แบบเห็นๆ
สำหรับสถิติการยิงประตูในสัปดาห์แรก 8 คู่ซัลโวกันไปทั้งหมด 18 ประตูจาก 10 สโมสร นักเตะที่ยิงได้แบ่งเป็นแข้งต่างชาติกดไป 10 ประตู และคนไทยยิงได้ 8 ตุง
ยานนิค โบลี นักเตะตัวใหม่ “ราชันมังกร” บันทึกสถิติเป็น
“แฮตทริกแรกของฤดูกาล” พร้อมขึ้นนำดาวซัลโวด้วยผลงาน 3 ประตู
ผู้เล่นไทยที่ยิงประตูได้มากที่สุดคือ
สุภโชค สารชาติ ของ “ปราสาทสายฟ้า” ที่กดไป 2 ตุง โดยปีนี้มีการเพิ่มรางวัล
“ดาวซัลโวคนไทย” ใครยิงได้เยอะสุดเมื่อจบฤดูกาลรับ 3 แสนบาท
ส่วนรางวัลพิเศษ
“สโมสรที่มีคนไทยยิงประตูมากที่สุด” ที่จะนับในทุกช่วง 5 นัด หลังจบนัดแรกเป็น บุรีรัมย์ ชลบุรี และ สมุทรปราการ มีคนไทยยิงไปแล้วทีมละ 2 ประตูเท่ากัน
ย้ำว่ารางวัลนี้จะนับทุก 5 เกมและต้องมีคนไทยยิงไม่ต่ำกว่า 8 ประตูถึงจะได้รางวัล 5 แสนบาท หากมีสโมสรที่ยิงได้มากที่สุดเท่ากันหรือมากกว่า 1 ทีมให้หารเงินรางวัลกันไป
แต่ถ้า 5 นัดไหนไม่มีสโมสรที่มีนักเตะไทยยิงถึง 8 ประตูจะทบรางวัลไปรอบหน้าเรื่อยๆ รวมเบ็ดเสร็จ 30 นัดเงินรางวัลพิเศษตรงนี้มีแจก 6 ครั้งรวม 3 ล้านบาท
นี่คือรางวัลพิเศษที่ฝ่ายจัดฯพยายามกระตุ้นให้นักเตะไทยมีโอกาสทำผลงานในลีก แต่อาจจะดูว่า
“ย้อนแย้ง” นิดๆ เพราะปีนี้เพิ่ม
“โควตาต่างชาติ” มากขึ้นเป็น
“3+1+3”
ทุกทีมสามารถขึ้นทะเบียนผู้เล่นอาเซียนได้แบบไม่จำกัดทำให้ฤดูกาลนี้มีนักเตะอาเซียนใน “ไทยลีก” สูงสุดถึง 21 คนเลยทีเดียว
ฟิลิปปินส์ คือชาติอาเซียนที่มีนักเตะในลีกสูงสุดของไทยมากที่สุด 9 คน รองลงมาเป็น
เมียนมาร์ 5 คน
เวียดนาม กับ
อินโดนีเซีย ชาติละ 2 คน
มาเลเชีย ลาว สิงคโปร์ ชาติละ 1 คน
ตามระเบียบการแข่งขันจะสามารถส่งชื่อนักเตะต่างชาติในวันแข่งขันได้แค่ 7 คน เท่ากับว่าหากสโมสรใดจัดแบบเต็มอัตราจะมีผู้เล่นต่างชาติมากกว่าคนไทยใน 11 คนแรก
ทว่าจาก 11 สโมสรที่เลือกใช้โควตาอาเซียนในสัปดาห์แรกยังไม่มีทีมไหนที่ใช้โควตา 3+1+3 เต็มพิกัด ที่เยอะสุดคือ
สุโขทัย และ
ชัยนาท ที่มีต่างชาติอยู่ในสนามพร้อมกัน 6 คน
ตรงนี้คงต้องติดตามกันต่อไปว่าการเพิ่มโควตาอาเซียนจะได้ผลลัพธ์กลับมาสมดั่งใจมากแค่ไหน ทั้งกระแสแฟนบอลอาเซียนและสิทธิประโยชน์ต่างๆ
ที่ต้องจับตามองไม่แพ้กันคือเรื่อง
“ผู้ตัดสิน” ที่ดูจะยังเป็นปัญหาให้พูดถึงตั้งแต่นัดแรก ไม่ใช่แค่เรื่องมาตรฐานการตัดสิน แต่ยังว่ากันถึง
“การจัดแมทช์” และวิธีการใช้
‘VAR’
ผู้ตัดสินบางรายเพิ่งพ้นโทษแบนกลับมาไม่นานนัก แต่ดันถูกจับลงทำหน้าที่ในเกมที่มีทีมที่เป็นปัญหาทำให้ถูกแบนลงเตะ !!!
ส่วนประเด็น “VAR” นี่ยิ่งหนักเพราะคลุมเคลือ ไม่ว่าจะใช้คำสวยๆแค่ไหนออกข่าว แต่ความจริงคือ
“ยังใช้ไม่ได้” อย่างที่โม้ไว้แต่แรก ต้องรอให้
FIFA กับ
IFAB โอเคก่อน
ทีนี้เลยเป็นปัญหา ผู้ตัดสินไม่มีสิทธิ์ทำสัญลักษณ์ “VAR” และดูภาพช้าไม่ได้ แต่จะมีการสื่อสารกับห้อง “VAR” ที่เป็น
“ศูนย์กลาง” อยู่ที่สำนักงาน “ไทยลีก” แทน
ไปๆมาๆกลายเป็นว่าผู้ตัดสินเหมือนไม่มีอิสระต้องคอยสื่อสารกับศูนย์กลางอยู่ตลอด บางจังหวะไม่ใช่ลูกที่เข้าข่ายต้องดู “VAR” แต่ยังเห็นสื่อสารกันอยู่นาน บางจังหวะก็นานเกิน
ไม่มีใครรู้ด้วยว่าผู้ตัดสินที่อยู่ในห้องดู “VAR” คือใคร เพราะระบุลงใบรายชื่อไม่ได้ ถ้าคนคิดเยอะอาจถามถึงเรื่องความโปร่งใสด้วยซ้ำ
ที่หลายทีมเป็นห่วงคือมาตรฐานของผู้ตัดสินที่ห้อง “VAR” ว่าอยู่ในระดับไหนกับผู้ตัดสินที่สนาม คนที่อยู่หน้างานกับคนดูในห้องใครจะวินิจฉัยดีกว่ากัน
ถ้าว่ากันตรงๆต้องบอกว่า “VAR” ของเรายังไม่พร้อม ตรงนี้ถือว่ายังไม่โอเค ส่วนภาพรวมอื่นๆของ “ไทยลีก 2019” ในสัปดาห์แรกถือว่าโอเคอยู่นะ
“บับเบิ้ล”